ข้าตัดสินใจเข้าร่วมการประชุม
หากปฏิเสธคำเชิญขององค์รัชทายาท ก็อาจถูกมองว่าเสียมารยาท
นั่นไม่เป็นผลดีต่อสกุลหวง
อีกอย่าง ข้าอยากรู้ว่าในตอนนี้องค์ชายหลางเหยียนกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
รวมถึงต้องการประเมินคนใหญ่คนโตที่อยู่รอบตัวเขาด้วย
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงฉากจบแบบ “หวงเทียนฟางล่มสลาย”
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ข้าจึงไปแจ้งท่านแม่ว่าจะเข้าร่วมงานประชุม
“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นเจ้าจงพาซิงเล่ยไปด้วย”
ท่านแม่ตอบหลังจากได้ยินความตั้งใจของข้า
“นางเคยบอกว่าอยากเป็นตัวแทนของสกุลหวงด้านการเข้าสังคม การได้พบหน้าบรรดาท่านผู้สูงศักดิ์นับเป็นประสบการณ์ที่ดี”
“แต่เป็นงานประชุมทางการนะขอรับ พาซิงเล่ยไปด้วยจะดีหรือ”
“แค่อย่าพานางเข้าไปในงานเลี้ยงก็พอ งานลักษณะนี้มักมีห้องพักแยกไว้ให้ผู้ติดตามอยู่แล้ว ให้ซิงเล่ยรออยู่ที่นั่นพร้อมกับไป๋เย่ คนจะได้รู้ว่านางเป็นบุตรีของแม่ทัพพยัคฆ์เวหา ควรแต่งกายให้ดูสง่างามไว้”
มารดายิ้มอย่างอ่อนโยนพลางกล่าวต่อ
“ซิงเล่ยเองก็ต้องมีประสบการณ์ในการเผชิญหน้าผู้คน หากเจ้าชมว่านางงดงามเมื่อแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว นั่นจะช่วยให้นางมีความมั่นใจขึ้น กล้าพูดคุยกับท่านผู้มีศักดิ์ด้วยความสงบนิ่ง การเข้าสังคมย่อมต้องเริ่มจากตรงนี้”
“ขอรับ ท่านแม่”
“เรื่องกิริยามารยาท ข้าจะเป็นผู้สอนนางเอง เพื่อเปิดโลกให้นาง เทียนฟาง เจ้าจงอยู่เคียงข้างนางไว้ นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ซิงเล่ยดีใจที่สุดแล้ว”
ท่านแม่ของข้านี่ช่างล้ำลึก นางคิดถึงซิงเล่ยเสมอ
เป็นจริงอย่างที่กล่าว—ซิงเล่ยแทบไม่เคยออกงานสังคมมาก่อน
ก่อนจะเป็นตัวแทนสกุลหวงได้ ก็ควรผ่านประสบการณ์เข้าสังคมเสียก่อน
ซิงเล่ยนับว่าเป็นสาวงามหาตัวจับยาก
หากนางตระหนักถึงความงามของตนเองและมีความมั่นใจ ก็จะมีชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยความสุขุม
เมื่อมีความสุขุม การสื่อสารกับผู้คนย่อมราบรื่น
ข้าอยากให้นางเติบโตอย่างตรงไปตรงมา
แต่ก็ต้องระวังไว้ด้วย
เพราะใน พงศาวดารตำนานจอมกระบี่ นั้น ซิงเล่ยกลายเป็นสนมคนโปรดขององค์ชายหลางเหยียน
