ตอนที่ 34 แฮร่~
“ที่ไหนล่ะโรคคนคลั่งรัก…นี่มันป่วยจริง ๆ ชัด ๆ!”
ฮารุโตะพยุงตัวขึ้นจากเตียงในห้องนอนของตัวเอง มองตัวเลขบนปรอทในมือแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
38.7 องศาเซลเซียส
ชัดเจนว่าไข้ขึ้นเต็ม ๆ
“เฮ้อ…”
ฮารุโตะถอนหายใจร้อน ๆ แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่นอนอยู่ แต่เขากลับรู้สึกเหมือนตัวกำลังโคลงเคลงไปมา ปวดหัว แถมยังคลื่นไส้นิด ๆ ด้วย
“สงสัยอาการจะหนัก…”
ฮารุโตะหอบแฮ่ก ๆ เอื้อมมือไปหยิบมือถือที่อยู่ข้างหมอน เวลานั้นเพิ่งจะ 7 โมงเช้ากว่า ๆ ฮารุโตะพยายามทนปวดหัวแล้วกดมือถือ
“ต้องรีบติดต่อไปที่ทำงานพิเศษแล้ว…”
สภาพแบบนี้ แค่ออกจากบ้านก็ยังแทบไม่ไหว นับประสาอะไรกับการไปทำงานบ้าน
“แล้วก็ต้องติดต่อคุณโทโจด้วย…อ๊ะ วันนี้มีนัดไปโดโจด้วยนี่นา…รุ่นพี่คาซึกับชิซึกุด้วย…”
ถึงจะรู้สึกอ่อนเพลียจนแทบไม่อยากขยับมือถือ แต่ฮารุโตะก็ยังส่งข้อความไปบอกที่ทำงานพาร์ทไทม์ว่าไม่สบายและขอลาหยุด
พอทางที่ทำงานพาร์ทไทม์ตอบกลับมาว่า “พักผ่อนเยอะ ๆ นะครับ หายไว ๆ นะครับ” ฮารุโตะก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ต่อไปก็ส่งข้อความหาคุณโทโจ…”
ฮารุโตะเปิดแอปแชทขึ้นมาแล้วลังเลเล็กน้อย
เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นหวัดได้ยังไง อาจจะเพราะเหนื่อยสะสมจากอากาศร้อนติดต่อกันหลายวัน หรืออาจจะเป็นเพราะความเครียดสุดขีดที่ยายล้มป่วยก็ได้
แต่ถ้าตอนนี้ฮารุโตะบอกอายากะว่าเขาเป็นหวัด เธอจะต้องคิดแน่ ๆ ว่าสาเหตุมาจากเมื่อวานที่พวกเขาเล่นน้ำกัน แล้วเธอดันเผลอหยิบเสื้อผ้าเปลี่ยนของเขาไป
“เสื้อผ้าก็ให้เองแท้ ๆ แล้วดันมาเป็นหวัดเพราะเรื่องแบบนี้…โคตรจะเชยจนน่าอายเลย…”
ฮารุโตะก้มหน้า ใช้มือข้างหนึ่งกุมหน้าตัวเอง
เพราะเธอเป็นคนใจดี เธออาจจะโทษตัวเองที่เขาเป็นหวัด
แต่จะให้หยุดไปทำงานบ้านที่บ้านโทโจโดยไม่ติดต่ออะไรไปเลยก็รู้สึกไม่ดี
ฮารุโตะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจที่จะส่งข้อความบอกอายากะไปตรง ๆ
ดูจากอาการหวัดแล้ว พรุ่งนี้ก็น่าจะต้องหยุดอีกวัน
ถ้าหยุดสองวันติดโดยไม่แจ้งอะไรเลย เธอก็จะยิ่งเป็นห่วงหนักกว่าเดิม
ฮารุโตะใช้หัวที่กำลังปวดคิดอย่างหนักว่าจะส่งข้อความอะไร แล้วก็กดมือถือ
―― ขอโทษนะครับ พอดีไม่สบายครับ เลยอาจจะไปทำงานบ้านไม่ได้วันนี้ แล้วก็อาจจะพรุ่งนี้ด้วยครับ
ฮารุโตะอ่านข้อความทวนหลายครั้งแล้วจึงกดส่ง
ไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีข้อความตอบกลับมาทันที
―― ไม่เป็นไรใช่ไหม!? เป็นหวัดเหรอ? มีไข้ไหม?
