ตอนที่ 25 ความรู้สึกของโทโจ อายากะ (2)
ฉันจะได้ไป ‘สวนป่าสัตว์’ กับโอสึกิคุงและเรียวตะสามคน! แค่คิดก็ตื่นเต้นสุดๆ แล้ว!
แถมเช้าวันนั้นยังจะได้ทำข้าวกล่องกับโอสึกิคุงแค่สองคนด้วย!
“ตื่นเต้นจังเลย!”
“ใช่ครับ ผมก็ด้วยครับ”
เสียงของฉันสดใสจนตัวเองยังตกใจเลยค่ะ ฉันดูร่าเริงเกินไปหน่อย แต่อีกฝ่ายอย่างโอสึกิคุงกลับดูใจเย็นจริงๆ ดูเป็นผู้ใหญ่มากเลยนะ
ฉันมองใบหน้าด้านข้างของโอสึกิคุงที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง
ฉันเคยได้ยินเพื่อนผู้หญิงคนอื่นในโรงเรียนพูดกันบ่อยๆ ว่าไอดอลชายคนนั้นหล่อ หรือนักแสดงคนนี้ดูดีอะไรประมาณนั้น แต่ตอนนี้ฉันเริ่มเข้าใจความรู้สึกของพวกเธอแล้วล่ะค่ะ
ฉันคงมองใบหน้าด้านข้างของโอสึกิคุงได้ตลอดไปเลย
“ว่าแต่ เรียวตะคุงชอบอาหารอะไรเหรอครับ?”
“หือ?! อ๊ะ! อื้อ ที่เรียวตะชอบก็คือ… เอ่อ ไก่ทอดกับไข่ม้วน เขาชอบมากๆ เลยล่ะ”
ฉันตกใจนิดหน่อยที่จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาทั้งที่ฉันกำลังมองหน้าเขาอยู่
“อย่างนั้นเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นเราก็ใส่สองอย่างนั้นลงไปในข้าวกล่องกันนะครับ”
“อื้อ เข้าใจแล้ว”
“แล้วคุณโทโจชอบอะไรครับ?”
“ฉันเหรอ? ฉันน่ะ…”
โอสึกิคุงจะทำสิ่งที่ฉันชอบให้ด้วยเหรอ? ทำไงดีเนี่ย ดีใจจนหน้าจะยิ้มไม่หุบแล้ว! ไม่ว่าโอสึกิคุงจะทำอะไรมา ฉันก็กินได้หมดแหละ!
“ฉันน่ะ ชอบสาหร่ายวากาเมะแบบก้านนะ”
“สาหร่ายวากาเมะแบบก้าน…”
“อ๊ะ! ไม่สิ ไม่ใช่แบบนั้น!”
ฉันนี่มันโง่จริงๆ เลย! ดีใจกับอาหารฝีมือโอสึกิคุงจนลืมตัว เผลอพูดสิ่งที่คิดออกไปหมดเลย! ที่สำคัญคือสาหร่ายวากาเมะแบบก้านมันเป็นของสำเร็จรูป ไม่ใช่อาหารฝีมือโอสึกิคุงเลยสักนิด!
ทำไงดีล่ะ… อายจนไม่กล้ามองหน้าโอสึกิคุงเลย
“เราเอาสาหร่ายวากาเมะแบบก้านไปเป็นของว่างดีไหมครับ?”
“…อื้อ… อืม…”
“นอกเหนือจากสาหร่ายวากาเมะแบบก้านแล้ว คุณโทโจมีอาหารอย่างอื่นที่เหมาะกับข้าวกล่องที่ชอบไหมครับ?”
ตอนนี้ความใจดีของโอสึกิคุงมันทรมานใจฉันจริงๆ… ถ้าเขาหัวเราะออกมาซะยังจะง่ายกว่าสำหรับฉัน
“…เอ่อ คัพกราแตง… ได้ไหมคะ?”
