──มุมมองของ เทียนฟาง──
วันถัดจากวันที่มีงานเลี้ยงในพระราชวัง ข้ากำลังนั่งคัดลอกจดหมายที่บ้าน
จดหมายนั้นเป็นของพี่ชาย เพื่อจะส่งให้กับองค์รัชทายาทหลางเหยียน
พี่ข้าเขียนหนังสือไม่เก่ง
แต่เขาไม่อยากให้ดูเสียมารยาท จึงอยากส่งจดหมายที่เรียบร้อยงดงามไปยังองค์รัชทายาท… ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงคัดลอกจดหมายของพี่อย่างปราณีต แล้วส่งเข้าวัง
อย่างไรก็ตาม จดหมายนั้นไม่เคยไปถึงองค์รัชทายาท มันหายสาบสูญ
แต่ต้นฉบับยังคงอยู่
ข้าจึงตั้งใจจะคัดลอกใหม่อีกครั้ง แล้วส่งให้ถึงมือองค์รัชทายาทหลางเหยียนด้วยตัวเอง
องค์รัชทายาทยังคงเห็นพี่ชายข้าเป็นสหายคนสำคัญ
การที่ทั้งสองขาดการติดต่อกัน ก็เป็นเพราะมีผู้ใดบางคนคอยขัดขวาง
ท่านเหลียวหยวนบอกว่าจะเป็นคนสืบเรื่องคนร้ายเอง
ตอนนี้สิ่งที่ข้าทำได้คือการส่งจดหมายฉบับนั้นให้ถึงมือองค์รัชทายาทก่อน
ข้าดำเนินงานไปด้วยความคิดนั้นในหัว จนกระทั่ง──
“ขออภัยค่ะ คุณชายฟาง ผู้ติดตามขององค์อนุชาเสด็จมาขอพบค่ะ”
จู่ๆ ไป๋เย่ ก็เข้ามาเรียก
ผู้ที่มาเยือนตระกูลหวงก็คือ ท่านทันชิ ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านเหลียวหยวน
ทันทีที่มาถึงห้องรับแขก เขาก็ทำความเคารพในฐานะทูต แล้วกล่าวว่า
“หากท่านจะส่งจดหมายถึงองค์รัชทายาทครั้งหน้า ขอให้แจ้งเราก่อนด้วย”
เขากล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“กรณีที่จดหมายของท่านหวงไห่เหลียง ไปไม่ถึงองค์รัชทายาท ตอนนี้พระอนุชาได้สั่งให้ตรวจสอบอยู่ เรายังสืบสวนในวังหลวงต่อไป แต่เพื่อความรัดกุม ควรมีการยืนยันเป็นลายลักษณ์ว่าได้ส่งจดหมายออกไปแล้ว”
“หมายถึงการมีบันทึกการส่งใช่ไหมขอรับ”
“ท่านเทียนฟางพูดได้ชัดตรงประเด็นจริงๆ”
“แค่คิดได้ขึ้นมาเฉยๆ น่ะขอรับ”
ในโลกก่อนของข้า เวลาเราส่งจดหมายสำคัญก็มักจะมีการเก็บหลักฐานไว้เช่นกัน
ท่านเหลียวหยวนก็กำลังดำเนินการในแบบเดียวกัน
“นี่เป็นมาตรการชั่วคราวจนกว่าจะจับตัวคนร้ายได้ ขอความร่วมมือด้วยนะขอรับ”
“เข้าใจแล้วขอรับ”
ข้าจึงกล่าวคำนับ แล้วว่า
“ครั้งต่อไปที่จะส่งจดหมายของพี่เข้าวัง ข้าจะติดต่อท่านทันชิก่อน”
“ฝากด้วยนะขอรับ”
“เรื่องนี้ องค์รัชทายาทรับทราบแล้วหรือขอรับ”
“แน่นอน ทรงเห็นชอบแล้วขอรับ”
“เข้าใจแล้วขอรับ กำลังคัดลอกฉบับใหม่อยู่พอดี”
“หากเป็นเช่นนั้น ข้าคิดว่าจะสามารถส่งจดหมายไปถึงในช่วงบ่าย และจะแวะไปแจ้งที่ตำหนักด้วย”
“ขอบคุณมากขอรับ…ว่าแต่ ท่านเทียนฟาง”
“ขอรับ ท่านทันชิ?”
