──มุมมองของเทียนฟาง──
“ข้ากลับมาแล้วขอรับ ท่านแม่ ซิงเล่ย ไป๋เย่”
“กลับมาแล้วหรือลูก ดีใจที่เจ้าปฏิบัติหน้าที่สำเร็จโดยปลอดภัย”
“ยินดีต้อนรับกลับค่ะ คุณชายฟาง”
“ยินดีต้อนรับกลับค่ะ พี่ชาย… เอ๊ะ? คนที่อยู่ข้างหลังคือ…?”
ผู้ที่ออกมาต้อนรับข้ากลับสู่ตระกูลหวงคือ ท่านแม่ ไป๋เย่ และซิงเล่ย
ท่านแม่ดูมีสุขภาพดี เดินออกมาต้อนรับถึงหน้าประตู
ส่วนไป๋เย่ดูเหมือนจะดูแลตระกูลแทนข้าตอนที่ไม่อยู่ พอเห็นข้ากลับมาก็ถอนหายใจด้วยใบหน้าโล่งใจ
ซิงเล่ย… จ้องมองไปยังด้านหลังข้า ดูจะสนใจแขกที่ข้าพามาด้วย
“ท่านนี้คือ ท่านซวนตงหลี่ จากแคว้นโซมะ ขอรับ”
ข้าแนะนำท่านตงหลี่ให้ทุกคนรู้จัก
“ข้ากับศิษย์พี่จะได้รับการชี้แนะวิชาฝึกพลังภายในจากมารดาของท่านตงหลี่ ท่านซวนชิวยี่ ซึ่งเป็นหมอที่แม้แต่พระราชอนุชาก็ยอมรับ หากเป็นไปได้ ข้าก็อยากให้ท่านแม่ได้รับการตรวจอาการจากท่านด้วย”
“โอ้ เช่นนั้นเองหรือ”
“ถึงขั้นนั้นเลยหรือคะ คุณชายฟางถึงกับต้องพามายังแคว้นหลานเหอ…”
ท่านแม่และไป๋เย่ต่างตกตะลึง ข้าจึงอธิบายต่อ
“ท่านซวนชิวยี่กำลังเข้าเฝ้าพระอนุชา ส่วนท่านตงหลี่จะพำนักอยู่ที่ตระกูลหวงในระหว่างนั้น”
“ข้าซวนตงหลี่ ขอฝากตัวด้วยค่ะ”
ท่านตงหลี่โค้งคำนับต่อท่านแม่และทุกคน
“ข้าจะช่วยเหลือทุกท่านในนามของมารดาข้าค่ะ”
“เช่นกันจ้ะ ฝากตัวด้วยนะ”
“ข้าชื่อไป๋เย่ หากคุณชายฟางให้การต้อนรับ ข้าก็ยินดีค่ะ”
“ท่านเป็นบุตรีของหมอสินะเจ้าคะ…”
ท่านแม่ ไป๋เย่ และซิงเล่ยต่างตอบรับอย่างอบอุ่น
แล้วท่านตงหลี่ก็พูดขึ้นขณะหันมาทางข้ากับซิงเลย
“ท่านแม่ให้ข้าอธิบายวิชา ‘ชักนำพลัง’ แก่ท่านเทียนฟางและท่านซิงเล่ยค่ะ”
“จะเริ่มเลยหรือ? พึ่งมาถึงไม่นาน จะพักก่อนดีกว่าไหม?”
“ม-ไม่เป็นไรค่ะ”
ท่านตงหลี่ส่ายหน้า
“เรื่องเช่นนี้ยิ่งทำเร็วเท่าไรยิ่งดี ยิ่งปล่อยไว้นานก็จะยิ่งลังเล ขอความกรุณาด้วยค่ะ”
ว่าแล้วนางก็โค้งคำนับอย่างลึก
ข้าพาท่านตงหลี่ไปยังห้องพักของข้า ซิงเล่ยก็มาด้วย
ห้องนี้ข้ามักใช้ฝึก ‘สัตตเทวชักนำพลัง’ กับซิงเล่ย มันกว้างพอสำหรับสามคน
“ก่อนเริ่มฝึก เคล็ดชักนำพลังนี้มีสิ่งใดที่ต้องระวังหรือไม่?”
ข้าถาม ท่านตงหลี่คิดครู่หนึ่งก่อนตอบ
“ขอเพียงให้แน่ใจว่าจะไม่มีผู้ใดแอบดูภายในห้องค่ะ”
“ถึงขั้นนั้นเลย?”
