ตอนที่ 3 สองพี่น้องแห่งราชอาณาจักร (3)
「วันนี้แหละจะขอปิดฉากแกซะที ตาแก่บ้า ! ! 」
ในสวนของคฤหาสน์ ฉันชี้ดาบไม้ไปยังชายผู้เป็นคู่ต่อสู้ เขาคือ ท่านวิสเคานต์ “แบนเดล ฮิม เซนเด็น” อัศวินดำผู้เป็นตำนานของอาณาจักรฟาร์นอส ผู้มีผมสีขาวยุ่งเหยิงราวกับซามูไรตกยุค และมีรอยแผลเป็นรูปกากบาทบนหน้าผาก
ชายร่างใหญ่ผู้นี้ แม้จะอายุมากพอที่ฉันเรียกเขาว่า “ตาแก่” แต่ร่างกายของเขายังคงเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกำยำ
ดาบไม้ที่เขาใช้เป็นแบบจำลองของดาบใหญ่ ซึ่งปกติจะติดทุ่นน้ำหนักเพิ่มเพื่อเพิ่มความยากในการฝึก แต่เวลาฝึกกับฉัน เขาจะถอดน้ำหนักออก “เพราะอันตราย” นั่นทำให้เขาแกว่งดาบได้เร็วจนฉันแทบตามไม่ทัน
ในขณะที่ดาบไม้ของฉันถูกออกแบบให้เหมือนดาบยาว ซึ่งปกติใช้สองมือ แต่ตาแก่บังคับให้ฉันใช้มือเดียวเท่านั้น
การใช้ดาบมือเดียวทำให้ฉันต้องอาศัยแรงเหวี่ยงที่มากเกินไป และจบลงด้วยการถูกจัดการลงอย่างง่ายดาย
「 คำพูดของเจ้าเบาโหวงพอ ๆ กับการฟันดาบเลย 」
「 เจ้าเด็กน้อย ! คิดจะโค่นข้าด้วยฝีมือแค่นี้งั้นเหรอ ? 」
ด้วยมือเดียว ตาแก่สามารถควบคุมดาบใหญ่ได้อย่างง่ายดาย เขาใช้มันดีดดาบของฉันให้ลอยขึ้นจากด้านล่าง เปิดช่องว่างกลางลำตัวของฉัน ก่อนจะเตะเข้าที่ท้องอย่างรวดเร็ว
「 อั่ก !? 」
อากาศในปอดถูกเตะจนหมด ฉันกระเด็นลอยไปไกลและกลิ้งกับพื้นหญ้า เมื่อพยายามลุกขึ้น แต่ทันใดนั้นดาบไม้ของตาแก่ก็มาสัมผัสเบา ๆ ที่ต้นคอของฉัน พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นเขาถอนหายใจหนัก ๆ
「 อย่างน้อยพยายามโจมตีให้โดนข้าสักครั้งเถอะ เจ้าโง่ 」
「 มันยากเกินไปน่า รู้ตัวไหมว่าตัวองเป็นถึงวีรบุรุษของประเทศ ? 」
「 ฝีปากของเจ้านี่ช่างพัฒนาไปไกลนัก 」
หลังจากตอบกลับด้วยเสียงเหน็บแนม เขาก็ถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะยื่นมือมาเพื่อบอกให้ฉันลุกขึ้น พอลุกขึ้นมาโดยใช้ดาบเป็นไม้เท้า ตาแก่ก็เริ่มบรรยายวิธีการใช้ดาบอีกครั้ง
「 เจ้ายังต้องฝึกให้ดาบเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย อย่าใช้แค่แขนแกว่งดาบ ต้องใช้ทั้งตัว ดาบต้องเป็นเส้นต่อของร่างกาย เข้าใจไหม ? 」
ฉันเคยได้ยินเรื่อง “ระดับของผู้ชำนาญการ” ที่เป็นความรู้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ในชาติก่อน คำพูดของปรมาจารย์เหล่านี้มักอยู่เหนือความเข้าใจของคนธรรมดาอยู่เสมอ
「 จะให้ฉันผูกดาบติดกับร่างกายเลยหรือไง ? 」
ไม่ว่าจะฝึกแกว่งไปมากี่ครั้ง ฉันก็ไม่สามารถมองดาบเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายได้จริง ๆ คำพูดนี้มันอาจจะดูไร้สาระในสายตาของปรมาจารย์ แต่ตาแก่กลับไม่ตอบอะไร เขาเริ่มแกว่งดาบไม้ของเขาแทน
การเคลื่อนไหวของเขานั้นสง่างามราวกับกำลังร่ายรำในพิธีกรรมอะไรสักอย่าง
「 ถ้าจะคิดแบบนั้นมันก็ไม่ผิด แต่จงแกว่งดาบต่อไปจนกว่าจะรู้สึกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายซะ เจ้าจะมีพรสวรรค์หรือไม่ มันไม่ได้สำคัญ 」
「 สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ตัดสินทุกอย่างคือเวลาที่เจ้าทุ่มเทมันลงไป 」
「 อย่าได้โอดครวญว่าตัวเองนั้นไร้พรสวรรค์ก่อนที่ได้จะพยายาม เพราะความพยายามคืออาวุธเดียวที่คนธรรมดาที่เจ้ามีเหลืออยู่ 」
คำพูดของตาแก่ฟังดูหนักแน่น แต่ฉันเองก็มีความเห็นแย้งในใจอยู่เหมือนกัน