“จริงๆ แล้ว สิ่งที่ท่านกล่าวในงานเลี้ยง กลายเป็นหัวข้อพูดคุยในวังหลวงเชียวนะขอรับ”
เขากดเสียงลงเล็กน้อย
“ได้ยินว่าท่านเสนอว่า ‘ควรผูกมิตรกับชนเผ่าปอหง’ ใช่ไหมขอรับ?”
“ใช่ขอรับ ข้าพูดไปแบบนั้น”
“เรื่องนั้นล่วงรู้ไปถึงพระกรรณของพระราชาแล้ว และองค์อนุชาก็เล่าว่าพระองค์ทรงพอพระทัยในข้อเสนอของท่านมากขอรับ”
“พระราชาเองน่ะหรือขอรับ!?”
นั่นเป็นสิ่งที่เกินคาด
สิ่งที่ข้าพูดไปตอนนั้น เป็นแค่ความคิดที่ผุดขึ้นมาจากความรู้ในโลกก่อน ไม่คิดเลยว่าจะไปถึงพระราชาได้
“องค์รัชทายาทเองก็ทรงบอกว่าเป็นแค่บทสนทนาในงานเลี้ยงแท้ๆ…”
“ข้าก็เข้าใจเช่นนั้นขอรับ”
ท่านทันชิ พยักหน้า
“ที่พระราชาทรงสนใจ ข้าคิดว่าน่าจะมีเหตุผลเบื้องหลังอยู่”
“เหตุผลหรือขอรับ?”
“ตอนนี้มีแม่ทัพชั้นสูงบางคน เสนอว่าควรบุกเข้าไปยังดินแดนของพวกจิ่นจิ้งน่ะสิขอรับ”
เขาเริ่มอธิบายอย่างจริงจัง
หลังเหตุการณ์ที่องค์รัชทายาทถูกโจมตี
บรรดาขุนนางสายแข็งในวังเริ่มเสนอว่า
“ควรนำทัพขนาดใหญ่บุกโจมตีจิ่นจิ้งซะ เพื่อลงโทษพวกมัน”
พวกเขาเชื่อว่าแค่หลานเหอส่งกำลังทัพไปก็สามารถล้างบางจิ่นจิ้งได้ในพริบตา
แต่ในความจริง การบุกเข้าไปยังแดนของจิ่นจิ้งนั้นมีความเสี่ยงมหาศาล
แดนพวกมันอยู่ไกลมาก
การคุมเสบียงทำได้ยาก
หน่วยลำเลียงจะตกเป็นเป้าโจมตีของพวกม้าเร็ว
อีกทั้งต้องมีทหารจำนวนมากคอยคุ้มกัน
แถมเส้นทางยังทุรกันดาร แคบ คุมกำลังพลได้ยาก
พวกเราจะใช้ประโยชน์จากทัพใหญ่ไม่ได้เต็มที่
ยิ่งกว่านั้น ไม่มีแผนที่อีก!
