“ดีจริงที่จุดไฟติดได้นะขอรับ”
“…อืม ใช่แล้วล่ะ”
ข้ากับศิษย์พี่นั่งกันอยู่ตรงปากถ้ำ โดยมีกองไฟอยู่ตรงกลาง
ภายในถ้ำมีเศษกิ่งไม้แห้งร่วงหล่นอยู่ประปราย บางทีที่นี่อาจถูกใช้เป็นที่พักหลบฝนของนักเดินทางมาแต่เดิมแล้วก็เป็นได้
ไม่สิ…หรือจะเป็นไปได้ว่า ที่นี่คือ “จุดเซฟ” กันนะ?
ในเกม พงศาวดารตำนานจอมกระบี่ มีจุดที่ตัวละครสามารถล้อมวงพักผ่อนรอบกองไฟ และที่นั่นแหละคือจุดเซฟ ในจุดนั้นจะสามารถเปลี่ยนชุด สนทนา หรือเช็กสถานะตัวละครได้
บางทีสถานที่เดียวกันในโลกนี้ อาจทำหน้าที่เป็นที่พักของนักเดินทางแทนก็เป็นได้
ข้าควรสำนึกในบุญคุณ แล้วเดี๋ยวขากลับจะมาทิ้งกิ่งไม้แห้งไว้ให้เผื่อผู้ใช้คนต่อไป
“ว่าแต่… ใช้พลังภายในจุดไฟติดได้จริงๆ ด้วยสินะขอรับ”
ข้าพลางใส่กิ่งไม้เข้าไปในกองไฟ พลางกล่าวออกมา
“วิชากระบี่สี่สัตว์เทพนั้น ใช้ ‘หงษ์แดงระบำเพลิง’ เผาไม้ให้ติดไฟได้ สุดยอดจริงๆ เลยนะขอรับ”
“……อืม”
“……”
“……”
ศิษย์พี่กอดเข่า นั่งเงียบๆ ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นจากกองไฟ บรรยากาศดูน่าอึดอัดสิ้นดี
…ไหนๆ ก็จุดไฟได้แล้ว ข้าควรเอาเสื้อไปตากสักหน่อยดีกว่า
ข้าคลายผ้าคาดเอวออก—อืม เปียกจริงๆ ด้วย
ฝนตกแถมตอนล้มกลิ้งลงไปในแอ่งน้ำอีก…
ต้องออกไปข้างนอกถ้ำก่อน บิดน้ำออกพอหมาด แล้วค่อยเอามาตากใกล้กองไฟก็แล้วกัน
“ศิษย์พี่ หากใส่เสื้อผ้าเปียกอยู่อย่างนี้ ระวังจะเป็นหวัดเอานะขอรับ”
“……อืม”
ศิษย์พี่เงยหน้ามองข้าในที่สุด
“…เสื้อผ้าเหรอ? ข้าก็ควรถอดบ้างสินะ?”
“ใช่แล้วขอรับ หากปล่อยไว้ร่างกายจะเย็นเกินไป”
“…อย่างนั้นหรือ”
“ศิษย์พี่?”
“…อืม ถ้าเป็นเจ้าล่ะก็…คงไม่เป็นไรหรอก”
หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ศิษย์พี่ฮวาหยางก็เหลือบมองข้าแวบหนึ่ง ก่อนจะหลบสายตาไป
จากนั้นจึงค่อยๆ คลายผ้าคาดเอว แล้วปล่อยชุดฝึกเปียกชุ่มหล่นลงบนพื้น
ผิวขาวนวลนั้นปรากฏขึ้นต่อสายตาข้า
ศิษย์พี่หน้าแดงก่ำ ก่อนจะกลับไปกอดเข่าเงียบๆ อีกครั้ง
สิ่งที่ข้าเห็นคือเอวบางเรียว และ…ผ้าพันอกที่พันไว้หลวมๆ นั่น…
เดี๋ยวสิ…หรือว่าข้าตาฝาด? หรือว่าหน้าอกของศิษย์พี่…ดูเหมือนจะนูนขึ้นมาอย่างไรชอบกล…
“…ศิษย์พี่ เอ่อ…”
“การปิดบังเผิงโหย่วนี่…ยากเย็นเหลือเกินจริงๆ นะ”
ศิษย์พี่กล่าว พลางถอนหายใจยาว
“ข้าควรแนะนำตัวใหม่อีกครั้ง…ชื่อที่แท้จริงของข้าคือ เสี่ยวหวงฮวา บุตรสาวคนสุดท้องของกษัตริย์แคว้นโซมะ”
ศิษย์พี่กล่าวทั้งที่ยังก้มหน้าหลบตาข้า
—
“…ที่ปิดบังมาตลอด ต้องขอโทษด้วยนะ เทียนฟาง”
หน้ากองไฟ ศิษย์พี่…ไม่สิ ท่านเสี่ยวหวงฮวา กอดเข่ากล่าวเสียงเบา
“นอกจากครอบครัวข้าแล้ว ก็มีเพียงฮ่องเต้แห่งแคว้นหลายเหอ ท่านหลานหยวน และอาจารย์เหลยกวงเท่านั้นที่รู้ว่าข้าเป็นสตรี ข้าไม่อาจบอกเรื่องนี้กับเจ้าผู้เป็นสหายได้จริงๆ…ขอโทษนะ เจ้าคงตกใจสินะ?”
