หลังจากได้พูดคุยกับอาจารย์ชิว ข้าก็เดินทางกลับไปยังเมืองหลวงของแคว้นโซมะอีกครั้ง
เพราะจำเป็นต้องแจ้งเรื่องนี้กับท่านทันชิให้รับรู้เสียก่อน
ข้าเดินทางมาในฐานะหนึ่งในคณะทูตจากแคว้นหลานเหอ จะกลับประเทศเองตามอำเภอใจก็ไม่ได้ และจะพาอาจารย์ชิวกับตงหลี่มาเข้าร่วมโดยไม่แจ้งให้ผู้ดูแลรับทราบก็ไม่เหมาะ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากผู้รับผิดชอบอย่างเป็นทางการ
ด้วยเหตุนี้ข้าจึงกลับมายังเมืองหลวงเพื่อเข้าพบท่านทันชิ
—
“ท่านซวนชิวยี่นั่นน่ะเหรอ จะเป็นผู้ฝึกสอนของท่านเทียนฟาง จริงรึขอรับ!?”
เมื่อข้าเล่าเรื่องราวให้ฟัง ท่านทันชิก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ
ข้าโค้งให้ก่อนจะกล่าวว่า
“สมกับเป็นท่านทันชิจริงๆ ท่านรู้จักอาจารย์ชิวด้วยหรือขอรับ”
“แน่นอน ท่านเหลียวหยวนก็เคยเชิญท่านผู้นั้นมาหลายครั้งแล้ว”
ท่านทันชิกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ข้าเองก็เคยพูดคุยกับนางในฐานะทูต แต่ก็ถูกปฏิเสธทุกครั้ง บอกว่า ‘ไม่สนใจ’ น่ะนะ”
“อาจารย์ชิวเป็นศิษย์คนสุดท้ายของอาจารย์ใหญ่ของท่านเหลยกวง เจ้าของสำนักเดียวกันนั่นเองขอรับ”
ข้าตอบกลับ
“ด้วยความเกี่ยวพันนั้น ท่านจึงยอมรับหน้าที่เป็นอาจารย์ของข้า”
“ท่านชิวเคยอยู่สำนักเดียวกับท่านหยางอวิ๋นอย่างนั้นสินะ…”
“ข้าอยากพาท่านอาจารย์และลูกสาวไปยังแคว้นหลายเหอขอรับ”
ข้าค้อมมือคำนับแล้วกล่าวต่อ
“ถ้าท่านเหลยกวงกลับมา ท่านก็คงได้พบอาจารย์ชิว และในฐานะคนร่วมสำนักเดียวกัน ทั้งสองคงมีเรื่องอยากพูดคุยกัน และหากอาจารย์ชิวอยู่ที่แคว้นหลานเหอ… ท่านก็อาจช่วยตรวจอาการของท่านแม่ข้าได้ด้วยขอรับ”
ท่านแม่สุขภาพอ่อนแอ
มักจะล้มป่วยเมื่อฤดูกาลเปลี่ยน โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนจากร้อนเป็นหนาว ถึงแม้ช่วงนี้จะอาการดีขึ้นบ้างแล้ว แต่เพื่อความมั่นใจ ข้าอยากให้ท่านอาจารย์ช่วยดูแลให้
ท่านพ่อรักท่านแม่มาก
ถ้าท่านแม่ตายก่อนเวลาอันควร ท่านพ่อคงจิตตก… บางทีอาจพลาดพลั้งในสนามรบก็ได้ และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ท่านพ่อไม่ปรากฏชื่ออยู่ใน พงศาวดารตำนานจอมกระบี่ ก็เป็นได้