ข้าไม่อยากให้นางเดินไปตามเส้นทางนั้น
ดังนั้นข้าควรทำให้ซิงเล่ยห่างจากหลางเหยียนไว้จะดีกว่า
โชคดีที่รอบนี้นางจะไปแค่ห้องพักของผู้ติดตาม โอกาสพบองค์ชายหลางเหยียนจึงต่ำมาก
แต่ก็ไม่ประมาทไว้ก่อนจะดีกว่า
ข้าครุ่นคิดเรื่องเหล่านี้ขณะฟังท่านแม่
จากนั้น การฝึกโดยอาจารย์ชิวและท่านตงหลี่ก็ยังดำเนินต่อไป
เพียงแต่ตั้งแต่วันถัดมา ซิงเล่ยจะไม่ได้ร่วมฝึกอีก
เพราะต้องเข้ารับการสอนมารยาทจากมารดา
ส่วนการฝึก ชักนำพลังปราณรวมกายฟ้าดิน ของนาง ข้าจะเป็นผู้สอนให้นางเองที่บ้าน
ทุกวัน ข้ากับซิงเล่ยจะฝึก สัตตเทวชักนำพลัง ร่วมกัน
ระหว่างนั้น ข้าก็สอน ชักนำพลังปราณรวมกายฟ้าดิน ควบคู่ไปด้วย
เมื่อซิงเล่ยได้ยินเรื่องการประชุม นางก็พูดขึ้นว่า
“ข้าอยากไปกับพี่ค่ะ”
สีหน้านางนั้นจริงจังนัก
นางกล่าวว่านี่คือสิ่งที่อยากทำเพื่อสกุลหวงอย่างแท้จริง
“ข้าอยากทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสกุลหวง”
“ข้าอยากให้ผู้คนกล่าวว่า ‘หญิงสาวที่สกุลหวงรับมาเลี้ยงดูเป็นสตรีที่งดงามและสง่างาม’”
“ข้าอยากให้ใครๆ เห็นว่าสกุลหวงเลี้ยงดูหญิงงามที่เหมาะสมได้จริงๆ”
ดูเหมือนนั่นคือความฝันของซิงเล่ย
ซิงเล่ยเป็นเด็กที่มั่นคง ข้าคิดว่านางคงไม่เป็นไร
เส้นทางของนางคงแยกออกจากเส้นทางในเกมไปแล้ว
หวังว่านางจะเดินหน้าสู่อนาคตที่นางปรารถนา
ด้วยเหตุนี้ ซิงเล่ยจึงหยุดฝึกนำลมปราณ และตั้งแต่วันรุ่งขึ้น ข้าก็เริ่มฝึกกับพี่เสี่ยวหวงเพียงสองคนภายใต้คำชี้แนะของอาจารย์ชิว
สถานที่ฝึกอยู่ที่บ้านของอาจารย์ชิวกับตงหลี่
ท่านเหลียวหยวนได้จัดบ้านข้างๆ บ้านของอาจารย์เหลยกวงให้พวกเขาอยู่
ข้ากับเสี่ยวหวงจึงต้องเดินทางไปที่นั่นทุกวัน
อาจารย์ชิวตรวจสอบพลังลมปราณภายในของข้า เสี่ยวหวง และซิงเล่ย
ผลปรากฏว่า ไม่มีปัญหาใดๆ
คุณลักษณะธาตุทั้งห้าปรากฏว่า
เสี่ยวหวงมีความถนัด ‘ไฟ’ กับ ‘ไม้’
ซิงเล่ยถนัด ‘น้ำ’
ส่วนข้า——ไม่พบความถนัดใดเลย
ในร่างข้ามีเพียงพลัง “เทียนหยวน” ไม่มี ‘พลังปราณ’ แบบปกติเลย
จึงไม่สามารถวัดคุณลักษณะธาตุได้
ข้อสรุปของอาจารย์ชิวคือ
“ก็แค่เปลี่ยนลมปราณให้เป็นธาตุที่ต้องการใช้ก็พอ”
“จากนี้ไป ข้าจะสอนวิธีใช้พลังภายในให้พวกเจ้า เทียนฟางกับหวงฮวา”
อาจารย์ชิวกล่าว
“ก่อนอื่น ข้าจะให้พวกเจ้ารับการฝึก ‘จุดลมปราณ’ เสียก่อน”
“จุดลมปราณเหรอคะ?”
