หลังจากนั้น ข้ากับศิษย์พี่ก็ยังคงฝึกฝนภายใต้การชี้แนะของอาจารย์เหลยกวงต่อไป
พื้นฐานของ “วิชาสี่สัตว์เทพก้าวพริบตา” ข้าก็พอฝึกได้เข้าท่าขึ้นมาบ้างแล้ว การไล่จับกับอาจารย์เหลยกวง ข้าเริ่มแตะเงาของท่านได้หนึ่งในสองครั้ง และครั้งหนึ่งเคยแตะชายแขนเสื้อของท่านได้สำเร็จ
ส่วนศิษย์พี่กลับไม่ถนัดวิชาก้าวย่างนี้เท่าไรนัก ยังแตะเงาของอาจารย์ไม่ได้เลยสักครั้ง แต่ในเรื่องกระบี่นั้น เขากลับก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ถึงขั้นสามารถใช้กระบี่ไม้ฟันกิ่งไม้หนาขนาดนิ้วก้อยให้ขาดสะบั้นได้แล้ว
หากประลองกันจริงๆ ข้ายังสู้เขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย… แม้จะพูดอย่างนั้น แต่ความจริงก็คือ ข้าไม่เคยชนะเขาอยู่แล้ว
ข้าเองก็ยังฝึก สัตตเทวชักนำพลัง อยู่ทุกวัน
ตอนต้นการฝึก ข้ากับศิษย์พี่จะฝึกร่วมกันวันละครั้ง
จากนั้นตอนเช้าและเย็น ข้าก็จะฝึกร่วมกับซิงเล่ยอีกครั้ง
รวมแล้ว วันละสี่รอบพอดี
ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าพลังลมปราณของข้า พัฒนาไปถึงขั้นใดแล้ว แต่ก็ถูกอาจารย์กำชับไว้ว่า “ห้ามเปรียบเทียบลมปราณกันโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ซิงเล่ยก็ถูกสั่งเช่นเดียวกัน
เพราะเหตุนี้ ข้าจึงไม่รู้ว่าลมปราณของตนเองมีอยู่มากน้อยเพียงใดในยามนี้
ก็เอาเถอะ… สัตตเทวชักนำพลัง ในเกมเองก็มีผลเพียงช่วยเพิ่มลมปราณเล็กน้อยเท่านั้น
อย่างเก่งก็แค่เพิ่มขึ้นราวหนึ่งส่วนจากสิบได้ล่ะมั้ง
ข้าเคยคิดจะเสนอให้ท่านแม่ลองฝึกวิชานี้เช่นกัน หากมันอาจช่วยให้ร่างกายท่านแข็งแรงขึ้นได้ แต่ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยาก
อาจารย์บอกว่า วิชานี้ในฐานะวิธีบำรุงร่างกาย จะได้ผลเฉพาะกับเด็กหนุ่มสาวช่วงต้นวัยเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ท่านเหลียวหยวนกลับส่งสมุนไพรบำรุงร่างกายมาให้ท่านแม่แทน
เขาว่า แม่ทัพพยัคฆ์เวหา นั้นมีบทบาทสำคัญในการปกป้องแผ่นดิน ผู้เป็นครอบครัวก็ย่อมมีความสำคัญตามไปด้วย
สมแล้วที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผู้เปี่ยมคุณธรรมจริงๆ รู้จักเอาใจใส่แม้กระทั่งรายละเอียดเล็กน้อยเช่นนี้
ข้านี่โชคดีจริงๆ ที่ไม่เคยคิดมีเรื่องกับเขา
——ในขณะที่การฝึกยังดำเนินต่อไปเช่นทุกวัน วันหนึ่ง อาจารย์ก็เอ่ยขึ้นว่า
“ข้ามีเรื่องอยากขอทดสอบพวกเจ้า… พอจะรบกวนได้หรือไม่?”
“ทดสอบหรือขอรับ? ข้ากับศิษย์พี่น่ะหรือ?”
“ใช่แล้ว เทียนฟาง ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้าทั้งคู่พร้อมรับ ‘ภารกิจ’ ที่จะมอบหมายหรือไม่”
อาจารย์เหลยกวงพยักหน้าเบาๆ
“อีกไม่นาน ท่านเหลียวหยวนจะมอบหมาย ‘ภารกิจ’ ให้พวกเจ้า มันเป็นงานเล็กๆ น้อยๆ ที่จริงข้าก็อยากไปเอง แต่มีธุระต้องทำ ข้าจึงต้องออกจากเป่ยหลินชั่วระยะหนึ่ง”
“อาจารย์… จะไม่อยู่แล้วหรือขอรับ?”