ด้วยความรู้จากชาติที่แล้ว ฉันรู้มาว่านักวิทยาศาสตร์ชื่อดังคนหนึ่งเคยพิสูจน์ว่า “ความสามารถในการพยายามก็เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดโดยพันธุกรรม”
โลกแห่งความจริงนั้นมันโหดร้าย ไม่ใช่แค่พรสวรรค์ที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่เกิด แต่แม้กระทั่งความสามารถในการพยายามก็เป็นผลมาจากพันธุกรรมอีกด้วย
ถึงอย่างนั้น ฉันเองก็รู้ดีว่าถ้าพูดเรื่องนี้ในตอนนี้ ตาแก่ไม่มีทางยอมรับแน่นอน เพราะการอธิบายว่า “ความพยายามคือพรสวรรค์ที่ฟ้าประทานมา” คงทำให้การสนทนานี้มียาวยืด
ทางที่ดีที่สุดคือเงียบไว้…
แต่ฉันเองก็ไม่ใช่คนที่จะเงียบอยู่เฉย ๆ ฉันเลยเลือกที่จะพูดในมุมมองที่ต่างออกไปแทน
「 สมัยนี้มันเป็นยุคที่ใช่ปืนยิงกันแล้วนะ การยึดติดกับดาบมันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ ถ้าจะฝึกจริง ๆ ลองเอาเวลสไปใช้เวลาไปกับอาวุธอื่นบ้างก็น่าจะดีนะ 」
ตาแก่หยุดแกว่งดาบแล้วหันมามองฉัน ใบหน้าของเขาดูเหมือนจะประหลาดใจ แต่ไม่นานเขาก็พยักหน้าอย่างพอใจ
「 ดูเหมือนว่าปากเจ้าจะฉลาดพอ ๆ กับหัวสมองนะ แต่คำพูดของเจ้าก็ไม่ผิดหรอก ข้าเองก็เห็นด้วยกับสิ่งที่เจ้าพูด หากต้องออกรบจริง ๆ ปัญหาที่ดาบเล่มเดียวแก้ไม่ได้มันย่อมมีให้เห็นแน่นอน 」
นี่ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ?
ทำไมตาแก่ถึงฟังฉันง่ายขนาดนี้ ?
ลางสังหรณ์ไม่ดีเริ่มก่อตัวขึ้น เมื่อเห็นตาแก่ยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ชวนให้ขนลุก
「 ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่จะต้องเริ่มฝึกอย่างอื่นแล้วสินะ ตามที่เจ้าต้องการ ข้าจะสอนวิธีใช้ปืนให้ รวมถึงความรู้และทักษะที่จำเป็นอื่น ๆ ให้กับเจ้าเอง 」
「 …ดูเหมือนปากพาซวยอีกแล้ว 」
「 ลีออนนี่โง่จริง ๆ เลยนะ 」
「 รูเด้ เธอใจร้ายหน่อยไหม ? 」
「 ถ้าไม่อ่อนโยนกว่านี้ เดี๋ยวไม่ได้แต้มนิยมจากฉันหรอกนะ ! 」
「 ฉันไม่ต้องการแต้มความนิยมของนายหรอก เจ้าบ้าลีออน 」
วันหยุดของฉันมักจะจบลงด้วยการใช้เวลาอยู่ที่ปราสาทเป็นประจำ ในนามว่าเป็นคู่เล่นของเจ้าหญิง ฉันได้สริทกับพวกเธอมานานกว่า 5 ปีแล้ว
ตอนนี้ฉันกับเฮอร์ทรูเด้ หรือที่เรียกกันว่า “รูเด้” อายุ 10 ปี และน้องสาวของเธอ “เฮอร์เลาด้า” อายุ 8 ปี
ช่วงนี้รูเด้เริ่มทำตัวเหมือนอยากเป็นผู้ใหญ่เต็มที่แล้ว
ถึงจะดูเหมือนเป็นภาพที่น่ารักตามแบบเด็กผู้หญิงวัยกำลังโต แต่เพราะสถานะเจ้าหญิงในปราสาท เธอจึงถูกบังคับให้เป็นผู้ใหญ่เร็วกว่าที่ควรจะเป็น
ช่วงเวลาที่ทั้งสองคนจะได้ทำตัวเป็นเด็กนั้น คงเวลาเหลืออีกไม่นาน
ขณะที่ฉันกับรูเด้กำลังพูดคุยกัน “เฮอร์เลาด้า” หรือ “เลาด้า” ก็เข้ามาแทรก
「 พี่สาวไม่ต้องการแต้มความนิยมของลีออนเหรอ ? 」
「 งั้นหนูจะเอาเองนะ ! 」
「 เอาล่ะลีออน มอบแต้มความนิยมมาให้หนูเดี๋ยวนี้เลย 」
เลาด้าที่ยืดอกอย่างภาคภูมิใจ ดูเหมือนจะไม่เข้าใจเรื่องแต้มความนิยมที่พูดถึงกันอย่างถูกต้องเลยสักนิด เพราะความรู้ในอดีตชาติที่ฉันที่เผลอปล่อยออกมา ทำให้ทั้งสองคนนี้ได้รับความรู้ประหลาด ๆ เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น
ฉันลูบหัวเลาด้าอย่างอ่อนโยน
「 เลาด้านี่เป็นเด็กดีจริง ๆ ขอให้โตไปแบบนี้เรื่อย ๆ นะ 」
รูเด้ที่มองดูเลาด้าทำหน้าดีใจเมื่อถูกลูบหัว ทำพองแก้มอย่างหงุดหงิด ตรงข้ามกับเลาด้า รูเด้เป็นเด็กที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมาตรง ๆ