“เอ่อ…หมายความว่ายังไงหรือขอรับ อาจารย์?”
“พวกเจ้าเข้าใจว่า ‘จุดลมปราณ’ คืออะไรไหม?”
“ข้าทราบค่ะ!”
เสี่ยวหวงชูมืออย่างกระตือรือร้น
“ข้าได้ยินมาว่า การแตะที่จุดสำคัญของร่างกายแล้วปล่อย ‘พลังปราณ’ เข้าไป จะทำให้ขัดขวางการไหลเวียนของพลังภายในศัตรู และนั่นจะสามารถสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของเขาได้”
“เรียนรู้มาดีมากเลย หวงฮวา”
“ขอบคุณค่ะ!”
“อย่างที่หวงฮวาว่ามาเลย สำนักของข้า ‘เช่าลื่อจื่อ’ มีเทคนิคเฉพาะตัวในการรับการโจมตีแล้วสวนกลับด้วยจุดลมปราณ”
อาจารย์ชิวยิ้มพลางอธิบาย
“การฝึกสกัดจุดลมปราณนี้ จะช่วยให้เจ้าควบคุมพลังภายในได้คล่องขึ้น พูดไปก็เท่านั้น ลองทำจริงเลยดีกว่า เอาล่ะ หวงฮวา”
“คะ-ค่ะ!”
“ลองโจมตีข้าดูสิ”
อาจารย์ชิวยืนประจันหน้าเสี่ยวหวงอย่างผ่อนคลาย
ในขณะที่เสี่ยวหวงถือกระบี่ไม้ อาจารย์ชิวกลับใช้มือเปล่า
นางเพียงแค่ยกนิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางรอรับการจู่โจม
“ใช้ท่าที่อาจารย์เหลยกวงสอนมาก็ได้ จงเข้ามาเถอะ”
“แต่…จะใช้กระบวนท่ากับอาจารย์ผู้สอนมัน…”
“นี่คือคำสั่งของอาจารย์ โจมตีมา”
“ค่ะ!!”
เสี่ยวหวงตั้งท่ากระบี่ไม้
“ไปล่ะ! วิชากระบี่ห้าสัตว์เทพ!!”
เสี่ยวหวงพุ่งเข้าฟันอาจารย์ชิว
ท่าไม้ตายที่ใช้คือ “หงษ์แดงระบำเพลิง”—ท่วงท่าที่เสี่ยวหวงถนัดซึ่งจำลองเป็นนกที่เต้นระบำท่ามกลางเปลวไฟ
ครั้งก่อนที่เซิงไท่เจี่ยถูกฟาดด้วยท่านี้ เขาแทบทำหอกหลุดมือ
ทว่าอาจารย์ชิวกลับ…
“เช่าลื่อจื่อ──ธาราน้ำไหล”
──รับดาบของเสี่ยวหวงได้อย่างง่ายดาย──
“เช่าลื่อจื่อ──สายน้ำตก”
แล้วจึงแตะเข้าที่ข้อมือและข้อศอกของเสี่ยวหวง
“──เอ๊ะ?”
กระบี่หลุดจากมือของเสี่ยวหวง
แขนขวาทิ้งดิ่งไร้เรี่ยวแรง ขยับไม่ได้เลย
“ม-ไม่นะ! แค่ปลายนิ้วของอาจารย์ชิวแตะเท่านั้นเองเหรอ!?”