“ก็ไม่ได้ไปนานนักหรอก เป็นงานไม่ใหญ่โตอะไร”
“แต่ข้าเพิ่งเริ่มเรียนรู้จากอาจารย์ได้ไม่นาน ยังอยากศึกษาต่อข้างกายท่านอีกมาก…”
แม้จะเริ่มเห็นผลจากการฝึก ฝีเท้าเริ่มคล่องแคล่วว่องไว แต่ข้าก็ยังไม่พอใจตนเอง
แม้จะใช้ “วิชาสี่สัตว์เทพก้าวพริบตา” ได้ แต่ก็ยังถูกอาจารย์ไล่ตามทันอย่างง่ายดาย
หากหวังจะหลีกเลี่ยงฉากจบหายนะได้อย่างแท้จริง ข้าต้องมีวิชาระดับที่ไม่มีผู้ใดไล่ตามได้ทัน
เพราะอย่างนั้น ข้าจึงอยากอยู่เรียนต่อข้างกายอาจารย์ให้มากกว่านี้…
“…แต่หากเป็นเรื่องงาน ข้าก็เข้าใจดีขอรับ”
“ดูเจ้าสิ ทำหน้าเหมือนโลกจะแตกไปได้ เทียนฟาง”
อาจารย์หัวเราะแห้งๆ ก่อนหันไปถามศิษย์พี่
“ว่าไงเล่า ฮวาหยาง เจ้าสนใจจะเข้ารับการทดสอบไหม?”
“ยินดีอย่างยิ่งขอรับ แต่ข้าขอถามสักข้อได้หรือไม่ขอรับ?”
“ได้สิ ว่ามาเลย”
“หากเราทำ ‘ภารกิจ’ ของท่านเหลียวหยวนสำเร็จ จะถือเป็นการรับใช้แคว้นหลานเหอใช่หรือไม่ขอรับ?”
“แน่นอน หากสำเร็จ ย่อมถือเป็นผลงานของพวกเจ้า ข้าถึงอยากทดสอบดูว่าเหมาะสมหรือไม่ไงล่ะ”
“เข้าใจแล้วขอรับ อาจารย์!”
ศิษย์พี่ประสานมือคารวะด้วยใบหน้าแดงปลั่ง ไม่เห็นเค้าของความลังเลแม้แต่น้อย
“ขอโทษด้วยนะ เทียนฟาง แต่คราวนี้ ข้าจะสู้เต็มกำลัง”
ศิษย์พี่ตบไหล่ข้าเบาๆ ด้วยแววตาแน่วแน่
“ข้ามีสิ่งหนึ่งที่อยากบอกเจ้า หลังจากทำภารกิจสำเร็จ เพราะฉะนั้น… ข้าแพ้ไม่ได้จริงๆ”
——เนื้อหาการทดสอบนั้น เรียบง่ายอย่างยิ่ง
เมื่อตะวันขึ้นและประตูเมืองเป่ยหลินเปิดออก ข้ากับศิษย์พี่จะต้องมุ่งหน้าไปทางเหนือ
ก่อนตะวันตกดิน ต้องเดินทางถึงเมืองโฮวโหลวให้ได้
ที่นั่น อาจารย์จะรออยู่ แล้วเราทั้งคู่จะประลองกันต่อหน้าท่าน
การเดินทาง ให้ใช้ “วิชาสี่สัตว์เทพก้าวพริบตา”
การประลอง ให้ใช้ “กระบี่สี่สัตว์เทพ”
อาจารย์จะประเมินจากทั้งสองด้าน แล้วตัดสินผู้ชนะ
สำหรับการที่ศิษย์พี่จะออกนอกเมืองนั้น ท่านเหลียวหยวนอนุญาตไว้แล้ว จึงไม่มีปัญหาอะไร
ด้วยเหตุนั้น ข้ากับศิษย์พี่จึงเริ่มเตรียมตัวรับการทดสอบทันที
——เช้าวันสอบ ณ ประตูเมืองเป่ยหลินทิศเหนือ
ท้องฟ้าเริ่มสว่างเรื่อๆ ขณะอาจารย์เหลยกวงกล่าวขึ้น
“จากที่นี่ไปเมืองโฮวโหลว ขี่ม้าไปคงใช้เวลาไม่เกินหนึ่งวัน แต่หากใช้ สี่จตุรเทพก้าวพริบตา ก็น่าจะถึงก่อนตะวันตกดินได้ จะลัดเลาะ หรือลุยข้ามหน้าผา ข้ามแม่น้ำ ก็แล้วแต่พวกเจ้า ขอเพียงอย่าลืมว่า ยังมีการประลองรออยู่ตอนท้ายด้วย”
““ขอรับ อาจารย์!!””