「 คำพูดนั้น เหมือนนายจะบอกว่าฉันไม่ใช่เด็กดีเลยนะ 」
「 ดีแล้วล่ะ ! ที่เธอเข้าใจ 」
「 ถ้าอยากให้ฉันอ่อนโยนด้วย เธอก็ต้องทำคะแนนความนิยมให้ฉันบ้างนะ ฉันทั้งโดนตาแก่ทุบจนเจ็บทั้งกายและใจแล้วนะเนี่ย 」
「 ขอบอกไว้เลยนะ มีแค่ลีออนเท่านั้นแหละที่พูดแบบนั้น 」
「 ไม่มีใครในปราสาทหรอกที่กล้าพูดแบบนั้นกับแบนเดล 」
ฉันมองรูเด้ที่โกรธจนป่องแก้ม แล้วก็ถอนหายใจเบา ๆ
<อัศวินดำ> ผู้ยิ่งใหญ่ของราชอาณาจักรฟาร์นอส ถูกทุกคนเกรงกลัว แต่ไม่มีใครเห็นตาแก่คนนั้นในแบบที่เป็นจริง ๆ
สำหรับตาแก่ที่ครอบงำด้วยความแค้นจากการสูญเสียครอบครัว ตำแหน่งของวีรบุรุษคงเป็นเหมือนกับโซ่ตรวน
「 ถ้าให้ฉันพูดตรง ๆ ตาแก่ควรจะไล่ตามหาความสุขของตัวเองมากกว่านี้นะ 」
「 การถูกพันธนาการด้วยตำแหน่งวีรบุรุษและความแค้นนี่มันช่างน่าสงสารจริง ๆ 」
ตั้งแต่รู้ว่าสถานที่นี้คือโลกของเกมจีบหนุ่ม ฉันก็รู้สึกสงสารสภาพของราชอาณาจักรฟาร์นอส ประเทศที่ถูกมองเป็นว่าเป็นแค่ตัวร้ายของเนื้อเรื่องนั้น
ทำให้ฉันรู้สึกเศร้าใจจริง ๆ
มุมมองที่เหมือนกับมองจากภายนอกนี้ อาจเป็นเพราะฉันเป็นคนที่กลับชาติมาเกิดและรู้จักเกมนี้เป็นอย่างดี
บางทีการแสดงออกอย่างหยิ่งยโสของฉันในฐานะผู้กลับชาติมาเกิดอาจส่งผลถึงรูเด้ เธอที่คิ้วขมวด จ้องมองฉันอย่างไม่พอใจ
「 หมายความว่ายังไง ? รีบถอนคำพูดเลยนะ ! 」
「 หา ? ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ 」
ถึงจะเห็นรูเด้อารมณ์เสีย แต่ตอนแรกฉันก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติ เลยไม่ได้ขอโทษอะไร
ทว่า…
คราวนี้รูเด้เผยความรู้สึกที่ถูกครอบงำด้วยความโกรธ ออกมาทั้งทางสีหน้าและคำพูด
「 รีบถอนคำพูดเลยนะ ! 」
「 แบนเดลคือวีรบุรุษนะ ! เขาคืออัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดที่ต่อสู้กับอาณาจักรที่ชั่วร้ายเพื่อปกป้องประเทศของพวกเรา 」
「 นายกล้าบอกว่าเขาน่าสงสารงั้นเหรอ ? 」
ดูเหมือนว่าเธอต้องการบอกว่าเส้นทางชีวิตของตาแก่นั้นไม่ได้ผิด ฉันเพิ่งจะเข้าใจว่าตัวเองพูดอะไรไม่เข้าท่าลงไป
ต่างจากฉันที่เป็นผู้กลับชาติมาเกิด รูเด้เป็นคนในโลกนี้โดยแท้ เธอไม่ได้รู้เรื่องของฉัน และสำหรับคนในอาณาจักรฟาร์นอส การล้างแค้นอาณาจักรคือความยุติธรรม
[ [ ต้องลงโทษอาณาจักรที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมเข้ามารุกรานเราให้สาสม ] ]
นั่นคือสิ่งที่พวกเขาเชื่อมั่น
รูเด้คว้าคอเสื้อฉันและเขย่าไปมาอย่างแรง
ถึงจะสามารถสะบัดออกไปได้ แต่สีหน้าจริงจังของรูเด้ทำให้ฉันลังเลที่จะผลักไสเธอออกไป
「 รีบถอนคำพูดเลยนะ ! 」
ในดวงตาของรูเด้ที่เชื่อมั่นว่าการล้างแค้นคือความยุติธรรม ฉันเลยเลือกที่จะไม่โต้แย้งด้วยเหตุผล
ฉันเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ควรล้ำเส้น
ฉันจึงหลบสายตาออกจากรูเด้และเอ่ยคำขอโทษ
「 ขะ… ขอโทษก็แล้วกัน 」
「 …โกหก 」
「 หา ? 」
「 นายหลยสายตาแล้วพยายามเปลี่ยนเรื่องหนี 」
เจ้าหญิงคนนี้รู้เรื่องเกี่ยวกับฉันดีเกินไปแล้ว
ฉันเบิกสายตากว้างขึ้นด้วยความตกใจที่เธออ่านใจฉันออก ส่วนรูเด้ก็มั่นใจว่าสิ่งที่เธอคาดเดานั้นถูกต้อง เธอเลยผลักไสฉันออกไป
「 ออกไปซะ ! 」
「 แล้วอย่ากลับมาให้พวกเราเห็นหน้าอีก ! ตอนนี้ฉันเกลียดนาย ! 」
ฉันไม่อาจโต้เถียงใด ๆ ได้ เพราะสำหรับพวกเธอ การล้างแค้นต่ออาณาจักรเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