เห็นข้อความนั้นแล้ว ภาพอายากะที่กำลังทำหน้าเป็นห่วงก็ผุดขึ้นในหัวของฮารุโตะ เขารู้สึกผิดพร้อม ๆ กับรู้สึกดีใจเล็กน้อย
―― ครับ ไม่เป็นไรครับ นอนพักเดี๋ยวก็คงหายครับ
―― กินยาแล้วเหรอ?
―― ยังครับ กำลังจะกินครับ
―― ดื่มน้ำพอไหม?
―― พอครับ
อายากะที่ห่วงเขาเหมือนแม่ ทำให้ฮารุโตะลืมความเมื่อยล้าจากไข้ไปชั่วขณะ
―― จะไปเยี่ยมได้ไหม?
ข้อความนั้นทำให้ฮารุโตะหยุดพิมพ์ไปเล็กน้อย
จินตนาการภาพอายากะที่กำลังดูแลเขา ทำให้ใบหน้าร้อนผ่าวเล็กน้อย
―― ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ
―― จริงเหรอ?
―― ครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ
พอฮารุโตะส่งข้อความนั้นไป ก็มีข้อความของอายากะส่งกลับมาหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง
―― มีอะไรก็รีบติดต่อนะ
―― เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณครับ
―― อื้อ
เมื่อการสนทนากับอายากะจบลง ฮารุโตะก็ส่งข้อความหาอิชิงุระและชิซึกุที่เป็นเพื่อนที่โดโจ
―― ขอโทษนะ เป็นหวัดครับ วันนี้ไปโดโจไม่ได้
อิชิงุระและชิซึกุเป็นเพื่อนที่ฝึกโดโจมาตั้งแต่เด็ก และมีกลุ่มแชทที่มีฮารุโตะรวมอยู่ด้วย
ต่างจากตอนอายากะที่ข้อความไม่ตอบกลับทันที แต่ผ่านไปประมาณ 10 นาที เสียงแจ้งเตือนมือถือก็ดังขึ้น
―― ไม่เป็นไรนะ?
ข้อความแรกมาจากอิชิงุระ
ตามมาด้วยข้อความของชิซึกุที่พิมพ์ขึ้นมาทันที
―― พี่ฮารุเป็นหวัดนี่ ไม่บ่อยเลยนะคะ
ฮารุโตะตอบข้อความของทั้งสองคน
―― เป็นหวัดนานแล้วนะ ค่อนข้างทรมานเลย
―― ไข้หวัดหน้าร้อนเหรอ ประมาทนะฮารุโตะ
―― นั่นสิคะ
―― ไปเยี่ยมดีไหม?
―― ไม่เป็นไรครับ แค่หวัดธรรมดา นอนพักก็หายครับ ไม่ต้องมาเยี่ยมหรอกครับ
―― งั้นเหรอ ถ้านายทรมานจริง ๆ ก็ติดต่อมานะ จะไปดูแลให้
ฮารุโตะยิ้มเล็กน้อยกับข้อความของอิชิงุระที่ดูหยาบกระด้างแต่แฝงไปด้วยความห่วงใย ส่วนชิซึกุไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตั้งแต่ข้อความแรก แม้ว่าตัวเลขข้าง “อ่านแล้ว” จะเป็นเลข 2 แสดงว่าเธออ่านแล้วก็ตาม
―― ขอบคุณครับรุ่นพี่คาสึ
―― อื้อ
แม้ชิซึกุจะไม่มีปฏิกิริยา แต่ฮารุโตะก็ยุติการสนทนา แล้วโยนมือถือไว้ข้างหมอน แล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้งหลังจากที่พยุงตัวขึ้นมา
เพราะเป็นหวัด ฮารุโตะจึงไม่มีความอยากอาหารเลย เขาจึงหลับตาลงแล้วนอนต่อ
ฮารุโตะตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนบ่าย
เสียง “กริ๊งกริ๊ง” ที่ดังมาจากหน้าประตูทำให้ฮารุโตะค่อย ๆ ลืมตาที่หนักอึ้งราวกับมีตะกั่วถ่วงอยู่ขึ้นมา
(วันนี้มีของจะมาส่งด้วยเหรอ?)