จะบุกก็ต้องคลำทางไปเรื่อยๆ
ในขณะที่พวกเผ่าจิ่นจิ้ง รู้จักพื้นที่ดี แถมพร้อมลอบโจมตีตลอดเวลา
พวกมันสามารถล่อทัพของเราให้เข้าไปส่วนลึกแล้วรุมกินโต๊ะได้ง่ายดาย
ดังนั้น ท่านพ่อ กับ ท่านเหลียวหยวน ถึงย้ำมาตลอดว่า ควรดำเนินการอย่างระมัดระวัง
แต่ตอนนี้ พวกสายบู๊เริ่มโหมกระแสขึ้นมาอีกครั้ง
“แน่นอนว่าพวกจิ่นจิ้งน่ะ อันตรายจริง แต่หากจะรบ ก็ควรเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อปิดเกมให้ได้ในครั้งเดียว”
ท่านทันชิ กล่าวเสริม
“สงครามยืดเยื้อกลางแดนไกล อันตรายเกินไป ข้ากับพระอนุชาก็คิดเช่นเดียวกัน”
“ข้าก็เห็นด้วยขอรับ”
ข้าตอบกลับไป
“ท่านพ่อก็พูดอยู่เสมอว่า หากคิดจะโค่นพวกจิ่นจิ้ง ต้องรวบรวมพันธมิตรรอบข้างไว้ให้ได้ เพื่อจะได้ข้อมูลของพวกมันผ่านเผ่าอื่น”
“ถูกต้องเลยขอรับ การที่องค์อนุชาส่งคนไปสืบข่าวทางเหนือ ก็เพื่อเหตุผลนั้น”
ท่านทันชิ พยักหน้า
“แต่มีกลุ่มคนที่ไม่พอใจ เพราะคิดว่าหลานเหอเป็นมหาอำนาจ ไม่ควรเสียเวลาจัดการจิ่นจิ้งนานขนาดนี้”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง…”
“เพราะอย่างนั้น ข้อเสนอของท่านจึงสำคัญขอรับ”
ท่านทันชิ ยิ้มพลางพูดว่า
“การผูกมิตรกับปอหง หรือส่งทูตไปเจรจา เป็นสิ่งที่สามารถเริ่มได้ทันที และมันจะเป็นหลักฐานว่าเรากำลังดำเนินมาตรการรับมือจิ่นจิ้งอยู่”
“เพื่อควบคุมพวกสายบู๊ใช่ไหมขอรับ?”
“ใช่แล้วขอรับ ความคิดของท่านน่าประทับใจมาก”
“ไม่หรอกขอรับ…”
ข้ารีบโบกมือ
“ขนาดนั้นใครๆ ก็นึกออกได้ ข้าแค่พูดมันออกมาเท่านั้นเอง”
“แต่การที่ท่านกล้าพูดต่อหน้าธารกำนัล และองค์รัชทายาทไม่ปฏิเสธ นั่นแหละคือสิ่งสำคัญ”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ในงานเลี้ยงนั้น มีขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊มากมาย
ข้าได้พูดต่อหน้าองค์รัชทายาทว่า “ควรผูกมิตรกับปอหง” และองค์รัชทายาทก็ไม่ค้าน
ดังนั้น บรรดาขุนนางทั้งหลายจึงต้องเริ่มคิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง เรื่องจึงไปถึงหูพระราชา และกลายเป็นประเด็นพิจารณาในที่สุด
──ทั้งหมดก็เป็นเพราะเหตุนี้เอง
“ข้าคิดว่า อีกไม่นาน เราจะส่งทูตไปยังชนเผ่าปอหง”
ท่านทันชิ กล่าวพลางทำความเคารพ
“ในตอนนั้น ข้าอยากให้ท่านเทียนฟางร่วมเดินทางไปด้วย”
“ข้าเองหรือขอรับ!?”
“ใช่ขอรับ พระราชาและองค์อนุชามีรับสั่งมาเช่นนั้น เพราะเห็นว่าท่านคือผู้เหมาะสมที่สุดในการร่วมคณะทูตไปยังปอหง”
“เพราะข้าเป็นคนเสนอให้ผูกมิตรกับพวกเขางั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ขอรับ”
ท่านทันชิ ส่ายหน้า
“เพราะเราสามารถเชื่อมสายสัมพันธ์กับคนรู้จักของปอหงได้ก็เพราะท่าน”
“คนรู้จักของปอหง…หมายถึง?”
“ท่านซวนชิวยี่ขอรับ”
──ซวนชิวยี่
หรือก็คือ อาจารย์ชิว
หา? ท่านอาจารย์รู้จักกับเผ่าปอหงงั้นหรือ!?