ฉันจึงก้มหัวขอโทษและกำลังจะออกจากห้องไป——
「 ไม่ ! 」
「 ไม่เอานะ ! ลีออน อย่าไปเลยนะ ! 」
―เลาด้าที่เงียบมาตลอดคว้าแขนของฉันเอาไว้
「 เลาด้า ? ขอโทษด้วยนะ 」
ถึงฉันจะขอโทษและพยายามเดินออกไป แต่เลาด้ากลับไม่ยอมปล่อยฉัน
รูเด้เองก็ดูเหมือนจะเริ่มโกรธเลาด้าเล็กน้อย เธอคงไม่เข้าใจว่าทำไมเลาด้าถึงปกป้องฉัน ทั้งที่ฉันปฏิเสธเรื่องการล้างแค้น
「 ปล่อยเขาไปเถอะ เลาด้า คนแบบนั้นปฏิเสธความยุติธรรมของพวกเรา 」
「 เขาคือคนทรยศ ! 」
รูเด้ที่กำลังโกรธจัด กอดอกตัวเองและหันหน้าไปอีกทาง
เลาด้าที่กำลังน้ำตาคลอเบ้าและตะโกนออกมา
「 แล้วถ้าเขาหายไปล่ะ 」
「 เหมือนอย่างกับท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ ! พวกเราจะไม่มีวันได้เจอกับเขาอีกเลยนะ ! 」
ทันทีที่เรื่องของพ่อแม่ถูกพูดขึ้นมา รูเด้ก็สะดุ้งและตัวสั่น ระหว่างที่รูเด้ยังคงสับสน ทหารรักษาการณ์ที่ได้ยินเสียงโวยวายก็เข้ามาในห้อง
รูเด้ก็เงียบลง ส่วนเลาด้าก็ร้องไห้ไม่หยุด
ในที่สุด…
ฉันก็ถูกพาตัวไป จากห้องไปพร้อมกับทหารรักษาการณ์ที่มองดูเหตุการณ์ด้วยความงุนงง
「 เจ้าโง่เอ๊ยยยย ! ! 」
ตาแก่ที่ได้ยินเรื่องราวจากวังหลวงก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า และตามที่คาดการณ์ไว้ เขาโยนฉันลงไปกลางลานฝึก แล้วปามีดไม้ใส่ฉัน เมื่อฉันรับไว้ได้ ตาแก่ก็ยกปลายดาบไม้เล็งมาที่ฉันทันที
「 เจ้าที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเจ้าหญิง แต่กลับทำให้พวกเธอร้องไห้เนี่ยมันอภัยไม่ได้ ! 」
「 แถมยังบอกว่าการล้างแค้นอาณาจักรเป็นเรื่องไร้สาระอีกหรือ ? 」
「 นี่เจ้ายังเรียกตัวเองว่าอัศวินแห่งราชอาฯาจักรอยู่อีกเหรอ ? 」
ตาแก่ฟาดดาบไม้ด้วยความโกรธมาที่ฉัน ฉันหลบกลิ้งไปด้านข้างแทนที่จะรับไว้ตรง ๆ ผลคือดาบไม้ของเขาปักลึกลงไปในพื้นดิน หากฉันรับไว้ตรง ๆ ล่ะก็ ดาบไม้ของฉันคงแตกกระจาย หรือถ้าไม่เช่นนั้น กระดูกฉันคงหักแทน
「 คิดจะฆ่าฉันหรือไง !? 」
ฉันตะโกนประท้วง แต่ตาแก่กลับไม่ปฏิเสธ
「 ข้าไม่ได้ฝึกเจ้าให้ตายง่าย ๆ อยู่แล้ว ถ้าเจ้าจะตาย ก็จงโทษที่ตัวเองอ่อนแอซะ ! 」
คำพูดแบบนี้ในชาติก่อนคงกลายเป็นประเด็นทางสังคมไปแล้ว แต่ในโลกนี้มันกลับถูกมองว่าเป็นเรื่องที่เข้มงวดที่ยอมรับได้
ฉันได้แต่หลบเลี่ยงดาบไม้ของตาแก่ที่แกว่งฟาดมาเรื่อย ๆ ในขณะที่พยายามหนี หัวใจของฉันเต็มไปด้วยความคับข้องใจ
( ทำไมฉันต้องถูกด่าทอด้วย ? )
แน่นอนว่าตาแก่มีเหตุผลที่ต้องการแก้แค้น แต่ถ้าย้อนกลับไปมองอดีต ราชอาฯาจักรก็ใช่ว่าจะไร้ความผิดซะหน่อย
ฉันจึงหยุดวิ่งและปาดาบไม้ใส่ปู่ ตาแก่ฟาดดาบของฉันกระเด็นไปอย่างง่ายดาย แต่ของจริงมันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
「 ใครที่เป็นคนเริ่มโจมตีล่ะ ? 」
「 ถึงแม้พวกท่านจะบอกว่าการล้างแค้นเป็นเรื่องถูกต้อง อาณาจักรก็มีสิทธิ์ที่จะโต้ตอบเหมือนกันไม่ใช่หรือ ? 」
ฉันถูกฝึกอย่างโหดร้ายมาโดยตลอด และความไม่พอใจของฉันก็ถึงขีดสุดแล้ว ฉันเลยปล่อยความอัดอั้นที่สะสมไว้ออกมาหาตาแก่เต็ม ๆ
คำพูดของฉันทำให้ตาแก่ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
「 …เจ้าไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน ? 」
「 คิดว่าปิดบังความจริงไปแล้วมันจะหายไปงั้นเหรอ ? 」
「 ทั้งที่ไปอาละวาดไปตั้งขนาดนั้น แต่พอโดนโจมตีกลับก็โกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงเสียเอง ไม่อายเหรอไง ? 」