“อ่า ดีเลยครับ”
อ๊ากกกก ถ้ารู้ว่าพูดแบบนี้ไปตั้งแต่แรกก็คงจะดีกว่านี้แท้ๆ…
“แล้วกล่องข้าวกล่องจะเอาแบบไหนดีครับ? ที่บ้านผมก็มีอยู่บ้างนะ แต่ว่ามันค่อนข้างเรียบๆ หรือจะบอกว่าดูจริงจังไปหน่อย… เป็นแบบกล่องซ้อนๆ กันน่ะครับ”
“อ๊ะ ถ้าแบบนั้นที่บ้านฉันก็น่าจะมีนะ ใช้ของฉันดีไหม?”
“คุณโทโจมีเหรอครับ ดีเลยครับ ถ้าอย่างนั้นเราไปซื้อวัตถุดิบกันพรุ่งนี้เลยไหมครับ? ผมขอฝากไว้ในตู้เย็นบ้านคุณโทโจสักวันได้ไหมครับ?”
“อื้อ ได้เลยค่ะ เอ่อ… ฉันไปด้วยได้ไหมคะ?”
“แน่นอนครับ”
ฉันก็เลยถือโอกาสตกลงที่จะไปซื้อของด้วยกันซะเลย
หลังจากนั้น เราก็คุยเรื่องแผนการสำหรับวันมะรืนกันอีกเล็กน้อย ก่อนจะออกจากร้านกาแฟ
“งั้น… เรากลับกันดีไหมครับ?”
“อื้อ… ใช่แล้ว”
พอเดินออกมาจากร้าน ฉันก็หยุดชะงักไปชั่วครู่ โอสึกิคุงก็หยุดตามฉันด้วย
“…เอ่อ…”
ฉันพยายามจะบอกความปรารถนาของฉันกับโอสึกิคุง แต่เพราะความเขินอายทำให้ฉันพูดออกมาไม่ได้
ฉันอยากจับมือเขาอีกครั้ง
เมื่อกี้พอมีข้ออ้างว่าโดนคนเข้ามาจีบ ก็เลยตื่นเต้นมาก แต่ก็ยังพูดออกไปได้
แต่ตอนนี้ ไม่มีข้ออ้างอะไรเลย
มีแค่ความปรารถนาเดียวของฉันคืออยากจับมือกับโอสึกิคุง
ฉันไม่สามารถหาข้ออ้างให้ตัวเองได้ ฉันต้องบอกความรู้สึกของฉันอย่างตรงไปตรงมา และนั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกเขินอายมากขึ้นไปอีก
“คือว่า… เอ่อ…”
ถ้าฉันพูดคำสั้นๆ ว่า ‘จับมือกันไหม’ ได้
ฉันก็จะมีความสุขกับโอสึกิคุงได้อีกครั้ง แต่นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันมีความสุขมากเหลือเกิน จนฉันจินตนาการถึงตอนที่ต้องเสียมันไปแล้วก็รู้สึกกลัว
ฉันเผลอกำมือขวาแล้วคลายมือซ้ำๆ โดยไม่มีเหตุผล และก้มหน้าลงอย่างประหม่า
“…”
“เราจับมือกันไหมครับ?”
“เอ๊ะ!?”
ฉันตกใจกับคำพูดของโอสึกิคุง จนเผลอเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขา
“คือว่า… ถ้าโดนคนเข้ามาจีบอีกก็คงจะยุ่งยากน่ะครับ… ถ้าคุณโทโจไม่รังเกียจนะครับ…”
โอสึกิคุงพูดพลางหลบสายตาไปจากฉันเล็กน้อย มือซ้ายที่ยื่นออกมาอย่างสุภาพ แก้มของเขาก็มีสีแดงเรื่อๆ
โอสึกิคุงที่กำลังเขินอาย น่ารักมากๆ เลย!
ความรู้สึกที่หัวใจเต้นตึกตักเป็นแบบนี้นี่เองสินะ?
“ไม่รังเกียจหรอกค่ะ! ไม่รังเกียจเลย!”