“เสี่ยวหวงใช้วิชาสายธาตุไฟ ส่วนข้าส่งพลังธาตุน้ำซึ่งเป็นธาตุที่ข่มมันเข้าไป ผลก็คือพลังธาตุในร่างของนางถูกรบกวนจนไม่สามารถขยับแขนได้ไงล่ะ”
…สุดยอดจริงๆ
นี่แหละคือวิชา เช่าลื่อจื่อ—ศาสตร์สกัดจุด
ในเกม พงศาวดารตำนานจอมกระบี่ ก็มีวิชาสกัดจุดเหมือนกัน
ถ้าใช้สำเร็จก็สามารถจับศัตรูได้โดยไม่ต้องทำร้าย แถมเอาไว้เป็นเชลยได้ด้วย
แต่ว่าความสำเร็จต่ำมาก แถมถ้าพลาดก็โดนสวนกลับจนบาดเจ็บหนัก เป็นท่าที่เรียกกันว่า “สกิลตกม้าตาย”
แต่พอเป็นของอาจารย์ชิวแล้ว มันน่ากลัวจนเหมือนเป็นคนละวิชาเลย
แค่ใช้สกัดจุดก็หยุดการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ แล้วหนีเอาตัวรอดได้ทันที
ถ้าอยากรอดชีวิต จำเป็นต้องฝึกวิชานี้ไว้ให้ได้
“อะ อาจารย์ชิว! แล้วข้าจะแก้มันยังไงดี…?”
“ลองคิดดูสิ”
“เอ่อ อืม…”
“ถ้างั้นเทียนฟาง ลองคิดแทนศิษย์พี่ของเจ้าดูหน่อยสิ”
อาจารย์ชิวหันมายิ้มให้ข้า
“ว่าไงล่ะเทียนฟาง คิดว่ายังไงดี?”
“นี่มันก็เป็นการฝึกควบคุมพลังภายในใช่ไหมขอรับ?”
ข้าคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็เข้าใจแล้วขอรับ อาจารย์ชิวใช้พลังธาตุน้ำไปสกัดพลังธาตุไฟของเสี่ยวหวง เพราะงั้นถ้าใช้พลังธาตุดินที่ข่มธาตุน้ำได้ก็จะสลายพลังนั้นได้ นั่นก็คือใช้ท่าไม้ตายของ ‘กิเลน’ ธาตุดินขอรับ!”
“อ-อืม เข้าใจแล้วล่ะ เทียนฟาง!”
ด้วยแขนที่ยังชาอยู่ เสี่ยวหวงสูดลมหายใจลึก
นางเริ่มขยับร่างกายเล็กน้อย พยายามรวบรวมพลังธาตุดินของกิเลนทั้งที่แขนยังไม่ขยับ
หลังจากพยายามอยู่สักพัก──
“…ฮึ๊บ!!”
นางสะบัดแขนขวาขึ้น
กำมือแล้วแบออก คล้ายกำลังทดสอบว่าแขนกลับมาเป็นปกติแล้วหรือยัง
“ขอบใจนะ เทียนฟาง”
พูดพลางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
“ตกใจเลยแหละ ไม่คิดเลยว่าวิชาสกัดจุดจะสุดยอดขนาดนี้…”
“ในแคว้นโซมะ ไม่มีผู้ใช้วิชาแตะจุดเหรอขอรับ?”
“อืม ส่วนมากจะใช้วิชาที่เน้นพลังภายในมากกว่า แต่แบบนี้ก็ไม่ต้องอาศัยแรงหรือขนาดร่างกาย ยังไงก็สู้กับพวกตัวใหญ่ๆ ได้เลยนะ”
“ข้าไม่อยากให้พี่เสี่ยวหวงต้องไปสู้กับพวกแบบนั้นหรอกขอรับ”
“ฮะฮะ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเทียนฟางต้องพูดแบบนี้”
เสี่ยวหวงหัวเราะเขินๆ
“แต่ข้าก็อยากเรียนรู้วิชาทุกอย่างให้เก่งขึ้น เพื่อสันติภาพระหว่างแคว้นโซมะกับแคว้นหลานเหอ ข้าอยากสร้างผลงานที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับ เพื่อให้ความฝันของข้าเป็นจริง”
“ยอดเยี่ยมเลยขอรับ ศิษย์พี่”
“ฮะฮะ นานๆ ทีจะเรียกข้าว่าศิษย์พี่นะ”
“ขอโทษขอรับ เผลอไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าชอบที่เทียนฟางเรียกทั้ง ‘เสี่ยวหวง’ หรือ ‘ศิษย์พี่’ นั่นแหละ”
เสี่ยวหวงพูดพลางขยับมือข้างที่เคยถูกแตะจุดอย่างสนุกสนาน
แล้วอาจารย์ชิวก็มองมาทางข้า
“งั้นต่อไปก็เทียนฟางนะ พร้อมไหม?”