ตาแก่ที่โดนจี้จุดสำคัญ โกรธจนใช้ดาบไม้โจมตีฉันอย่างเต็มแรง ฉันเองก็ตกใจแทบขาดใจเพราะเป็นการโจมตีที่แทบจะปลิดชีพได้ แต่แล้วดาบของตาแก่ก็ถูกหยุดไว้
「 ――อ๊ะ ! 」
「 ในที่สุดก็มานะ โครว์ ! 」
ตรงหน้าฉันและตาแก่ ปรากฏร่างทรงกลมสีดำที่เป็นสิ่งมีชีวิตเวทมนตร์ มีดวงตาเดียวที่ดูน่ากลัวเอาไว้ แต่คำพูดกลับน่ารักเหมือนมาสคอตตัวน้อย
『 ข้าย้ำให้เรียกส่า “เบรฟ” ไปตั้งเท่าไหร่แล้ว เจ้าคู่หู ! 』
ตาแก่ที่ถูกขัดจังหวะ ถอยออกห่างจากโครว์ทันที
「 อย่ามาขวาง เจ้าสิ่งของต้องสาป นี่มันเรื่องระหว่างข้ากับลีออน 」
โครว์ที่ถูกสั่งห้ามแทรกแซงแสดงท่าทีอย่างจริงจัง ดวงตาเพียงหนึ่งเดียวของมันฉายความเคร่งเครียด
『 ไม่ได้หรอก ! 』
『 ถ้าการโจมตีเมื่อกี้โดนเข้าเต็ม ๆ เจ้าคู่หูของข้าคงเอาชีวิตไม่รอดแน่ 』
『 เจ้าคิดจริง ๆ เหรอว่าข้าจะปล่อยให้ฆ่าเขา ? 』
การที่ตาแก่ผู้เลี้ยงดูฉันมาตั้งแต่เด็กมุ่งมั่นจะฆ่าฉันจริง ๆ นั้น มันทำให้จิตใจของฉันบอบช้ำไม่น้อยเลย
แต่ในเวลาเดียวกัน ฉันก็รู้ตัวว่าตัวเองเหยียบย่ำเรื่องที่ตาแก่ไม่อยากให้ใครพูดถึงเข้าไปเต็ม ๆ อย่างไม่ยั้งคิด บางทีคงถึงเวลาที่เราต้องแยกจากกันแล้วล่ะ
「 พอเถอะ 」
「 โครว์ ยังไงวันนี้มันก็เป็นวันสุดท้ายอยู่แล้ว 」
『 แน่ใจเหรอ ? 』
『 ที่นี่ก็ยังมีรูเด้กับเลาด้าอยู่ไม่ใช่เหรอ ? 』
「 ยังไงพวกนั้นก็เกลียดฉันไปแล้วล่ะ 」
「 คงไม่มีวันได้เจอกันอีกแล้ว… 」
「 ตาแก่ ฉันขอโทษจริง ๆ นะ ที่พูดเรื่องล้างแค้นของคุณเป็นการดุหมื่นแบบนั้น 」
ฉันหันหลังให้ตาแก่ แล้วเดินออกจากคฤหาสน์ไปพร้อมกับโครว์ บรรยากาศที่เหลือทิ้งเอาไว้เบื้องหลังเป็นความไม่สบายใจอย่างที่สุด
แม้แต่ท้องฟ้าก็เหมือนจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ท้องฟ้าคลึ้มเมฆ และฝนเริ่มตกโปรยปรายลงมา…
แบนเดลมองดูแผ่นหลังของลีออนที่เดินจากไปอย่างช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว มือซ้ายของเขายื่นออกไปราวกับจะไขว่คว้าอะไรบางอย่าง
แต่เมื่อรู้สึกตัว เขาก็รีบดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว
( เราเองก็อ่อนแอลงมากเสียแล้ว )
( ลีออนที่เราเลี้ยงดูมาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการแก้แค้นต่ออาณาจักร ไม่ใช่เพราะมีความรู้สึกผูกพันอะไรกับเด็กนั่น… )
( —มันต้องไม่มีแน่ ๆ )
เหตุผลที่เขารับเด็กชายคนนี้มาเลี้ยงตั้งแต่ยังเด็ก ก็เพื่อผลประโยชน์ของอาณาจักรในอนาคต แบนเดลกำหมัดแน่นเพื่อสลัดความรู้สึกอ่อนแอนั้นทิ้งไป
…เจ้าเด็กเวรนั้น รีบ ๆ ไปซะเถอะ
( แค่นี้ก็ดีแล้ว )
( ไม่ได้ขอให้ใครเข้าใจมัน ขอแค่การแก้แค้นให้ภรรยาและลูกสาวสำเร็จได้เท่านั้นก็พอแล้ว )
ในห้วงความคิด แบนเดลนึกถึงภรรยาและลูกสาวที่เขาไม่สามารถปกป้องเอาไว้ได้ มือทั้งสองของเขาสั่นเทา เขาได้โยนดาบไม้ในมือทิ้งและกำหมัดแน่น
( ประวัติศาสตร์ของอาณาจักรนั้นข้าไม่สนหรอก )
( ภรรยาของข้าไม่เคยคิดจะโจมตีอาณาจักร ลูกสาวก็ยังเด็กนัก แต่พวกมันกลับพรากทุกสิ่งไปจากข้า )
( จะให้เกลียดชังอาณาจักรนั้น แล้วมันผิดตรงไหนกัน ? )
( ข้าสาบานแล้ว… ว่าจะต่อสู้จนกว่าการแก้แค้นให้สำเร็จ )
เขาไม่สนใจความเป็นมาไปของชาติหรือสงคราม สื่งที่เขาสนใจเพียงสิ่งเดียวคือการแก้แค้นให้กับครอบครัว แบนเดลจ้องมองลีออนที่กำลังเดินจากไป
ภาพความทรงจำตลอดห้าปีที่ผ่านมาหลั่งไหลกลับเข้ามาในหัว