ฉันกระโดดเข้าไปจับมือซ้ายของโอสึกิคุงด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
พอฉันกำมือที่ประสานนิ้วกันแน่น เขาก็กำมือตอบฉันเบาๆ ด้วยท่าทางสุภาพเช่นกัน
ทำไงดี หน้าฉันมันยิ้มเองไม่หยุดเลย
โอสึกิคุงจะเห็นหน้าตาไม่เรียบร้อยของฉัน…
ฉันรีบหันหน้าหนีจากโอสึกิคุงทันที แล้วพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะควบคุมมุมปากที่ยกขึ้นเอง
“ถ้าอย่างนั้น ผมจะไปส่งคุณที่บ้านนะครับ”
“อื้อ… ฝากด้วยนะคะ…”
อ่า… ถ้าบ้านฉันอยู่ไกลกว่านี้อีกหน่อยก็คงจะดีนะ
ฉันคิดอย่างนั้นพลางมองมือซ้ายของเขาที่จูงฉันไปอย่างอ่อนโยน
ในคืนนั้น
ก่อนนอน ฉันเปิดสมาร์ทโฟนขึ้นมาขณะนอนอยู่บนเตียง
—วันนี้ฉันไปดูหนังกับโอสึกิคุงมาละ!!
ฉันส่งข้อความรายงานไปยังซากิ เพื่อนสนิทและกูรูด้านความรักของฉันทันที
พร้อมกับข้อความ ฉันก็ส่งสติกเกอร์รูปหมีที่ทำท่าวันทยหัตถ์อย่างกล้าหาญไปให้ด้วย
แล้วซากิก็โทรมาทันที ฉันแตะหน้าจอสมาร์ทโฟนเพื่อรับสาย เสียงของซากิก็ดังขึ้นมาอย่างร่าเริง
“ยินดีด้วยนะ! เดทกับโอสึกิคุงเป็นไงบ้าง?”
“อื้อ… คิดว่าสำเร็จนะ”
ฉันจับมือเขาได้ด้วย แบบนี้ต้องเรียกว่าสำเร็จแล้วใช่ไหม?
“โอ้! เยี่ยมไปเลย!”
“อื้อ ขอบคุณนะ!”
“แล้วไงต่อ? ในเดทวันนี้ ระยะห่างระหว่างเธอกับโอสึกิคุงใกล้ชิดขึ้นบ้างไหม?”
“น่าจะ… ใกล้ขึ้นจนถึงขั้นจับมือได้แล้วล่ะมั้ง?”
“—หา!? เอ๊ะ? มือ? เอ๊ะ? หา!?”
ดูเหมือนซากิจะป่วยเป็นโรคที่ไม่สามารถพูดได้มากกว่าหนึ่งพยางค์แล้วสิเนี่ย
“เดี๋ยวๆ นะ? เอ๊ะ? เธอไปเดทกับโอสึกิคุงแล้วจับมือกันด้วยเหรอ?”
“อื้อ ตอนดูหนังก็จับมือกันอยู่ด้วยนะ”
“เดี๋ยวๆๆ! อะไรกันเนี่ย! เอ๊ะ? หรือว่าเริ่มคบกันแล้ว!?”
ฉันก็สับสนกับเสียงที่งงงวยของซากิเหมือนกัน
“เอ๊ะ? เปล่าสิ ยังไม่ได้คบกันนะ ซากิบอกว่ายังไม่ให้สารภาพรักไม่ใช่เหรอ?”
“อ๋อ… อย่างนั้นเหรอ… ยังไม่ได้คบกันงั้นสินะ…”
ฉันรู้สึกกังวลเล็กน้อยกับปฏิกิริยาที่สับสนของซากิ
“ค คือว่า การจับมือในเดทแรกนี่ไม่ดีเหรอ?”
สำหรับฉันที่ไม่เคยมีประสบการณ์ความรักเลย การเดทเป็นเรื่องที่ฉันไม่เคยรู้จัก และฉันก็ไม่รู้มาตรฐานทั่วไปของสังคม
ซากิเพิ่งจะบอกฉันเมื่อเร็วๆ นี้ว่าอย่าเอาการ์ตูนหรือนิยายมาเป็นข้อมูลอ้างอิงเลย
“ไม่สิ จะว่าไม่ดีก็ไม่ใช่… จะว่าดีก็ใช่… ก็คือ… ระยะห่างมันแปลกๆ ไปหน่อยน่ะ?”