“เพราะนี่คือเคล็ดลับของตระกูลค่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
ข้าออกไปแจ้งท่านแม่กับไป๋เย่ไม่ให้เข้าใกล้ห้องช่วงนี้ แล้วกลับมาบอกท่านตงหลี่
ท่านตงหลี่จึงเอ่ยขึ้น
“ข้าขอยืนยันบางสิ่งก่อนค่ะ”
เธอหันมาทางข้ากับซิงเล่ย
“ในร่างกายของท่านเทียนฟาง ท่านซิงเล่ย และท่านหวงฮวา มีพลังภายในชนิดพิเศษเรียกว่า ‘พลังเทียนหยวน’ กำเนิดขึ้น… ท่านซิงเล่ยทราบเรื่องนี้หรือไม่คะ?”
“ทราบค่ะ พี่ชายเล่าให้ฟังแล้ว”
ซิงเล่ยยกมือขึ้น
“พลังนั้นเกิดจากที่ข้ากับพี่ชายฝึก ‘สัตตเทวชักนำพลัง’ ร่วมกันใช่ไหมคะ?”
“ถูกต้อง และผู้ครอบครองพลังเทียนหยวน อาจได้รับพลังพิเศษบางอย่างมา”
“พลังพิเศษ…อย่างเช่นคุยกับสัตว์ได้?”
“ผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปในแต่ละคนค่ะ ความสามารถแบบนั้นก็อาจเกิดขึ้นได้ค่ะ”
…อย่างนี้นี่เอง
ซิงเล่ยเริ่มพูดกับสัตว์ได้ก็ตั้งแต่เริ่มฝึกวิชากับข้า ที่แท้เป็นผลจากพลังเทียนหยวนนี่เอง
“เคล็ดชักนำพลังที่ข้าจะสอน เป็นวิชาควบคุมพลังเทียนหยวนให้กลมกลืนกับเจตจำนงของตนค่ะ”
ท่านตงหลี่เริ่มอธิบาย
“มารดาข้ากับท่านหยางอวิ๋นร่วมกันคิดค้นวิชานี้ขึ้น เพื่อปรับสมดุลพลังภายใน เสริมเส้นลมปราณ และยังมีผลในการเยียวยาร่างกายด้วย ชื่อว่า ‘ชักนำพลังปราณรวมกายฟ้าดิน’ เพราะผู้ฝึกต้องกลมกลืนกับธรรมชาติรอบตัว”
“ถ้าเรียนได้ ข้าก็จะช่วยพี่ชายได้มากขึ้นสินะคะ”
ซิงเล่ยพูดตาเป็นประกาย
“สอนข้าเถอะค่ะ! ถึงต้องอดนอนทั้งคืน ข้าก็จะจำให้ได้!”
“ซิงเล่ย ไม่ต้องหักโหมขนาดนั้นหรอก”
ข้าพูด
“แค่ตอนนี้ เจ้าก็ช่วยพวกเรามากแล้ว ตอนอยู่ภาคเหนือ เจ้าก็ส่งจดหมายผ่านนกให้พ่อได้อย่างปลอดภัย ท่านพ่อ ท่านพี่ใหญ่ แล้วก็ข้าต่างก็ขอขอบใจเจ้า”
“ขะ…ขอบคุณค่ะ พี่ชาย…”
“ค่อยๆ เรียนไปก็พอ ไม่ต้องรีบนะ”
“ขะ ข้าจะพยายามค่ะ”
“งั้นท่านตงหลี่ รบกวนสอน ‘ชักนำพลังปราณรวมกายฟ้าดิน’ ให้พวกเราด้วย”
“ขอความกรุณาด้วยค่ะ!”