( เจ้าเด็กปากดีนั้นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของอดีตเท่านั้น )
( —จะไปที่ไหนก็ไปเถอะ )
แม้ในใจจะคิดว่ามันไม่สำคัญเลยว่าลีออนจะมีชะตากรรมเป็นเช่นไร แต่เมื่อรู้ตัวอีกที ร่างกายของเขากลับหันไปทางลีออนโดยไม่ตั้งใจ
「「 เจ้าหนู… อย่าให้ตัวเปียกฝนจนป่วยละกัน 」 」
คำพูดที่เปี่ยมด้วยความห่วงใยหลุดออกมาจากปากของเขาเองจนแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังตกใจ และดูเหมือนลีออนเองก็ตกใจอยู่เช่นกัน
เด็กหนุ่มลืมตาโต ก่อนจะตอบกลับด้วยสีหน้าขวยเขิน
「 「 ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ ตาแก่เองก็รักษาสุขภาพด้วยล่ะ 」 」
แบนเดลมองดูลีออนเดินออกจากประตูคฤหาสน์ไป รู้สึกเหมือนมีช่องว่างใหญ่ในอก ความรู้สึกที่ว่าสูญเสียเขาไป และความที่ไม่อยากยอมรับถาโถมเข้ามา
「 แค่นี้ก็ดีแล้ว… 」
「 ชีวิตเป็นของเจ้าหนูนั้นเอง… 」
แต่ทันใดนั้น เสียงอุทานของลีออนก็ดังมาจากอีกฟากของประตู
「 「 ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ เลาด้า !? 」 」
เมื่อได้ยิน แบนเดลก็รีบวิ่งออกไปยังประตูอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่เขาเห็นคือ เลาด้า ผู้ที่หนีออกมาจากปราสาทหลวง
「 ทำไมถึงแอบหนีออกมาจากปราสาทโดยไม่พาผู้ติดตามมาด้วยล่ะครับ !? 」
「 แถมยังเปียกปอนตั้งขนาดนี้อีก 」
เลาด้าที่วิ่งฝ่าฝนมานั้นเต็มไปด้วยโคลน ตาแก่ที่ได้สั่งให้เอเซลเตรียมชุดเปลี่ยนและจุดไฟในเตาผิงเพื่อให้เลาด้าอบอุ่นขึ้น แต่เลาด้ากลับเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ยอมหยุด
「 ก็เพราะเกราล์ดบอกว่าลีออนจะไม่กลับมาอีกแล้วนี่ 」
เมื่อชื่อเกราล์ดถูกเอ่ยขึ้น คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันทันที
ไอ้ท่านเคานต์จอมเจ้าเล่ห์นั่น ชอบทำแต่เรื่องวุ่นวายอยู่เรื่อย
โครว์ซึ่งไม่ค่อยปรากฏตัวในปราสาทหลวงจึงไม่รู้เรื่องเกราล์ดดีนัก เมื่อเห็นสีหน้าข้ากับตาแก่ที่ดูหงุดหงิด เขาจึงถามขึ้นว่าชายคนนี้เป็นคนแบบไหน
「 ตาแก่เอ่ยชื่อเกราล์ดให้ข้าฟังบ่อย ๆ เขาเป็นคนแย่ขนาดนั้นเลยหรือ ? 」
「 ทั้งท่าทาง คำพูด ทุกอย่างมันน่าสงสัยไปหมด นิสัยก็ร้ายกาจ ข้าไม่ชอบเขาเลยแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าเกราล์ดจะทำงานดูแลเลาด้าและคนอื่น ๆ ในปราสาทหลวง 」
「 แต่จากมุมมองของข้า เขาเป็นคนที่ชอบแทรกแซงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่า ถึงแม้ตาแก่จะไม่ค่อยตำหนิเขา แต่ก็ไม่ได้ขัดแย้งความเห็นของข้า 」
ตาแก่ที่ห่วงใยเลาด้ากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
「 ดูเหมือนจะมีความเข้าใจผิดกัน ข้าจะอธิบายให้เกราล์ดฟังเอง 」
「 วันนี้ท่านกลับปราสาทไปก่อนเถอะ 」
เมื่อจะออกไป เลาด้าก็ร้องไห้หนักขึ้นอีก ผู้อาวุโสเลยต้องเปลี่ยนเรื่องไปแทน
「 ตาแก่นี่เข้มงวดกับข้า แต่กับรูเด้กับเลาด้ากลับใจดีเป็นพิเศษจริง ๆ 」
เมื่อข้าบ่นออกมา โครว์ที่อยู่ข้าง ๆ ของฉันก็หัวเราะคิกคัก
『 อิจฉาหรือไง คู่หู ? 』
「 ไม่ใช่สักหน่อย ฉันหมายถึง ถ้าตาแก่เข้มงวดกับข้าตลอดเวลา ทำไมถึงไม่ทำแบบเดียวกันกับรูเด้และเลาด้าบ้างล่ะ 」
『 ก็ถ้าเจ้าว่ามาแบบนั้น ข้าก็จะถือว่าเป็นอย่างนั้นละกัน แต่จริง ๆ เขาใจดีกับสองคนนั้นเป็นพิเศษจริง ๆ 』
