“ขอรับ! ข้าต้องการเรียนรู้! ขอความกรุณาสอนข้าด้วยขอรับ อาจารย์ชิว!!”
“ข้าก็คิดแบบเดียวกับเทียนฟางเลยขอรับ!!”
ทันทีที่อาจารย์ถาม ข้าก็ตอบกลับไปโดยไม่ลังเล
แม้จะช้ากว่านิดหนึ่ง แต่เสี่ยวหวงก็ให้คำตอบเดียวกับข้า
ข้าเคยฝันเห็นอาณาจักรหลานเหอล่มสลาย
ในความฝันนั้น องค์ราชาหลางเหยียนกล่าวว่า—
“ไม่ช้าทวีปนี้จะถูกสี่อสูรกลืนกินจนหมดสิ้น”
ตอนแรกข้านึกว่าแค่ฝันไป
แต่ “ศาสตร์สี่อสูร” กลับมีอยู่จริง
แถมศัตรูของอาณาจักรหลานเหอเป็นฝ่ายที่ใช้ศาสตร์นั้นเสียด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ใช้ได้—คือพระเอกในเกม พงศาวดารสงครามจอมกระบี่ เจียหยิงเยว่ กับพ่อของเขา
…ไม่สิ แค่การที่เจียหยิงเยว่ใช้ ฉยงฉี ได้อย่างเดียวยังไม่พอจะพูดได้เต็มปาก ในเมื่อเขาเป็นตัวเอกของเกม ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะใช้ศาสตร์อสูรอื่นๆ ได้ด้วย
เพราะแบบนั้น ข้าจึงจำเป็นต้องมีวิธีรับมือ
ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน
ไม่ว่าความพยายามทั้งหมดจะสูญเปล่าก็ตาม
ถึงอย่างนั้น—
แค่ฝึกฝนศาสตร์ฮุ่นตุ้น ข้าก็อาจจะได้เบาะแสของศาสตร์แห่งสี่อสูรอื่นๆ
ข้าถึงอยากเรียนมัน
จริงๆ แล้ว จุดประสงค์ของข้าคือใช้ สัตว์เทพก้าวพริบตา เพื่อให้มีทางหนี
แต่…ตอนนี้ ข้าหนีคนเดียวไม่ได้อีกแล้ว
ในอาณาจักรนี้ยังมีซิงเล่ย พ่อ แม่ และพี่ชายของข้าอยู่
ท่านเหลียวหยวนก็ช่วยเหลือข้ามาตลอด
ลูกสาวของเขา—ท่านซื่อหลี่ ก็เป็นเพื่อนที่ดีของซิงเล่ย
ข้าไม่อาจทิ้งครอบครัว กับคนที่ช่วยเหลือข้าไว้เบื้องหลังแล้วหนีไปคนเดียวได้
แล้วยังมีเรื่องของเสี่ยวหวงอีก
นางมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจับกุมเจียโจวเชว่
หากเจียหยิงเยว่รู้เรื่องนั้น อาจจะมองนางเป็นศัตรูก็ได้
แม้ตอนต่อสู้กับเจียโจวเชว่จะเป็นเด็กผู้ชายชื่อชุ่ยฮวาหยาง
เสี่ยวหวง—หรือเสี่ยวหวงฮวา—อาจจะไม่ถูกจับได้ แต่ก็ประมาทไม่ได้เลย
อาจารย์ชิว กับท่านซวนตงหลี่ ก็เป็นประชากรของหลานเหอเหมือนกัน
หากเกิดสงครามเพราะศาสตร์แห่งสี่อสูร คนเหล่านั้นก็จะพลอยถูกลูกหลงไปด้วย
ข้าจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น
ถ้าศัตรูใช้ศาสตร์แห่งสี่อสูร
เราก็จะตอบโต้ด้วยศาสตร์ฮุ่นตุ้น!