“ระยะห่างมันแปลกๆ…”
สงสัยว่าการจับมือในเดทแรกเลยอาจจะแปลกไปหน่อยรึเปล่านะ? ท ทำไงดี… ถ้าโอสึกิคุงคิดว่าฉันเป็นคนแปลกๆ ไปแล้วล่ะก็…
“ซะ ซากิ… ฉัน… ทำพลาดไปแล้วเหรอ…?”
“ไม่สิ… ก็… แล้วแต่สถานการณ์นะ ลองเล่ามาหน่อยสิว่าทำไมถึงได้จับมือกัน?”
ฉันเล่าทุกอย่างให้ซากิฟังตั้งแต่เรื่องโดนคนเข้ามาจีบจนถึงตอนที่จับมือกัน และตอนสุดท้ายก็คือการจับมือแบบคู่รัก
“อืมๆ เข้าใจแล้วๆ…”
“เป็นไงบ้าง?”
ซากิทำท่าครุ่นคิดอย่างหนัก ทำให้ความกังวลของฉันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“อายากะจัง เธอรุกหนักมากเลยนะ”
“…ฉะ ฉันทำเกินไปแล้วเหรอ?”
“อืม ก็เกินไปหน่อยนะ นี่ไม่ใช่โลกของการ์ตูนนะ อยู่ดีๆ ก็จับมือแบบคู่รักอะไรแบบนั้น มันก็ต้องคิดว่า ‘รีบๆ คบกันไปซะทีสิพวกแก!’ นั่นแหละ”
“เอ๊ะ? เรา… เราคบกันได้แล้วเหรอ?”
แค่จินตนาการว่าทุกครั้งที่ไปเที่ยวกับโอสึกิคุง เราจะได้จับมือแบบคู่รักกันเหมือนวันนี้ ได้ไปเดทกันหลายๆ ที่… แค่คิดก็รู้สึกมีความสุขแล้ว
“ปฏิกิริยาของโอสึกิคุงตอนจับมือก็ไม่ได้แย่ใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้น ถ้าสารภาพรักก็มีโอกาสสูงที่จะสำเร็จนะ”
“งั้น! งั้นพรุ่งนี้ฉันจะสารภาพรัก…”
“หยุดก่อน!”
ซากิหยุดฉันเสียงดังฟังชัด
“โอกาสที่การสารภาพรักจะสำเร็จน่ะสูงนะ แต่ว่ามันไม่ใช่ 100% นะ อายากะยังโอเคอยู่เหรอ?”
“เอ๊ะ? แต่ว่า… ถ้ามีโอกาสสูงขนาดนี้…”
“ถ้าโดนปฏิเสธ รักของอายากะก็จะจบลงนะรู้ไหม?”
เมื่อซากิพูดอย่างนั้น ฉันก็รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆ มาทับที่หน้าอก
ความรักจบลง
นั่นหมายความว่าฉันจะไม่ได้ไปเดทกับโอสึกิคุงอีกต่อไป จะไม่ได้สนิทกันมากขึ้น จะไม่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งไปกว่านี้อีกแล้ว
จะไม่มีวันได้จับมือกันเหมือนวันนี้ไปตลอดชีวิต…
แค่จินตนาการถึงอนาคตแบบนั้น น้ำตาก็เอ่อล้นออกมาจากดวงตาของฉัน
“ไม่เอา… ฉันไม่ยอมเด็ดขาด”
“ใช่ไหมล่ะ? งั้นก็อยากเพิ่มโอกาสให้สูงขึ้นอีกหน่อยใช่ไหม?”
“อื้อ แต่ว่า… ต้องทำยังไงล่ะ?”