ในขณะที่ฉันกับโครว์กำลังคุยกันแบบเบา ๆ ตาแก่ดูเหมือนจะหมดความอดทน ถึงจะไม่ตะโกนเพราะมีเลาด้าอยู่ ด้วย แต่เส้นเลือดที่หน้าผากของเขาก็ปูดขึ้นจนเห็นได้ชัดเลย
「 ลีออน เจ้าทำให้เจ้าหญิงรู้สึกเหงา 」
「 อย่างน้อยเจ้าก็ควรจะไปอยู่เป็นเพื่อนพูดคุยกับนางเสียหน่อยน่าจะดี 」
คำพูดที่แฝงไปด้วยความกดดันของตาแก่ ทำให้ฉันต้องไหล่ตกแล้วเดินเข้าไปหาเลาด้า
เมื่อเห็นลาวดาสูดน้ำมูก ฉันเองก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที
「 ฉันขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิดนะ 」
「 แต่เธอรู้จักที่นี่ได้ยังไงกัน ? เธอออกจากปราสาทแค่ไม่กี่ครั้งเองนี่นา 」
ถึงจะเรียกว่าเป็นการดูแลอย่างทะนุถนอม แต่ก็แทบจะเป็นเหมือนกับการกักขังดี ๆ นี่เอง ซึ่งเลาด้าเองก้ไม่น่าจะสามารถหนีออกมาได้ด้วยตัวคนเดียว
「 เพราะท่านพี่บอกทางลับในปราสาทให้รู้ค่ะ 」
「 …อย่าเอาทางลับนั่นไปบอกใครเด็ดขาดล่ะ 」
ดูเหมือนเลาด้าจะใช้ทางลับที่มีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่รู้ เพียงเพื่อออกมาข้างนอก ฉันถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ และด้านหลังตาแก่ก็ถอนหายใจตามมา
「 เจ้าหญิง ทางหนีนี้มีไว้ใช้ในยามฉุกเฉินเท่านั้นนะครับ หากไม่จำเป็นกรุณาอย่าใช้มันเพื่อหนีออกจากปราสาทอีก 」
「 มันฉุกเฉินจริง ๆ นี่คะ ! 」
「 ทุกคนเอาแต่บอกว่าลีออนจะไม่อยู่แล้ว… 」
เมื่อเห็นว่าเลาด้าใกล้จะร้องไห้อีกครั้ง ฉันกับตาแก่จึงพยายามปลอบเธออย่างสุดกำลัง
「 ใจเย็น ๆ เลาด้า ฉันอยู่นี่ไง ! 」
『 ใช่แล้ว ๆ เลาด้า เจ้าคู่หูของข้าจะอยู่ที่นี่เสมอ 』
『 ใช่ไหมล่ะ ท่านเจ้า ? 』
ตาแก่ที่ถูกโครว์ถามถึงกับทำหน้าเกร็งเล็กน้อยก่อนพยักหน้า
「 ชะ… ใช่แล้วครับ 」
「 อย่างน้อย ๆ ก็อยู่ที่คฤหาสน์นี้ต่อนะ… ไอ้เด็กเวร 」
แม้จะพูดพลางเบือนหน้าหนี แต่ฉันเองก็รับรู้ได้ว่าตาแก่หมายความตามนั้น ฉันเองก็เบือนหน้าไปทางอื่นด้วยความเขินอาย
「 …ฉันคงต้องรบกวนต่อไปสินะ ตาแก่หัวดื้อ 」
เมื่อเราต่างหันหน้าหนีและตัดสินใจล้มเลิกเรื่องการแยกย้ายกัน เลาด้าก็ค่อยมีสีหน้าโล่งอกขึ้นเล็กน้อย โครว์ที่มองดูพวกเราอยู่ใกล้ ๆ ก็เข้าไปหาเลาด้า
『 เจ้าวางใจได้เลยนะ เลาด้า ! 』
แม้ว่าโครว์จะตั้งใจดี แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูแปลกตาและน่ากลัวสำหรับเด็ก ๆ ทำให้เลาด้าซึ่งมองเขาอยู่ใกล้ ๆ ถึงกับตกใจจนร้องไห้เสียงดัง
「 อ๊ายยย ! ไม่ไหว ๆ มันน่ากลัวมาก ! 」
『 อะไรกัน ! 』
『 คราวนี้เป็นความผิดของข้าเหรอ !? 』
เมื่อกลับถึงปราสาทพร้อมกับแบนเดล เลาด้าก็เจอกับรูเด้ที่กำลังรอด้วยความเป็นห่วง และเกราล์ดที่ดูทำท่าไม่พอใจ
「 เลาด้า ! ทำไมถึงทำให้พี่เป็นห่วงขนาดนี้ 」
รูเด้ที่เริ่มร้องไห้โผเข้ากอดเลาด้า ซึ่งมีน้ำตาคลออยู่เช่นกัน
「 หนูขอโทษค่ะ ท่านพี่ 」
เมื่อเห็นภาพพี่น้องกอดกัน แบนเดลถอนหายใจเบา ๆ ด้วยความโล่งใจ
( ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว )
( แต่ฉันก็ไม่เคยคิดว่าท่านเลาด้าจะยึดติดกับลีออนถึงเพียงนี้… หรืออาจจะเป็นเพราะนางกลัวการสูญเสียคนใกล้ตัวก็ได้ )
ความรู้สึกที่เหมือนถูกคมมีดแหลมทิ่มแทงข้างในใจ ทำให้แบนเดลเผลอวางมือลงบนหน้าอกของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
เกราล์ดที่กำลังโกรธเกี่ยวกับการหนีออกจากปราสาทของเลาด้า เดินเข้ามาใกล้
「 การหนีออกไปในเวลาที่ต้องเรียนรู้หน้าที่สำคัญเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าท่านหญิงคงยังขาดความพร้อมในฐานะคนของราชวงศ์ 」