…ตอนนี้ มันคือทางเดียวที่ข้ามองเห็น
“ข้าเข้าใจในความตั้งใจของพวกเจ้าแล้ว ข้าเองก็จะทุ่มเทในการสอนอย่างเต็มที่”
หลังเงียบไปชั่วครู่ อาจารย์ชิวพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
จากนั้นนางก็ยักไหล่เล็กน้อย แล้วพูดว่า
“ว่าแต่—การฝึกฝนจะต้องใช้ความร่วมมือจากเหลยกวงด้วยนะ”
…นางพูดพร้อมรอยยิ้มฝืนๆ
ศาสตร์ฮุ่นตุ้น เป็นวิชาที่ฝึกยาก ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก
จำเป็นต้องมีทั้งอาจารย์ชิวที่เชี่ยวชาญเรื่องพลังปราณ และปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้แบบเหลยกวง ถึงจะสามารถสอนได้อย่างสมบูรณ์
เพราะงั้น การฝึกจริงจะเริ่มได้ก็ต่อเมื่อท่านเหลยกวงกลับมา
—นั่นคือข้อสรุปของอาจารย์ชิว
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้จนกว่าท่านเหลยกวงจะกลับมาเหรอขอรับ…”
“ก็อย่างที่ฮวาหยางพูดนั่นล่ะ แต่ว่าก็ควรเตรียมตัวไว้ก่อนนะ จะได้เริ่มฝึกทันทีเมื่อเหลยกวงกลับมา”
“เอ่อ…อาจารย์ชิวขอรับ”
ข้าคิดขึ้นได้บางอย่าง
ในตอนที่ไคเน่แปลคัมภีร์ลับให้เรา
มีประโยคนึงที่ทำให้ข้าติดใจ
“การจะเรียนรู้ ‘กระจกหมื่นเงา’ ต้องฝึกฝนเพื่อรับรู้การมีอยู่ของผู้อื่น ใช่ไหมขอรับ?”
“ใช่ นั่นเป็นหนึ่งในการฝึกเบื้องต้น”
“เพราะมันเป็นสุดยอดวิชาตั้งรับ ต้องใช้พลังปราณหรือประสาทสัมผัสทางผิวหนังในการรับรู้การเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ดังนั้นจึงมีการฝึกแบบปิดตา แล้วสัมผัสกันผ่านแขนหรือขาใช่ไหมขอรับ?”
“อืม ใช่แล้ว คล้ายกับการฝึกแบบเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ด้วยแบบท่าศิลปะต่อสู้”
“ในขณะเดียวกันก็รับรู้การมีอยู่ของอีกฝ่ายไปด้วย ใช่ไหมขอรับ?”
“ใช่เลย”
“ถ้าอย่างนั้น…ข้ากับศิษย์พี่ ก็เคยทำแบบนั้นมาก่อนใช่ไหมขอรับ? ตอนที่พวกเราฝึกชักนำพลังปราณรวมกายฟ้าดินกัน 4 คนพร้อมกันน่ะ”
“…อ๊ะ!”
เสี่ยวหวงอุทานขึ้น
ดูเหมือนนางจะเข้าใจสิ่งที่ข้าจะสื่อ
ตอนที่พวกเราฝึกชักนำพลังปราณรวมกายฟ้าดินด้วยกัน 4 คน เราปิดตา แล้วสัมผัสการมีอยู่ของกันและกัน แม้จะเคลื่อนไหวไปมา ก็แทบไม่ชนกันเลย
…มันคล้ายกับการฝึกของ “กระจกหมื่นเงา” มากทีเดียว
“จริงด้วย! เทียนฟางพูดถูกเลย!!”
เสี่ยวหวงตอบรับด้วยสีหน้าเปี่ยมความตื่นเต้น
“ทั้งที่หลับตาอยู่ แต่พวกเราก็รับรู้ได้ถึงตำแหน่งของกันและกันนะ”
“ถึงตอนนั้นข้าจะไม่รู้ว่าใครเป็นใครก็เถอะขอรับ”
“แต่ก็สามารถรับรู้ตำแหน่งและการเคลื่อนไหวได้อยู่ดีใช่ไหมล่ะ?”
“ใช่ขอรับ ดังนั้นคนที่มีประสบการณ์แบบนั้นมาแล้วอย่างพวกเรา น่าจะฝึกเบื้องต้นของ ‘กระจกหมื่นเงา’ ได้เลยนะขอรับ”
เราไม่รู้ว่าอาจารย์เหลยกวงจะกลับมาเมื่อไหร่
เพราะงั้น ถ้ามีอะไรที่ทำได้ตอนนี้ ก็ควรเริ่มเลย
“ข้าก็เห็นด้วยกับเทียนฟางครับ! ว่ายังไงขอรับ อาจารย์ชิว!?”