“…ใช่ขอรับ”
“แต่เทียนฟางก็มีส่วนผิดเหมือนกันนะ เจ้าเรียกข้าว่าศิษย์พี่ด้วยความเคารพยิ่ง ข้ารู้สึกดีมากเลน จนอดไม่ได้ที่จะอยากเปิดเผยความจริงกับเจ้า”
“…ก็จริงขอรับ”
“แต่มันก็ยากเหลือเกิน หากความลับนี้หลุดไป…ไม่ใช่ว่าข้าไม่ไว้ใจเจ้านะ ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ข้างข้าแน่นอน ทว่า…ความลับ มักรั่วไหลจากที่ไม่คาดคิดเสมอ”
“…นั่นก็จริงขอรับ”
“เพราะแบบนั้น ข้าจึงถือโอกาสจาก ‘ภารกิจ’ ที่ได้รับจากอาจารย์เหลยกวงเป็นช่องทาง หากข้าทำงานเพื่อแคว้นหลานเหอได้ ก็เท่ากับว่าท่านหญิงแห่งแคว้นโซมะทำคุณให้หลานเหอ หากมีผลงานโดดเด่น ข้าอาจสามารถส่งท่านแม่กลับคืนแคว้นโซมะได้ก็เป็นได้…อ้อ ข้าลืมบอกไป แม่ของข้าน่ะ…ไม่ชอบที่ข้าเกิดมาเป็นผู้หญิงน่ะ”
“…”
“หากข้าเป็นชาย คงได้เป็นรัชทายาทของแคว้น ไม่ถูกขับออกจากแคว้นโซมะหรอก…”
“…………ขอรับ…เข้าใจแล้ว”
“เทียนฟาง? เจ้าตกใจมากเลยหรือ?”
“…มากขอรับ ตกใจมากจริงๆ”
“แน่นอนสิ ก็เจ้าเคารพข้าในฐานะศิษย์พี่เสมอมานี่นะ…”
ไม่ใช่เรื่องนั้นต่างหาก
ไม่สิ ข้าก็ตกใจที่ศิษย์พี่เป็นหญิงอยู่นั่นแหละ
แต่สิ่งที่น่าตกใจจริงๆ มันอยู่ที่เรื่องอื่น
—เสี่ยวหวงฮวา เจ้าหญิงแห่งแคว้นโซมะ คือหนึ่งในนางเอกหลักของเกม ‘พงศาวดารตำนานจอมกระบี่’ ต่างหากเล่า
—
สิบปีจากนี้ เมื่อเกมเริ่มขึ้น แคว้นโซมะจะรุ่งเรืองยิ่งใหญ่
พวกเขาจะขุดภูเขาเปิดเหมือง พัฒนาที่ดินอุดมสมบูรณ์ กลายเป็นแคว้นที่เทียบเท่ากับหลานเหอ
แต่เพราะหลานเหอเหยียดแคว้นโซมะ จึงยื่นข้อเรียกร้องไร้เหตุผล ทั้งขอเหล็ก แร่ และเสบียงอาหารอย่างไม่หยุดยั้ง
ไม่อาจทนได้อีกต่อไป เสี่ยวหวงฮวาในเกมจึงทิ้งบ้านเกิด ประกาศล้มล้าง “หวงเทียนฟาง” แล้วออกเดินทางร่วมกับพระเอกเพื่อรวบรวมสหาย และโค่นศัตรูที่เกลียดที่สุดในชีวิตลง
คำพูดติดปากของนางคือ—“ศัตรูใกล้กาย หวงเทียนฟาง จงส่งหัวเจ้ามา!”