「 …เจ้าคาดหวังให้เด็กตัวเล็ก ๆ มีความพร้อมเช่นนั้นเลยหรือ ? 」
แบนเดลจ้องเกราล์ดด้วยสายตาเฉียบคม เกราล์ดยกมือขึ้นทั้งสองข้างด้วยท่าทางยอมแพ้
「 ข้าขอร้องละ อย่าโกรธนักเลย 」
「 หากท่านจ้องมาเช่นนั้น หนวดของข้าคงสั่นสะท้านไปหมดแล้ว 」
「 หนวดสั่นสะท้าน ? 」
「 เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรอีกแล้ว 」
เกราล์ดที่หลงใหลในหนวดของตัวเองมักพูดอะไรประหลาด ๆ เช่นนี้ แบนเดลเองก็เบือนหน้าหนี แต่เกราล์ดยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
「 ราชวงศ์ทั้งสองมีหน้าที่สำคัญในฐานะเจ้าของ [ขลุ่ยมายา] ที่สืบทอดต่อกันมาในราชวงศ์ 」
[ขลุ่ยมายา] นี้คือลอสต์ไอเทมที่เรียกว่า “ขลุ่ยมาร” ซึ่งสามารถสร้างและควบคุมมอนสเตอร์เพื่อใช้เป็นกำลังทหารได้ แม้มอนสเตอร์ที่ถูกให้กำเนิดจะถูกทำลายก็สามารถฟื้นคืนมาใหม่ได้ในภายหลัง
จุดอ่อนเดียวของขลุ่ยมารคือ มีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่สามารถใช้งานได้
สำหรับฟาร์นอส [ขลุ่ยมายา] คือไพ่ตายที่ทำให้เราสามารถต่อกรกับอาณาจักรโฮลฟาร์สได้อย่างทัดเทียม
「 การฝึกฝนการใช้ [ขลุ่ยมายา] จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง แต่แทนที่จะฝึก ท่านกลับหนีไปยังคฤหาสน์ของผู้ชาย เรื่องนี้มันช่างน่าผิดหวังเสียจริง ๆ 」
「 พวกเขายังเป็นเด็ก และที่สำคัญ [ขลุ่ยมายา] นั่นเป็นของที่จะพรากชีวิตของพวกเขา… 」
แม้ว่าขลุ่ยมารจะสร้างพลังได้อย่างไร้ขีดจำกัด แต่การใช้งานพลังที่แท้จริงของมันกลับต้องแลกด้วยชีวิตของผู้ใช้
แบนเดลพูดด้วยความขมขื่น แต่เกราล์ดกลับพูดออกมาอย่างไร้เยื่อใย
「 ใช้เพียงคนใดคนหนึ่งก็เพียงพอแล้ว ขอแค่ยังมีอีกคนที่เหลืออยู่ ฟาร์นอสก็จะชนะสงครามและรุ่งเรืองต่อไปได้ 」
คำพูดอันโหดร้ายของเกราล์ดทำให้แบนเดลเอื้อมมือไปคว้าคอเสื้อของเขา
「 เจ้ามีสิ่งที่จะพูดแค่นี้ใช่ไหม !? 」
แบนเดลตั้งใจจะจับเกราล์ดเขวี้ยงลงกับพื้น แต่เกราล์ดกลับเอ่ยคำพูดที่ทิ่มแทงใจแบนเดลอย่างเจ็บปวด
「 อย่าลืมสิ ว่าท่านเองก็เห็นด้วยกับแผนการนี้ตั้งแต่แรก 」
「 ! 」
แบนเดลชะงัก และเกราล์ดพูดต่อเสียงด้วยน้ำเสียงที่เบาพอที่พี่น้องทั้งสองจะไม่ได้ยิน
「 ท่านเองก็ใช้สองพี่น้องนี้เช่นกัน 」
「 เพื่อการแก้แค้นของตัวเอง ท่านทำให้ “องค์ราชา” และ “องค์ราชินี “ ต้องตาย 」
แบนเดลกำหมัดแน่นจนเลือดไหลซึม เกราล์ดยิ้มเยาะเย้ย
「 หากทั้งสองรู้ความจริงเข้า… ท่านคิดว่าพวกนางจะรู้สึกอย่างไร ? 」
「 ว่าอัศวินผู้ซื่อสัตย์กลับกลายเป็นคนทรยศ 」
「 เจ้ามัน— ! 」
เมื่อบันเดลตะโกนด้วยความโกรธ เกราล์ดเพียงยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากและพูดเบา ๆ
「 ชู่ว~ 」
ก่อนเดินจากไป
แบนเดลกำลังยืนอยู่เพียงลำพัง ถูกกดทับด้วยความรู้สึกผิดและความทุกข์ทรมานใจ
( …ข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแย้งอะไรต่อแผนการนี้อีก )
( ข้ารู้ดี… รู้มาตลอด )
เขามองรูเด้และเลาด้าอย่างปวดใจ รู้สึกเหมือนตนเองได้หักหลังพวกเธอโดยสมบูรณ์
Chapters
Comments
- ตอนที่ 4 สองพี่น้องแห่งราชอาณาจักร (4) พฤษภาคม 31, 2025
- ตอนที่ 3 สองพี่น้องแห่งราชอาณาจักร (3) พฤษภาคม 31, 2025
- ตอนที่ 2 สองพี่น้องแห่งราชอาณาจักร (2) พฤษภาคม 31, 2025
- ตอนที่ 1 สองพี่น้องแห่งราชอาณาจักร (1) พฤษภาคม 31, 2025
MANGA DISCUSSION