“…นั่นสินะ พวกเจ้าเคยฝึกสำเร็จมาแล้วนี่นา”
อาจารย์ชิวพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ตงหลี่ก็เคยพูดเหมือนกัน ว่าทั้งที่ปิดตาอยู่ แต่ก็รับรู้การเคลื่อนไหวของทุกคนได้ชัดเจน เทียนฟางกับฮวาหยางก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันสินะ?”
“ขอรับ ไม่ผิดแน่นอนขอรับ”
“ข้าด้วยขอรับ ระหว่างฝึก ผิวข้ารู้สึกยิบๆ อยู่ตลอด แล้วข้าก็รับรู้ได้เลยว่าเทียนฟางอยู่ตรงหน้า…”
คำพูดของเสี่ยหวงหยุดลงกะทันหัน
นางหันขวับไปอีกทาง แล้วพูดเสียงตะกุกตะกัก
“ชะ ช่างเถอะ! ยังไงก็เถอะ ข้าว่าเราฝึก ‘กระจกหมื่นเงา’ ได้แน่นอน!”
“ข้าก็คิดเหมือนกันขอรับ อาจารย์ชิว ขอความกรุณาสอนพวกเราด้วยได้ไหมขอรับ?”
“……อืม”
อาจารย์ชิวดูครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
หนัวหน่าดูตกใจอยู่ไม่น้อย เห็นได้ชัดว่านางไม่คาดคิดว่าจะได้เริ่มฝึกทันที
ส่วนไคเน่…อ้าว หลับไปแล้ว
นางเอนตัวมาซบข้าด้วยร่างเล็กๆ และหลับไปอย่างสงบเสียแล้ว
มัวแต่สนใจบทสนทนา เลยไม่ทันสังเกตเลยจริงๆ…เด็กคนนี้สุดยอดชะมัด
“ตกลงล่ะ เราจะลองฝึกเบื้องต้นของ ‘กระจกหมื่นเงา’ กันดู”
ไม่นาน อาจารย์ชิวก็เงยหน้าขึ้นพูด
“แต่อย่าลืมว่าข้าจะเป็นคนดูแลสุขภาพของพวกเจ้าเอง ถ้าเกิดอาการผิดปกติขึ้น จะหยุดฝึกทันที ตกลงไหม?”
“ขอบพระคุณขอรับ อาจารย์!”
“ฝากตัวด้วยขอรับ!”
ข้ากับเสี่ยวหวงค้อมตัวลงคารวะอาจารย์ชิว
การที่เจียโจวเชว่ตาย ทำให้พวกเราขาดเบาะแสเรื่องกลุ่มจินอวี่ปังไป แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางอื่น
พวกเรายังมีหนัวหน่า กับไคเน่ที่ช่วยแปลคัมภีร์
อาจารย์ชิวที่เคยเป็นหมอพเนจรในเกม พงศาวดารตำนานจอมกระบี่ ก็เป็นพวกเดียวกับเราในอาณาจักรหลานเหอตอนนี้
ค่อยๆ ก้าวไปก็ได้ อาศัยพลังของทุกคน วางแผนรับมือกับ ศาสตร์สี่อสูร ให้ได้
นั่นจะช่วยหยุดยั้งการล่มสลายของอาณาจักรหลานเหอได้แน่นอน
“งั้นขอฝากตัวอีกครั้งขอรับ อาจารย์!”
เสี่ยวหวงลุกพรวดขึ้น แล้วหันมาทางข้า…แต่ก็เบี่ยงสายตาหนี จากนั้นนางก็เอามือไปจับที่สายคาดเอวของชุดตัวเอง
“ฮวาหยาง”
“ขะ ขอรับ อาจารย์!”
“วิชานี้ไม่ใช่แบบตอนฝึกชักนำพลังลับนะ ไม่ต้องถอดเสื้อผ้าก็ได้จ้ะ?”
“───!?”