“ท่านเคยเดินทางไปทั่วเพื่อรักษาผู้คน และในนั้นก็มีคนที่ใกล้ชิดกับหัวหน้าเผ่าปอหงอยู่ด้วย ถึงจะไม่ได้เข้าไปในหมู่บ้านพวกเขา แต่ก็ได้รับความขอบคุณอย่างมาก”
“ท่านอาจารย์…”
“ท่านชิวรับอาสาเป็นสื่อกลางให้เรา หากเป็นเช่นนั้น ก็สมควรที่ลูกศิษย์ของเขาอย่างท่านเทียนฟาง ซึ่งเป็นชาวหลานเหอ จะร่วมคณะด้วย”
“เพราะอาจารย์เป็นหมอพเนจรใช่ไหมขอรับ?”
“ใช่ขอรับ”
“ท่านอาจารย์ได้รับความไว้วางใจจากพวกปอหง แต่ท่านไม่ใช่ชาวหลานเหอ หากเราจะมีสัมพันธ์ระยะยาว ก็ควรส่งคนที่เป็นทั้งลูกศิษย์ของเขาและเป็นคนของหลานเหอไปแทน…หมายถึงข้านั่นสินะขอรับ”
“เข้าใจเร็วจริงๆ ท่านเทียนฟาง”
ท่านทันชิ พยักหน้าอย่างชื่นชม
“อย่างนี้นี่เอง…ท่านอาจารย์เคยช่วยเหลือเผ่าปอหงมาก่อนสินะ…”
ในเกมเอง ท่านอาจารย์ก็เดินทางไปทั่วทวีป
การที่เคยรักษาคนของปอหงก็ไม่แปลก
ถ้าท่านเหลียวหยวนคิดจะผูกมิตรกับปอหง การไปปรึกษาท่านอาจารย์ก็ย่อมสมเหตุสมผล และท่านอาจารย์เป็นคนมีคุณธรรม ย่อมเต็มใจช่วยอยู่แล้ว
แต่ท่านเองก็ตั้งใจจะกลับไปเป็นหมอพเนจรอีก
เมื่อตัวท่านไม่อยู่ ต้องมีใครสักคนที่สามารถสานต่อความสัมพันธ์กับปอหงได้
คนที่เหมาะที่สุดคือตงหลี่ แต่ร่างกายนางไม่แข็งแรง
จะให้ลำบากมากก็ไม่ได้
เช่นนั้นแล้ว คนถัดมาที่ใกล้ชิดกับอาจารย์ที่สุด ก็คือตัวข้า
ข้าจึงเป็นผู้เหมาะสมที่สุดที่จะทำหน้าที่เป็นทูตสานสัมพันธ์กับปอหง
…ก็ช่วยไม่ได้
คนที่เสนอให้ผูกมิตรกับปอหง ก็คือตัวข้านี่แหละ
ในเมื่อพูดไปแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบ
อีกอย่าง การมีสัมพันธ์กับปอหง
อาจช่วยหลีกเลี่ยง ฉากจบแห่งหายนะของหลานเหอ ก็ได้
หากผูกมิตรสำเร็จ เราจะได้ผู้มีฝีมือมาร่วมเป็นพวก
จะได้ข้อมูลของเผ่าจิ่นจิ้ง
ใช้ผลงานนี้ข่มสายบู๊ไม่ให้หุนหันพลันแล่นได้
หากปล่อยให้พวกสายบู๊บุกไปเอง แล้วพ่ายแพ้ยับเยินขึ้นมา
ท่านพ่อกับพี่ข้าก็จะตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง
สถานการณ์แบบนั้น…ข้าไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยจริงๆ
หากข้าทำอะไรได้ล่ะก็ ก็ควรจะทำ
“ข้าขอรับคำบัญชาขอรับ ท่านทันชิ”
ข้าทำความเคารพเขาอย่างแน่วแน่…
MANGA DISCUSSION