ข้ากับซิงเล่ยโค้งคำนับ ท่านตงหลี่พยักหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความตึงเครียด
เคล็ดนี้น่าจะยาก เพราะเป็นทั้ง ‘วิชาลับ’ และต้อง ‘ฝึกในที่ลับ’ คงไม่ใช่สิ่งที่ใครก็เรียนได้ง่ายๆ
แต่ข้าอยากฝึกให้ได้
ในเกม พงศาวดารตำนานจอมกระบี่ ไม่เคยมีสิ่งที่เรียกว่า ‘พลังเทียนหยวน’ เลย อาจเป็นพารามิเตอร์ลับ หรือยังไม่ถูกใส่ไว้ก็ได้
ข้าไม่รู้ว่าพลังนี้มีผลอะไรบ้าง
แถมยังมีเรื่องความฝันนั้นอีก
ในฝัน หลานหลางเหยียนบอกว่า “แผ่นดินนี้จะถูก ‘สี่อสูรร้าย’ กลืนกิน”
แต่ ‘สี่อสูรร้าย’ ก็ไม่เคยปรากฏในเกม
มีเรื่องที่ไม่เข้าใจมากเกินไป
ดังนั้น ข้าจึงต้องลองทุกอย่าง
สิ่งใดที่อาจช่วยหลีกเลี่ยง ‘ฉากจบหายนะ’ ได้ ข้าจะต้องไขว่คว้าไว้
ข้าไม่อยากลงเอยแบบ ‘เทียนฟาง’ ในเกม ที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ หรือถูกแขวนแล้วปาหินใส่
“ต่อให้ยากแค่ไหน ก็ขอให้สอน ‘ชักนำพลังปราณรวมกายฟ้าดิน’ ให้ข้ากับซิงเล่ยด้วยเถอะ”
ข้ากล่าวพลางโค้งศีรษะลึก
ท่านตงหลี่พยักหน้า
“ดูเหมือนทั้งสองจะตัดสินใจแน่วแน่แล้วนะคะ”
“ขอรับ”
“ขะ…ข้าก็เช่นกัน ข้าจะฝึกเคียงข้างพี่ชาย”
“เข้าใจแล้วค่ะ ข้าก็จะตั้งใจเช่นกัน”
นางพูดพลางแตะมือลงที่สายคาดเอว
“อย่างที่กล่าวไป ‘ชักนำพลังปราณรวมกายฟ้าดิน’ ต้องหลอมรวมตนกับธรรมชาติ ดังนั้น…ต้องฝึกในสภาพใกล้ชิดธรรมชาติค่ะ”
“…หา?”
“เอ๊ะ? นั่นมัน…สิ่งที่ข้าเคยพูดนี่นา?”
ซิงเล่ยทำหน้าตกใจราวกับนึกอะไรบางอย่างออก
ใช่ ข้าก็จำได้
ก่อนหน้านี้ซิงเล่ยเคยบอกว่า ถ้าฝึก ‘สัตตเทวชักนำพลัง’ ให้เหมือนสัตว์มากขึ้น ก็อาจได้ผลดีกว่า
ตอนนั้นข้านึกว่าแค่เลียนแบบท่าทาง หรือร้องเสียงสัตว์ให้คล้ายยิ่งขึ้น
ข้าตั้งใจว่ากลับจากแคว้นโซมะแล้วจะลองทำดูกับซิงเล่น
“หวา ท่านซิงเล่ยช่างหลักแหลม”
ท่านตงหลี่พูดอย่างประทับใจ
“ดูเหมือนท่านซิงเล่ยจะเข้าถึงแก่นของวิชาได้แล้ว”
“สุดยอดเลยนะ ซิงเล่ย”
“ม่ะ…ไม่หรอกค่ะ เป็นเพราะพี่ชายต่างหาก ตอนฝึกกับพี่ชาย มันเหมือนมีอะไรดลใจให้รู้ว่า ‘ต้องเป็นแบบนี้แหละถึงจะถูก’…”
“ท่านพูดถูกค่ะ การฝึก ‘ชักนำพลังปราณรวมกายฟ้าดิน’ ต้องอยู่ในสภาพใกล้ธรรมชาติ…กล่าวคือ ฝึกโดยไม่มีเครื่องนุ่งห่มค่ะ”
ท่านตงหลี่กล่าวต่อ
“เมื่อเปลือยเปล่าท่ามกลางสรรพสิ่งในฟ้าดิน จึงสามารถหลอมรวมกับธรรมชาติได้ดีขึ้น ทำให้พลังภายในไหลเวียนสะดวก ไม่ถูกรบกวนจากเสื้อผ้า”
…ฟังดูสมเหตุสมผล
สมกับเป็นวิชาที่อาจารย์ใหญ่คิดค้นขึ้น
“ข้าจะเริ่มสอนให้เจ้าค่ะ ลองฝึกตามดู”
“แต่ว่า…จะให้ข้าเผยผิวให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่พี่ชายเห็นมันก็…”
“หากยังใส่ชุดชั้นใน และสวมเสื้อคลุมทับบางๆ ไว้ก็ไม่เป็นไรค่ะ”
ท่านตงหลี่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ข้าจะทำให้ดูเป็นตัวอย่างก่อน แล้วพวกท่านค่อยตัดสินใจ”
พูดจบ ท่านตงหลี่ก็เริ่มเตรียมตัวฝึก ‘ชักนำพลังปราณรวมกายฟ้าดิน’ อย่างเงียบงัน
MANGA DISCUSSION