ฮารุโตะคิดขณะที่ยังคงปวดหัวอย่างหนัก เขาที่แม้แต่จะลุกจากเตียงยังยากลำบาก คิดจะแกล้งทำเป็นไม่อยู่บ้านอยู่ชั่วขณะ
แต่ความรู้สึกผิดต่อพนักงานส่งของมีมากกว่า ฮารุโตะจึงค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นแล้วลุกจากเตียง
เขาเดินโซซัดโซเซจนมาถึงหน้าประตูบ้านได้ในที่สุด ฮารุโตะไขกุญแจแล้วเปิดประตู
แล้วเขาก็ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“อ้าว ชิซึกุ มาทำอะไรน่ะ?”
ฮารุโตะที่นึกว่าจะเป็นบุรุษไปรษณีย์หรือพนักงานส่งของ เบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่ไม่คาดคิดมาเยี่ยม
“มาจู่โจมพี่ฮารุที่กำลังอ่อนแอเพราะหวัดค่ะ”
เธอพูดเล่นด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม ยื่นมือทั้งสองข้างไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “แฮร่~” อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
“อ้อ มาเยี่ยมฉันนี่เอง ขอบใจนะชิซึกุ”
ฮารุโตะที่คุ้นเคยกับการรับมือชิซึกุแล้ว ก็เมินมุกตลกของเธอได้อย่างสง่างาม
“พี่ฮารุดูทรมานจริง ๆ นะคะ? ไข้กี่องศาคะ?”
“เอ่อ ตอนเช้าวัดได้ 38.7 องศา”
“โฮ่~ แบบนี้ต้องนอนพักแล้วค่ะ รีบกลับไปนอนเลย”
ชิซึกุรีบเดินเข้ามาในบ้าน ผลักหลังฮารุโตะให้เดินไปที่ห้องของเขา ชิซึกุรู้จักฮารุโตะมาตั้งแต่เด็ก เธอมาบ้านเขาหลายครั้งแล้ว และแน่นอนว่าเธอย่อมรู้ว่าห้องของเขาอยู่ตรงไหน
ฮารุโตะถูกชิซึกุดันให้นอนลงบนเตียงอีกครั้ง
“ว่าแต่ คุณยายเป็นยังไงบ้างคะ?”
ชิซึกุที่รู้เรื่องครอบครัวของฮารุโตะสงสัยที่เห็นว่าคุณยายไม่อยู่บ้าน
“อ้อ เมื่อวานยายเป็นลมแดด ตอนนี้ยังนอนโรงพยาบาลอยู่”
“เอ๋!? เรื่องจริงเหรอคะ? ท่านไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ?”
แม้ปกติชิซึกุจะไร้อารมณ์ แต่เธอก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา
“ไม่เป็นไรหรอก ที่นอนโรงพยาบาลวันนี้ก็แค่ดูอาการเฉย ๆ พรุ่งนี้ก็น่าจะออกได้แล้ว”
“อย่างนั้นเหรอคะ ค่อยยังชั่วหน่อย”
ชิซึกุถอนหายใจโล่งอก แล้วก็มองหน้าฮารุโตะ
“แสดงว่าตอนนี้ในบ้านมีแค่พี่ฮารุคนเดียวใช่ไหมคะ?”
“เอ่อ ก็ประมาณนั้น”
“แล้วก็เป็นหวัดหนักด้วย”
“จะว่าหนักก็เกินไปหน่อย แต่ก็ประมาณนั้นแหละ”
“สรุปคือ ต้องให้ชิซึกุคนนี้มาดูแลใช่ไหมคะ?”
ชิซึกุพยักหน้าหงึก ๆ คนเดียวขณะพูด ฮารุโตะที่นอนอยู่บนเตียงส่ายหน้าเบา ๆ
“ไม่เป็นไรหรอก นอนพักเดี๋ยวก็หายแล้ว”
ฮารุโตะปฏิเสธความช่วยเหลืออย่างนุ่มนวล ชิซึกุมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“พี่ฮารุวันนี้ได้กินอะไรไปบ้างหรือยังคะ?”