ในหัวของฉัน มีแค่วิธีเดียวคือการบอกความรู้สึกนี้กับโอสึกิคุงตรงๆ
“ดีมากอายากะ สิ่งสำคัญในความรักคือการเล่นเกมชิงไหวชิงพริบนะ”
“ชิงไหวชิงพริบ…”
ในการ์ตูนรักหรือนิยายมักจะมีเรื่องแบบนี้อยู่บ่อยๆ แต่ฉันจะทำอะไรที่ซับซ้อนแบบนั้นได้เหรอ?
“ในเดทครั้งนี้ โอสึกิคุงถูกชวนให้จับมือ และต้องมีเธออยู่ในความคิดของเขาแล้วล่ะ”
“จ จริงเหรอ?”
“แน่นอนที่สุด! ก็เธอพูดว่า ‘เป็นแฟนกันค่ะ!’ แล้วก็จับมือกันเลยไม่ใช่เหรอ?”
“อ๊ะ นั่นเป็นเพราะคนเข้ามาจีบเขาก็เซ้าซี้มากน่ะ…”
พอนึกย้อนกลับไปตอนนั้นอีกครั้ง ทำไมมันถึงได้น่าอายขนาดนี้นะ…
ขณะที่ฉันหน้าแดงและบิดตัวไปมาเล็กน้อย ซากิก็เน้นย้ำกับฉัน
“ใช่! ผู้ชายที่เข้ามาจีบนั่นแหละสำคัญ!”
“เอ๊ะ? อย่างนั้น…เหรอ?”
“เพื่อไล่ผู้ชายคนนั้นออกไป และเพื่อไม่ให้โดนจีบอีก อายากะก็เลยจับมือกับโอสึกิคุงใช่ไหมล่ะ?”
“ก็… อืม”
“ข้ออ้างที่สำคัญนั่นแหละสำคัญมากนะ ถ้าไม่มีข้ออ้างนั้น เธอจะเหมือนกับกำลังประกาศโต้งๆ เลยนะว่า ‘ฉันชอบคุณมากเลยค่ะ!’”
“มะ ไม่ขนาดนั้น… ชอบมากอะไรกัน… ก็จริงอยู่แหละ… แต่ชอบมากนี่มัน…”
พอพูดออกมาอีกครั้ง ก็รู้สึกเขินมากเลยค่ะ ก็ยอมรับว่าชอบแหละ แต่ชอบมากนี่มัน… อุฟุฟุ…
“ให้ตายสิ คนที่เพิ่งจะจับมือแบบคู่รักในเดทแรกเลยเนี่ย มาเขินอะไรแบบนี้อยู่ได้”
“ก็… ก็มันน่าอายจริงๆ นี่นา”
“เอาล่ะ เอาล่ะ แล้วนะ โอสึกิคุงต้องคิดแล้วล่ะว่าอายากะมีความรู้สึกดีๆ ให้เขา”
ซากิถอนหายใจแล้วพูดต่อไป
อื้มม… กุรุความรักของฉันนี่สปาร์ตาจริงๆ…
“แต่เขาคงยังไม่มั่นใจในความรู้สึกของอายากะหรอกนะ เพราะตามชื่อแล้วมันเป็นแค่การกันผู้ชายเท่านั้นเอง”
“อืม แล้วการที่ไม่มั่นใจนี่แหละคือการชิงไหวชิงพริบเหรอ?”
“ถูกต้อง! พอไม่มั่นใจก็ต้องอยากรู้ใช่ไหมล่ะ? ‘เธอชอบฉันเหรอ? ไม่สิ แต่ว่า…’ แบบนั้นแหละ โอสึกิคุงก็จะคิดถึงอายากะไปเรื่อยๆ เลย”
“โอสึกิคุงจะคิดถึงฉัน… ไปเรื่อยๆ…”
“ใช่! แล้วไม่นาน โอสึกิคุงก็จะคิดถึงแต่เธอเต็มไปหมดเลย!”
“ในหัวของโอสึกิคุงมีแต่ฉัน… มีแต่ฉันเต็มไปหมด…”
“แล้วพอรู้ตัวอีกที โอสึกิคุงก็จะชอบอายากะแล้วไง!”