นั่นแปลว่า—ศิษย์พี่ฮวาหยางของข้า คือศัตรูโดยตรงของข้าในอนาคต
—
เหตุผลที่ศิษย์พี่ปิดบังเพศนั้น ข้าพอเข้าใจอยู่
หลานเหอเป็นแคว้นใหญ่ ผู้คนอย่างหลานเหยียนก็ดูแคลนแคว้นโซมะ
หากให้สตรีจากแคว้นเล็กมารับตำแหน่งตัวประกัน ก็อาจมีผู้หมายปองคิดร้าย
แต่หากปลอมเป็นบุรุษ และยิ่งหากเป็นศิษย์ของแขกท่านหลานหยวนด้วยแล้ว ก็คงไม่มีใครกล้ายุ่ง
การที่สตรีคนหนึ่งจะปกป้องตนเองในต่างแดนได้ถึงเพียงนี้ นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว
—
“…เทียนฟาง เจ้าจะไม่พูดอะไรหน่อยหรือ?”
เมื่อรู้สึกตัวอีกที ศิษย์พี่…ไม่สิ เสี่ยวหวงฮวาก็จ้องข้าด้วยแววตาไม่มั่นใจ
นัยน์ตากลมโตรื้นน้ำตา เส้นผมเปียกแนบผิวขาวดั่งหิมะ
ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ…ว่าทำไมตลอดมาถึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นสตรี
จะมองอย่างไรก็เห็นว่าเป็นหญิงงามชัดๆ
ในเกมนางเป็นโฉมสะคราญผู้ยืนเคียงข้างหยางซิงหลิง เป็นผู้กล้าที่เดิมพันชีวิตในการล้มล้างข้า…หวงเทียนฟาง
—
“หากข้าเป็นหญิง…เจ้าคงไม่คิดจะเป็นเพื่อนพ้องกับข้าอีกต่อไปแล้วสินะ…?”
น้ำตาเม็ดหนึ่งไหลรินจากดวงตาของนาง
“ก็แน่ล่ะ…ในสายตาของเจ้า ข้าคือศิษย์พี่ชุ่ยฮว่าหยาง ถึงแม้อยากให้เจ้าปฏิบัติเช่นเดิม…มันคงยากแล้วสินะ”
“มะ…ไม่ใช่นะ ศิษย์พี่…ข้า…”
“ขอโทษนะ พักนี้ข้าคงแปลกไปมากจริงๆ”
ศิษย์พี่ถอนหายใจแล้วพิงแผ่นหลังกับผนังหิน
“ทั้งเรื่องที่ฝืนสู้ในสนามสอบ ทั้งที่จริงแล้วแค่อยากให้เจ้าเห็นว่าศิษย์พี่ก็เข้มแข็ง
และอีกใจก็อยากช่วยท่านแม่ด้วยการรับภารกิจ
…แล้วก็อยากให้เจ้ารู้จักตัวตนที่แท้จริงของข้าหลังจากส่งแม่กลับบ้านเกิด… ความคิดสับสนวุ่นวายไปหมดเลย จนสุดท้ายก็ลากเจ้ามาเดือดร้อนไปด้วย…”
“…ศิษย์พี่”
“แต่ข้าไม่คิดเลยนะ ว่าการที่เจ้าจะจากไป มันจะทำให้เจ็บปวดถึงเพียงนี้…”
“ข้ามิได้จะจากไปไหน ศิษย์พี่”
“จริงหรือ? แต่ข้ากลับรู้สึกถึงระยะห่างแปลกๆ เจ้าดู…หวาดกลัวข้าอยู่หน่อยๆ”
“ขอโทษด้วยขอรับ ข้าแค่…ตกใจที่รู้ว่า ศิษย์พี่คือท่านเสี่ยวหวงฮวา…”
“เพราะข้าไม่ใช่ชายงั้นหรือ?”
“ไม่ใช่แบบนั้น…!”
“แต่เจ้าก็ตกใจที่รู้ว่าข้าเป็นสตรีใช่ไหมล่ะ?”
“ตกใจครับ ตกใจที่ได้รู้ว่า ศิษย์พี่คือเสี่ยวหวงฮวา…”
“เพราะข้าเป็นหญิง ใช่หรือไม่?”
“ก็ใช่! แต่ไม่ใช่แค่นั้น…!!”