“เอ๊ะ เอ่อ ยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ”
ฮารุโตะรู้สึกอ่อนเพลียและเจ็บคอ ตอนนี้เขาไม่มีความอยากอาหารเลย
“ไม่มีแรงกินอะไรน่ะ ไว้ถ้ามีแรงขึ้นมาหน่อยแล้วจะทำกินเอง”
“ไม่ได้นะคะ! ไม่มีแรงก็ต้องกินอะไรที่มีประโยชน์บ้างสิ”
ชิซึกุพูดจบก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“จะทำข้าวต้มให้ค่ะ ขอใช้ครัวหน่อยนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวทำเอง”
“พี่ฮารุแค่นอนนิ่ง ๆ ไปเถอะค่ะ”
ชิซึกุห้ามฮารุโตะที่กำลังจะลุกขึ้น
“ถ้าไม่พักให้เต็มที่ ไข้ก็ไม่หายหรอกนะคะ หรือว่าข้าวต้มที่ฉันทำไม่อร่อยคะ?”
ชิซึกุมองฮารุโตะด้วยสายตาตำหนิ ฮารุโตะยอมแพ้และเลิกลุกขึ้น
“เข้าใจแล้ว ขอบใจนะชิซึกุ”
“ไว้ใจได้เลยค่ะ พี่ฮารุแค่รอกินข้าวต้มสูตรพิเศษของชิซึกุเงียบ ๆ ก็พอ”
พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ชิซึกุก็ออกจากห้องของฮารุโตะไป
หลังจากนั้น ฮารุโตะรู้สึกเพลียเหมือนแรงโน้มถ่วงของโลกเพิ่มขึ้นสามเท่า แล้วก็งีบหลับไปครู่หนึ่ง เมื่อชิซึกุกลับมา เธอก็ถือถาดที่มีหม้อดินเล็ก ๆ วางอยู่
“รอแล้วสินะคะ ข้าวต้มสูตรพิเศษของชิซึกุเสร็จแล้วค่ะ”
เธอพูดพร้อมกับเปิดฝาหม้อดิน ทันใดนั้นไอน้ำและกลิ่นหอมของข้าวต้มก็ลอยฟุ้งไปทั่วห้อง กระตุ้นจมูกของฮารุโตะ
“ข้าวต้มไข่เหรอ น่าอร่อยจัง”
“ค่ะ กินเองได้ไหมคะ? จะป้อนให้ไหมคะ?”
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ถึงขนาดนั้น”
ฮารุโตะปฏิเสธความช่วยเหลือของชิซึกุ แล้วรับข้าวต้มมา ใช้ช้อนตักข้าวต้ม เป่าเบา ๆ แล้วเอาเข้าปาก
ข้าวต้มรสเค็มพอดี ๆ เนื้อนุ่มลื่น กินได้สบาย ๆ แม้จะเจ็บคอ เมื่อข้าวต้มอุ่น ๆ ลงท้อง ฮารุโตะก็เริ่มรู้สึกหิวเล็กน้อย
“ข้าวต้มนี้อร่อยมากเลยนะ”
เมื่อฮารุโตะชมจากใจจริง ชิซึกุก็เผยสีหน้าภาคภูมิใจออกมาเล็กน้อย
“ก็ข้าวต้มสูตรพิเศษของชิซึกุนี่คะ แอบใส่ยาเสน่ห์ลงไปด้วย”
“เหรอ? ยาเสน่ห์ที่ว่านั่นคืออะไรล่ะ?”
ฮารุโตะอารมณ์ดีขึ้นมากเพราะข้าวต้มอร่อย เลยเล่นมุกกับชิซึกุ
“ใส่ของเหลวจากน้ำลายของฉันไป 3 หยดค่ะ”
“แหวะ! เธอนี่!”
ฮารุโตะแทบจะพ่นข้าวต้มที่อยู่ในปากออกมา แต่ก็พยายามกลั้นไว้ได้ ชิซึกุไม่มีสีหน้าอะไร แต่ก็ดูเหมือนจะพอใจกับปฏิกิริยาของเขา
“โกหกค่ะ จะไปทำอย่างนั้นกับคนป่วยได้ยังไงคะ”
“…จริงเหรอ?”
“จริงค่ะ หรือว่าอยากให้ใส่น้ำลายของฉันไปจริงๆ คะ?”
“ไม่ ไม่เอา”
“ฮึ่ม พอถูกรังเกียจแบบนี้แล้วก็รู้สึกหงุดหงิดจังเลยค่ะ”
ชิซึกุพองแก้มเล็กน้อย ฮารุโตะทำหน้าเอือมระอา
“การใส่น้ำลายลงในอาหารมันปกติแล้วเหรอ”
“น้ำลายสาวสวยก็ไม่เอาเหรอคะ?”