ข้ากับศิษย์พี่ยืนเคียงข้างกัน รอให้ประตูเปิด
อาหารแห้ง น้ำดื่ม เตรียมพร้อม
แม้เป็นการเดินทางสั้นๆ แต่เพื่อความปลอดภัย ข้ากับศิษย์พี่ก็พกกระบี่ติดตัวไว้
ระหว่างทางอาจเจอสุนัขป่าหรือโจร การเอาชีวิตรอดต้องพึ่งพาตัวเองทั้งนั้น
แม้เส้นทางหลวงจะปลอดภัยพอสมควร แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้
“ฟากตะวันตกมีเมฆครึ้ม… แต่คงไม่เป็นไร”
อาจารย์เงยหน้าดูฟ้า แล้วหันมามองพวกเรา
“การให้คะแนนในการทดสอบ แบ่งครึ่งจากการเดินทางด้วย ‘วิชาก้าวย่าง’ และอีกครึ่งจากการประลองด้วย ‘กระบี่’ จะเร่งฝีเท้าเพื่อเก็บคะแนนจากการเดินก็ได้ จะรักษากำลังไว้ลุ้นในการประลองก็ไม่ผิด แต่หากถึงเมืองไม่ทันก่อนตะวันตกดิน ก็ถือว่าตกสอบ
อีกอย่างนะ… ถ้าใครดูเหมือนไม่มีใจจะสอบ อาจถูกขับออกจากสำนักก็ได้ด้วยนะ?”
อาจารย์ยิ้มกว้าง พลางเหลือบมองมาที่ข้า
…แย่แล้วแฮะ
หรือว่าท่านอาจารย์จับได้ ว่าข้ากำลังคิดจะยอมให้ศิษย์พี่?
แม่ของศิษย์พี่ฝากความหวังไว้กับ “ภารกิจ” นี้
หากข้าชนะ อาจหมายถึงข้าจะได้รับภารกิจแทนเขา
ข้ารู้สึกว่า ควรยอมให้เขาชนะมากกว่า…
“…เทียนฟาง ข้าขอกล่าวกับเจ้าในฐานะ ‘เผิงโหย่ว’”
ศิษย์พี่จ้องตาข้า สีหน้าเคร่งขรึม
“ข้าจะเดิมพันทุกอย่างกับการทดสอบครั้งนี้…เจ้าก็จงเข้ามาด้วยความจริงจังเช่นกันเสียเถอะ”
——ในที่สุด ประตูเมืองก็เริ่มเปิดออก
สะพานยกที่พาดข้ามคูเมือง ค่อยๆ ลดลงทีละน้อย
แสงอรุณส่องลอดประตู เผยให้เห็นแนวเขาสลับซับซ้อนเบื้องหน้า
ดินแดนตอนเหนือของแคว้นหลานเหอนั้นเป็นเขตภูเขาทุรกันดาร
ถัดออกไปคือทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ที่ซึ่งชนเผ่าเร่ร่อนผู้เชี่ยวชาญการขี่ม้าอาศัยอยู่
พวกเขาเป็นศัตรูธรรมชาติที่คอยคุกคามชายแดน
แน่นอน การทดสอบครั้งนี้ยังไม่ล่วงลึกไปถึงที่นั่นหรอก
ก่อนจากกัน อาจารย์เหลยกวงพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา
“ก่อนออกเดิน ขอให้จำไว้อย่างหนึ่ง——จงหลอมรวมเป็นหนึ่งกับ ‘สัตว์เทพ’ เสียเถอะ…”
“การจำท่าทาง ‘กระบี่สี่สัตว์เทพ’ กับ ‘สี่สัตว์เทพก้าวพริบตา’ นั้นยังไม่พอ เจ้าต้อง กลายเป็น มังกรเขียว หงษ์แดง พยัคฆ์ขาว และเต่าดำเสียก่อน สัตตเทวชักนำพลัง ก็มีไว้เพื่อสิ่งนั้นแหละ”
——ประตูเปิดกว้าง สายลมพัดผ่าน
สะพานกระทบพื้นด้วยเสียงดังโครม
ฝูงชนเริ่มเคลื่อนไหวทันที
และในวินาทีที่อาจารย์ยกมือขึ้น——
ข้ากับศิษย์พี่ ก็พุ่งตัวออกจากประตูไปในทันที
MANGA DISCUSSION