เสี่ยวหวงหน้าแดงก่ำ
…ไม่ว่าใครก็คิดว่าการถอดเสื้อผ้าต่อหน้าคนอื่น โดยเฉพาะต่อหน้าหนัวหน่า กับไคเน่ ยังไงก็ไม่เหมาะ
หนัวหน่าเองก็หน้าแดงแล้วเอามือปิดหน้าไว้
“…อันตรายต่อสายตาเกินไปแล้วค่ะ ข้ายังไม่มีความกล้าพอที่จะได้เห็นผิวของท่านฮวาหยางผู้น่าหลงใหลเลย…”
…เอ่อ หนัวหน่านี่คลังไคล่เสี่ยวหวงของจริงสินะ…
แบบนั้นแหละ ข้ากับเสี่ยวหวงจึงเริ่มฝึกฝนวิธีรับรู้ตำแหน่งของกันและกัน (โดยไม่ถอดเสื้อ)
สัมผัสแขนบ้าง ขาบ้าง ส่วนอื่นๆ บ้าง แล้วฝึกต่อไปอย่างต่อเนื่อง
และแล้ว วันถัดมา
ข้าก็ได้รับจดหมายจากพี่ชาย—ไห่เหลียง ผู้ประจำการอยู่ที่ป้อมปราการทางเหนือ
‘ข้าได้พบกับอาจารย์ของเจ้า—ท่านเหลยกวงมาแล้ว’
นั่นคือประโยคแรกของจดหมาย
ท่านเหลยกวงไปเยือนป้อมทางเหนือ เพื่อติดตามองค์กรที่กำลังแพร่ข่าวลือว่า “อาณาจักรหลานเหอจะล่มสลาย”
‘หลังจากนี้ ท่านเหลยกวงจะมุ่งหน้าไปทางตะวันออก
ข้าได้สอบถามถึงเมืองเป้าหมายมา และบันทึกไว้เผื่อเจ้าอยากไปพบ
หากเจ้าต้องการ ก็น่าจะตามไปทันทันที
ข้าได้บอกท่านเหลยกวงว่าครูของเจ้าคือท่านซวนชิวยี่
เมื่อได้ยินว่าเจ้าได้รับการชี้แนะจากท่านซวนชิวยี่ ท่านเหลยกวงก็โล่งใจมาก
แต่ข้าคิดว่าเจ้าคงมีเรื่องที่อยากคุยกับท่านเหลยกวงอยู่เหมือนกัน
เพราะงั้นจึงตั้งใจจดตารางเดินทางไว้ให้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่เจ้า’
“…ขอบคุณมากขอรับ พี่ชาย!”
ในจดหมายมีทั้งวันที่พี่ชายได้พบกับท่านเหลยกวง และชื่อเมืองที่อาจารย์มุ่งหน้าไป
ถ้ารีบตามไปตอนนี้ อาจยังทันจะพบกันในเมืองทางตะวันออก
ข้ายังไม่ได้บอกเรื่อง คัมภีร์ ฮุ่นตุ้น ให้พ่อหรือพี่ชายรู้
แต่ได้ขอให้ช่วยแจ้งท่านเหลยกวงว่าข้ากับเสี่ยวหวงอยากพบ พร้อมบอกว่าเรากำลังฝึกอยู่กับอาจารย์ชิว
นั่นแหละคือหมากเด็ด
เพราะแบบนั้นข้าถึงรู้เส้นทางเดินทางของท่านเหลยกวง
ถ้าใช้ ห้าสัตว์เทพก้าวพริบตา ของข้ากับเสี่ยวหวง
เราน่าจะทันเข้าร่วมกับอาจารย์ได้ทัน
และถ้าเชิญท่านเหลยกวงกลับมาได้ เราก็จะได้รับการฝึกจากทั้งอาจารย์ชิวและเหลยกวงพร้อมกัน
ข้ากังวลเล็กน้อยว่า ท่านเหลยกวงจะยอมเป็นครูให้สอนศาสตร์ฮุ่นตุ้นหรือไม่
แต่ก็จะพยายามโน้มน้าวท่านด้วยตัวเอง
ในเมื่อมีอาจารย์ชิว—ศิษย์น้องของท่านอยู่ด้วย
ข้าเชื่อว่าอาจารย์เหลยกวงจะยอมฟังแน่
คิดอย่างนั้นแล้ว ข้าก็พับจดหมายในมือ แล้วรีบตรงไปหาเสี่ยวหวงทันที—
MANGA DISCUSSION