“ไม่เอา”
“พี่ฮารุยังคงหัวโบราณเหมือนเดิมเลยนะคะ”
“ไม่หรอก นี่มันเรื่องปกติชัด ๆ”
แม้จะคุยกันแบบปกติสุขอย่างนี้ แต่ฮารุโตะก็กินข้าวต้มที่ชิซึกุทำจนหมด
“ขอบใจนะ อร่อยมากเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ พอไหมคะ?”
“อื้อ อิ่มมากเลย”
“อย่างนั้นเหรอคะ ดีจัง”
ชิซึกุถือหม้อดินเปล่าออกจากห้องไปชั่วครู่ และเมื่อเธอกลับมา เธอก็ถือแก้วและยามาด้วย
“นี่ค่ะ พี่ฮารุ ดื่มยานี้แล้วนอนซะ”
“ขอบใจนะ ช่วยได้มากเลย”
ฮารุโตะรับยาแก้หวัดจากชิซึกุ แล้วดื่มน้ำตาม
“ฟู่~”
เมื่อความหิวหายไป ฮารุโตะก็ถอนหายใจ ชิซึกุจึงถามขึ้น
“ทรมานอยู่ไหมคะ?”
“อื้อ ยังนิดหน่อย…”
“อยากได้เครื่องดื่มไหมคะ?”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้”
“อย่างนั้นเหรอคะ”
“อื้อ…”
“จูบให้ไหมคะ?”
“…ทำไมล่ะ?”
คำพูดที่คาดไม่ถึงของชิซึกุทำให้ฮารุโตะที่กำลังจะหลับตาเบิกตากว้าง
“เขาว่ากันว่าถ้าทำให้หวัดติดคนอื่นแล้วมันจะหายนะคะ ดังนั้นถ้าจูบกัน หวัดก็จะติดฉันไป แล้วพี่ฮารุก็จะหายเป็นปกติ นี่คือแผนค่ะ”
“การจูบไม่ได้หมายความว่าหวัดจะติดคนอื่นเสมอไปหรอกนะ”
“งั้นจะจูบแบบลิ้นดูไหมคะ เพื่อเพิ่มโอกาส?”
ฮารุโตะมองเธอด้วยสีหน้าเอือมระอา
“มันไม่ใช่ประเด็นนั้นหรอก!”
“ไม่ใช่ประเด็นนั้นเหรอคะ?”
“ถ้าชิซึกุเป็นหวัดซะเองเพื่อรักษาหวัดของฉัน มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”
เมื่อฮารุโตะพูดอย่างนั้น ชิซึกุก็เอามือแตะคางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พยักหน้าอย่างเข้าใจคนเดียวขณะพูด
“อ๋อ แสดงว่าพี่ฮารุกำลังจีบฉันอยู่สินะคะ”
“ไม่สิ นี่มันตีความไปแบบนั้นได้ยังไงกัน”
ชิซึกุสัมผัสได้ว่าฮารุโตะเริ่มมีอาการเหนื่อยล้าเล็กน้อย
“รุ่นพี่คะ อย่าเพิ่งเล่นมากไปเลยค่ะ รีบนอนเถอะค่ะ”
“เธอนั่นแหละพูด! เธอนั่นแหละ!”
ฮารุโตะโต้ตอบชิซึกุด้วยเสียงที่อ่อนแรงเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เริ่มหายใจอย่างสม่ำเสมอ สงสัยยาแก้หวัดเริ่มออกฤทธิ์แล้ว สีหน้าของฮารุโตะที่หลับสนิทดูดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตอนแรก
“ทำไมถึงนอนหลับไม่ระวังตัวขนาดนี้นะ รุ่นพี่คะ ฉันจะโจมตีตอนหลับเลยนะคะ?”
ชิซึกุวางแขนพาดบนหมอนข้างฮารุโตะที่กำลังหายใจอย่างสม่ำเสมอ แล้วเอาหน้าวางบนแขน
“แฮร่~”
สีหน้าของชิซึกุที่กระซิบคำนั้นออกมา ไม่ใช่สีหน้าไร้อารมณ์อย่างที่เคยเป็น แต่เป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนและนุ่มนวล
MANGA DISCUSSION