หากได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์ชิว เหตุการณ์เหล่านั้นก็คงไม่เกิดขึ้น
ครอบครัวของข้า… ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรอด
ทั้งท่านพ่อ ท่านพี่ ท่านแม่ รวมถึงซิงเล่ย ไป๋เย่ ทุกคน
ข้าจะทำทุกอย่างที่จำเป็น เพื่อให้พวกเขาอยู่รอดได้
“ท่านเหลียวหยวนทรงส่งสมุนไพรดีๆ เพื่อบำรุงร่างกายให้ท่านแม่ของข้า เพราะทรงนึกถึงท่านพ่อของข้า—‘แม่ทัพพยัคฆ์เวหา’ ด้วยเหตุนี้ การให้อาจารย์ชิวพำนักอยู่ในแคว้นหลานเหอเพื่อดูแลท่านแม่ น่าจะได้รับการอนุญาตนะขอรับ”
“…ฟังดูมีเหตุผลดี”
ท่านทันชิพึมพำเสียงแผ่ว
“ในเมื่อท่านชิวเป็นเพียงหมอพเนจร ก็ย่อมไม่มีทะเบียนสำมะโนครัวในแคว้นโซมะ ต่อให้แคว้นหลานเหอดึงตัวไป ก็คงไม่เป็นปัญหา อีกทั้งถ้าท่านซวนชิวยี่เป็นผู้ร้องขอเสียเอง ท่านเหลียวหยวนก็ย่อมได้ประโยชน์ ไม่มีเหตุผลใดให้ปฏิเสธเลย…”
ท่านทันชิคือขุนนางคนสนิทของท่านเหลียวหยวน
ในเกม เขาเป็นคนที่คิดอยู่เสมอว่าจะทำอย่างไรให้พระอนุชาเหลียวหยวนได้รับผลประโยชน์มากที่สุด
คนแบบนั้นย่อมเข้าใจเจตนาของข้าแน่
หากอาจารย์ชิวย้ายมาที่แคว้นหลานเหอ ท่านเหลียวหยวนก็จะได้คนทรงคุณค่ามาอยู่ด้วย
“ตกลงตามนั้น”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ท่านทันชิพูดพลางเงยหน้า
“ให้ท่านซวนชิวยี่และลูกสาวเดินทางกลับแคว้นหลานเหอพร้อมกับเราเถอะขอรับ”
“ขอบพระคุณขอรับ!”
“พระอนุชาทรงดูแลแขกไว้มากมาย หากเป็นท่านซวนชิวยี่ล่ะก็ พระองค์ต้องรับไว้แน่นอน รวมถึงจัดหาที่พำนักให้ทั้งสองท่านด้วย”
“ขอแสดงความขอบคุณอย่างสูง”
ข้าโค้งคำนับอย่างลึก
“แต่ท่านอาจารย์ยังบอกอีกว่า ‘อย่างน้อยก็จะหาเลี้ยงชีพด้วยตัวเองให้ได้’ น่ะขอรับ”
“คนที่มีความมุมานะเช่นนั้น ยิ่งทำให้ท่านเหลียวหยวนอยากรับเป็นแขกมากขึ้นอีก”
ท่านทันชิหัวเราะเบาๆ ก่อนกล่าว
“ช่วยบอกให้ท่านซวนชิวยี่รออยู่ที่เมืองใกล้ชายแดนเถอะ เราจะให้พวกเขาสมทบกับคณะของเราในตอนกลับแคว้นหลานเหอขอรับ”
“รับทราบขอรับ”
“ว่าแต่…ท่านเทียนฟางนี่ก็ฝีมือใช่ย่อย ถึงกับโน้มน้าวหมอชื่อดังที่เคยเป็นยอดฝีมือได้”
“…หือ?”
“อ้าว ท่านไม่รู้หรอกหรือ?”