“ครับ! อาจารย์ชิว!!”
“เหมือนกับเสี่ยวหวง ใช้ท่าที่ถนัดมาได้เลยนะ”
“ครับ ถ้าอย่างนั้น… ข้าขอลองบ้าง!!”
ไหนๆ ก็ได้โอกาสแล้ว ลองอะไรแปลกๆ ดูดีกว่า
ถ้าเล่นซื่อๆ เดี๋ยวก็โดนสกัดจุดเหมือนเสี่ยวหวงแน่
งั้นขอใช้ลูกเล่นสักหน่อย──
“แมวกลิ้งกลม!”
ข้าใช้ท่า แมวกลิ้งกลม จาก ‘สัตตเทวชักนำพลัง’ กลิ้งตัวไปกับพื้น
หมุนตัวพุ่งเข้าหาเท้าอาจารย์ชิว แล้วเตะพื้น──ใช้ท่า ‘ราชามังกรซ่อนเมฆผงาดฟ้า’ จาก วิชากระบี่ห้าสัตว์เทพ
‘แมวกลิ้งกลม” เป็นท่าที่เคยใช้ตอนแย่งตัวซิงเล่ยคืนมาจากพวกหัวขโมย
แม้จะเป็นวิชาชักนำพลัง แต่ใช้ล่อความสนใจของศัตรูได้ดี
ข้าอยากรู้มาตลอดว่าถ้าผสมกับ วิชากระบี่ห้าสัตว์เทพ แล้วจะเป็นยังไง
โอกาสดีแบบนี้ต้องลองดู!
“ใช้ วิชาชักนำพลัง มาเบี่ยงความสนใจรึ! สมกับเป็นเจ้าเลย น่าสนใจจริง ๆ!!”
กระบี่ไม้ที่พุ่งมาจากใต้เท้า อาจารย์ชิวกลับรับไว้ได้อย่างง่ายดาย
แล้วแตะที่ข้อมือข้าด้วยสองนิ้ว
ต่อจากนั้น แขนก็ชากระทันหัน ถูกสกัดจุดแล้ว!
ข้ารีบเปลี่ยนเป็นวิชาอื่น เปลี่ยนธาตุในตัวให้ต้านพลังของอาจารย์ชิว
พอแขนกลับมามีความรู้สึก ข้าก็ตั้งท่าจะฟาดกระบี่ไม้อีก──
“ทักษะดีนะ แต่ยังไม่พอ เทียนฟาง”
โปะ โปะ โปะ
อาจารย์ชิวตบที่ไหล่ทั้งสอง เข่าและหลังของข้า
จุดทั้งห้าที่ถูกแตะ ทำให้พลังของอาจารย์แทรกเข้ามา──
รู้ตัวอีกที ข้าก็นอนคว่ำกับพื้น
“เท-เทียนฟาง!? ไม่เป็นไรใช่ไหม!? ตั้งสติไว้นะ!!”
──ขยับไม่ได้เลย
แขนขาก็ชาไปหมด พยายามขยับยังไงก็ไม่ไหว
“ลองปลดเองให้ได้สิ เทียนฟาง”
“ข-ขอรับ!”
“ยิ่งปลดการสกัดจุดได้มากเท่าไร การควบคุมพลังภายในของเจ้าก็จะยิ่งแม่นยำขึ้น ยิ่งฝึกได้ดี ก็ใช้ ‘พลังเทียนหยวน’ ได้คล่องขึ้นเช่นกัน”
“ข-ขอรับ!”
“เข้าใจแล้วค่ะ!”