“โอสึกิคุง… จะชอบฉัน… อ๊ากกกก~…”
ทำไงดี! แค่จินตนาการถึงตอนที่โอสึกิคุงสารภาพรัก ฉันก็บิดตัวไปมาเองไม่หยุดเลย!
“สรุปแล้ว หลังจากนี้เธอจะต้องรุกโอสึกิคุงอย่างจริงจังต่อไปนะ แต่ห้ามทำให้เขาคิดว่า ‘อ๊ะ ยัยนี่ชอบฉันแน่ๆ’ นะ เข้าใจไหม?”
“อื้อ! เข้าใจแล้ว! ถ้าทำแบบนั้นโอสึกิคุงก็จะชอบฉันใช่ไหม!”
“ก็… ไม่ถึงกับแน่นอน 100% หรอกนะ”
บางทีตอนนี้โอสึกิคุงอาจจะกำลังคิดถึงฉันอยู่ก็ได้นะ? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็คงจะดีใจมากๆ เลย
“ฉันจะพยายามชิงไหวชิงพริบให้ดีที่สุด!”
“อืม ก็ดูเหมือนตอนนี้อายากะเป็นรถไฟรักที่กำลังวิ่งเต็มที่เลยนะ ดูท่าจะพังทุกอย่างไปเรื่อยๆ เลย… แต่เอาเป็นว่า ลองพยายามดูก่อนนะ”
“รถไฟรักที่กำลังวิ่งเต็มที่? ฉันไม่ได้หลงมืดบอดขนาดนั้นหรอกนะ?”
“…ใช่แล้วล่ะ อืม ถ้ามีอะไรอีกก็ปรึกษาฉันได้นะ”
“อื้อ ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้น ฝันดีนะ”
“ฝันดีนะ”
หลังจากแลกเปลี่ยนคำอวยพรยามค่ำคืนกันแล้ว ฉันก็วางสายจากซากิ
การชิงไหวชิงพริบเหรอ… ความรักนี่มันยากจริงๆ เลยนะ
แต่…
ถ้ามันสำเร็จ และความรักครั้งนี้เป็นจริง ฉันก็จะได้จับมือกับโอสึกิคุงและไปเดทกันอีก
คราวนี้ในฐานะคู่รักจริงๆ
ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันก็อยากจะไปที่ต่างๆ มากมายเลย
อยากไปช้อปปิ้งด้วยกัน อยากไปทะเลด้วยกัน อยากดูหนังด้วยกันอีกสองคน แน่นอนว่าตอนนั้นก็จะจับมือกันด้วย
มือของโอสึกิคุง ช่างใหญ่และอบอุ่นเหลือเกิน…
ฉันนอนอยู่บนเตียงพลางนึกถึงสัมผัสของมือโอสึกิคุง
มือที่โอบกอดอย่างอ่อนโยน
มือของคนที่ฉันชอบ มือของคนที่ฉันรัก
แค่ได้จับมือก็ทำให้หัวใจเต้นแรงขนาดนี้ แต่ก็รู้สึกปลอดภัยและมีความสุขไปพร้อมๆ กัน ร่างกายทั้งร่างเต็มไปด้วยความสุขที่ส่งผ่านมือที่จับกันอยู่
ขณะที่ฉันค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้าๆ ฉันก็กอดมือขวาที่จับกับโอสึกิคุงไว้แนบหน้าอก แล้วใช้มือซ้ายโอบมันไว้
การทำแบบนั้นทำให้ฉันรู้สึกเหมือนจะได้พบเขาในความฝัน…
วันนี้อาจจะเป็นวันที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของฉันเลยก็ได้
แต่ถ้าฉันได้คบกับเขาจริงๆ ความสุขในวันนี้ก็คงจะถูกแซงไปได้อย่างง่ายดายเลยล่ะ
ฉันฝันถึงอนาคตแบบนั้น พลางค่อยๆ หลับตาลง เชื่อในเครื่องรางที่มือขวาของฉัน และมอบความต่อเนื่องของวันแห่งความสุขให้กับความฝัน
ความรู้สึกของอายากะที่มีต่อฮารุโตะ: หากได้พบกันในความฝัน…
MANGA DISCUSSION