ท่านทันชิทำหน้างุนงง
“ก่อนจะกลายเป็นหมอพเนจร ท่านซวนชิวยี่เคยเป็นยอดฝีมือด้านยุทธ์อันเลื่องชื่อ พระอนุชาก็เคยพยายามเชิญตัวท่านหลายครั้งแล้วเหมือนกัน”
“อย่างนั้นเองเหรอขอรับ…”
ข้าไม่เคยรู้เรื่องนั้นเลย
อาจารย์ชิวที่ข้ารู้จักในเกม เป็นเพียงตัวละคร NPC ไม่มีข้อมูลค่าพลังหรือประวัติความเป็นมาชัดเจน
งั้นก็แปลว่า อาจารย์ชิวแต่เดิมเป็นผู้ฝึกยุทธ์มาก่อน…
“ถ้ามีโอกาส ลองขอรับคำสอนด้านวรยุทธ์ดูสิขอรับ”
“หากมีโอกาสจะลองดูขอรับ ท่านอาจารย์ถนัดวิชาแบบใดหรือขอรับ?”
“ได้ยินว่าเป็น ‘ศิลปะควบคุมพลังด้วยปลายนิ้ว’ น่ะ”
คำตอบของท่านทันชิ สั้นกระชับ
“ว่ากันว่า ท่านชิวชำนาญวิชา ‘กดจุดพลัง’ โดยใช้ปลายนิ้วส่งพลังภายในเข้าสู่ร่างฝ่ายตรงข้าม ทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้ ด้วยวิชานั้นเอง ท่านจึงล้มยอดฝีมือมากมายมาแล้ว”
—
หลังจากนั้น ข้าก็คุยกับพี่เสี่ยวหวง
“ถ้าเป็นแบบนั้น ข้าเองก็อยากเรียนพร้อมกับเทียนฟาง”
เมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมด เสี่ยวหวงก็พยักหน้าโดยไม่ลังเล
“ข้ายังอยากทำงานเพื่อสร้างมิตรภาพระหว่างแคว้นโซมะกับหลานเหอต่อไป และถ้าจะทำได้ ก็ต้องแข็งแกร่งกว่านี้อีก”
“พี่เสี่ยวหวงสุดยอดเลยขอรับ”
“ข้าก็แค่ทำในสิ่งที่ควรทำเท่านั้น”
เสี่ยวหวงตอบพลางยิ้มเขิน
“ความฝันของข้า คือการทำให้ผู้คนของสองแคว้นสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นปกติสุข เช่น คนจากแคว้นโซมะกับหลานเหอใช้ชีวิตเป็นครอบครัวเดียวกัน พอถึงฤดูร้อนก็ไปอยู่ในแคว้นหลานเหอที่เย็นสบาย ฤดูหนาวก็กลับมาอยู่ในแคว้นโซมะที่อบอุ่น… แบบนั้นน่ะ ข้าว่าเป็นวิถีชีวิตที่น่าสนใจนะ”
“ข้าก็คิดเช่นนั้นขอรับ ฟังดูดีมากเลย”
นั่นเป็นความจริงที่ข้ารู้สึกจากใจ
การที่ผู้คนสามารถไปมาหาสู่กันได้อย่างเสรี นั่นแสดงว่าสองแคว้นอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่มีสงคราม ไม่มียุคแห่งความโกลาหล
“เป็นความฝันที่ยอดเยี่ยมขอรับ ข้าจะช่วยสนับสนุนเต็มที่เลย”
“อืม ถ้าเป็นเทียนฟาง ข้าก็คิดไว้อยู่แล้วว่าจะพูดแบบนั้น”
เสี่ยวหวงเป็นคนที่มองการณ์ไกล
ไม่ได้คิดแค่จะส่งแม่กลับแคว้นเท่านั้น
นางมองไปไกลกว่านั้นอีก
สุดยอดจริงๆ พี่เสี่ยวหวง ข้าเองก็ต้องพยายามให้มากขึ้น
“มาแข็งแกร่งไปด้วยกันเถอะขอรับ จนถึงวันที่ท่านอาจารย์เหลยกวงกลับมา ท่านต้องตกใจในความเปลี่ยนแปลงของเราแน่ๆ”
“อืม สัญญานะ เทียนฟาง”
“ขอรับ พี่เสี่ยวหวง”
และด้วยเหตุนี้ ข้ากับเสี่ยวหวงก็เริ่มต้นการฝึกฝนพลังภายในร่วมกัน
MANGA DISCUSSION