—
จะให้ข้าอธิบายยังไงดี…
คนตรงหน้า คือศิษย์พี่ของข้า
และในเวลาเดียวกัน ก็คือ “เสี่ยวหวงฮวา”
ผู้กล้า—ผู้เป็นเสี้ยนหนามของข้าในอนาคต
ในเกม นางละทิ้งทุกอย่างเพื่อโค่นล้มข้า
ใช้เพลงดาบรูปแบบหงษ์แดง กวาดล้างศัตรูนับร้อยในพริบตา เป็นเจ้าหญิงนักดาบผู้ทรงอานุภาพ
แต่ศิษย์พี่ของข้า ใช้ได้มากกว่านั้น ทั้งเพลงดาบพยัคฆ์ขาว มังกรเขียว…
อีกอย่าง เสี่ยวหวงฮวาในเกมเกลียดผู้ชายเข้าไส้
ถึงขนาดปิดบังร่างกายด้วยเกราะตลอดเวลา
แต่ศิษย์พี่ของข้า…กลับเผยตัวอย่างตรงไปตรงมา กลั้นน้ำตาไม่อยู่
คนตรงหน้า ไม่ใช่ “เสี่ยวหวงฮวา” จากเกมนั้น
แต่คือ…เผิงโหย่วของข้า
ศิษย์พี่ของข้า
ผู้ซื่อตรงและไม่ชำนาญเรื่องหัวใจคน แต่ข้าก็ไว้วางใจในตัวนางที่สุด
—
“ศิษย์พี่ก็คือศิษย์พี่ขอรับ ไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ ยังคงเป็นเผิงโหย่วของข้าเช่นเดิม”
ข้าสูดลมหายใจลึก แล้วมองตานางอย่างแน่วแน่
“ขออภัยที่ข้าตกใจไปหน่อย ตอนนี้…ไม่เป็นอะไรแล้ว”
“จริงหรือ? เทียนฟาง”
“จริงขอรับ อ้อ แต่เรียกว่าศิษย์พี่ มันก็ยังแปลกๆ อยู่…งั้นต่อไปข้าเรียกว่าศิษย์พี่หญิงดีไหมขอรับ?”
“…เทียนฟาง…”
ศิษย์พี่หญิงจ้องหน้าข้าด้วยแววตาไม่มั่นใจ
ข้ารับสายตานั้นตรงๆ ไม่หลบเลี่ยง
ศิษย์พี่หญิงขยับตัวมาช้าๆ เนื้อตัวเปียกชื้น เสื้อผ้าบางแนบติดกับผิว และ…ผ้าพันอกที่ใกล้จะคลายออก
แต่ทั้งหมดนั้น ข้าไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
เพราะศิษย์พี่หญิง คือเผิงโหย่วของข้า
ไม่ใช่ศัตรูผู้ล้างผลาญในเกม
แต่คือศิษย์พี่ที่ข้าเคารพ
ผู้ฝึกฝนร่วมกับข้าใต้คำสอนของอาจารย์เหลยกวง
ผู้ร่วมเดินเคียงข้างข้าในวิชาสัตตเทวชักนำพลัง ในทุกวัน
ผู้ที่หยิ่งในเกียรติ แต่ก็ใจดีต่อศิษย์น้องอย่างข้าเสมอ
…ก็ใช่ ยังรู้สึกหวั่นๆ อยู่บ้าง
บางทีการอยู่ใกล้นาง อาจเป็นชนวนสู่ “ฉากจบหายนะของหวงเทียนฟาง”
บางทีเหตุการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้อาจเกิดขึ้น จนสุดท้ายทำให้นางหันดาบใส่ข้าก็เป็นได้
แต่กระนั้น…
“หากข้าต้องตายด้วยมือของศิษย์พี่…ข้าก็คงต้องยอมรับมันล่ะมั้ง”
“เทียนฟาง?”
“…อะ”
แย่ล่ะ! ข้าพูดออกเสียงไปงั้นหรือ!?
ตายแน่! ตกใจจนเผลอพูดในใจออกไปแล้ว!
ไหนจะประโยคบ้าๆ อย่าง “ยอมตายก็ได้” อีก! ไม่เท่เลยสักนิด!
ศิษย์พี่จะไม่เข้าใจผิดใช่ไหม!? หรืออาจจะแย่กว่านั้น…นางอาจจะรู้ว่าข้าจะเป็นศัตรูนางในอนาคต!?
เอาไงดี!? จะแก้ตัวยังไง…!?
—
“…ข้าเองก็คิดเช่นนั้น หากเป็นเทียนฟางแล้วไซร้…ถึงตายก็ยินดี”
เสียงของศิษย์พี่หญิงดังขึ้นทันที
นางกุมหน้าอกแน่น พลางกล่าวออกมา…
เดี๋ยว…
“จะ…จะบ้าเหรอขอรับ!? ข้าไม่เคยคิดจะฆ่าศิษย์พี่สักหน่อย!”
“ข้าก็เหมือนกัน! ใครบอกว่าข้าจะฆ่าเจ้าเล่า!?”
“เปล่า…คือ ข้า…ศิษย์พี่…”
“เข้าใจแล้ว ข้าเองก็เหมือนกัน…คงกำลังสับสนอยู่ไม่น้อยสินะ”
ศิษย์พี่หัวเราะเบาๆ พลางสบตาข้า…
MANGA DISCUSSION