“ถ้าปลดไม่ได้ก็ค่อยบอก แต่ก่อนนั้น จงมองให้ลึกลงไปในตัวเอง เข้าใจให้ชัดว่าตัวเจ้ามีพลังธาตุอะไรอยู่บ้าง แล้วข้าจะช่วยหลังจากนั้น”
อาจารย์ชิวเข้มงวดกว่าท่านอาจารย์เหลยกวงเสียอีก
เหมือนกำลังเตรียมเราสู้กับศัตรูร้ายแรงอะไรสักอย่างอย่างจริงจัง
ข้าเริ่มตั้งสมาธิ
พลังของอาจารย์ชิวเหมือนท่อนไม้เสียบคาอยู่ในร่างข้า
ข้าควบคุมพลังในตัวเพื่อลบล้างพลังนั้น
ตอนนี้ขยับตัวแทบไม่ได้ ใช้ วิชากระบี่ห้าสัตว์เทพ ไม่ไหวแน่ ต้องใช้ ‘พลังเทียนหยวน’ มาสยบพลังของอาจารย์แทน เพราะมันเป็นพลังรวมทุกธาตุ เปลี่ยนเป็น ไม้ หรือ น้ำ ก็ได้
นึกถึงตอนสอบ ท่านอาจารย์เหลยกวงเคยพูดไว้ว่า
“ลองกลายเป็นสัตว์เทพดูสิ”
──จำท่าได้อย่างเดียวไม่พอ
──ต้องกลายเป็น มังกรฟ้า หงส์แดง พยัคฆ์ขาว เต่าดำ ให้ได้
──เพราะวิชาสัตว์เทพ มีไว้เพื่อสิ่งนี้
หากทำตามคำสอนของท่านอาจารย์เหลยกวงได้จริง… เราก็เปลี่ยน ธาตุพลังภายใน ได้โดยการกลายเป็นสัตว์เทพ
ไม่ต้องใช้ท่าไม้ตายเลยด้วยซ้ำ
แค่นึกภาพสี่เทพ… รวมถึงกิริน… แล้วกลายเป็นพวกเขาให้ได้ก็พอ
ขณะที่คิดแบบนั้น ข้าก็ดิ้นขลุกขลักไปมา
ผ่านไปประมาณสิบกว่านาที──
“…ข้า…ปลดการสกัดจุด…ได้แล้วขอรับ”
──ในที่สุด ข้าก็ยืนขึ้นได้
ใช้เวลามากกว่าเสี่ยวหวงเสียอีก
แสดงว่าเรื่องควบคุมพลังภายใน เสี่ยวหวงยังเหนือกว่าข้าจริงๆ
“…อืม เข้าใจแล้ว”
อาจารย์ชิวแตะที่ข้อมือข้า
เหมือนตรวจสภาพพลังในตัว แล้วพยักหน้ารับอย่างพอใจ
“ทั้งสองคน ทำได้ดีมาก วันนี้พอแค่นี้แหละ”
““ขอบคุณขอรับ/ค่ะ อาจารย์ชิว!!””
ข้ากับเสี่ยวหวงก้มศีรษะพร้อมกัน
อาจารย์ชิวหันมาจ้องหน้าข้านิ่งๆ อย่างมีนัย
แล้วกระแอมเล็กน้อย ก่อนพูดว่า
“กลับเข้าบ้าน แล้วไปฝึก “ชักนำพลังปราณรวมกายฟ้าดิน” กับ “สัตตเทวชักนำพลัง” กันต่อ”
““ขอรับ/ค่ะ! อาจารย์ชิว!!””
“ตงหลี่กำลังชงชารออยู่ ดื่มให้สดชื่น แล้วค่อยฝึกชักนำพลังกับนางด้วย พอเสร็จแล้วก็ค่อยพักผ่อนให้เต็มที่”
แล้วอาจารย์ชิวก็ประกาศจบการฝึกประจำวันอย่างเป็นทางการ
MANGA DISCUSSION