“…อืม?”
เมื่อข้าเบิกตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานอันคุ้นตา
นี่คือห้องของข้า…ในบ้านของข้าเอง
ข้ากลับมาเมื่อใดกัน?
…ข้าจำได้ว่าต่อสู้กับหลิวหยวนและเหล่ายอดฝีมือในตรอก จากนั้นก็พ่ายแพ้ สุดท้ายขึงได้อาจารย์เหลยกวงและศิษย์ของนางมาช่วยไว้
พวกเขาเป็นคนพาข้ากลับมาหรือ?
“…อาการเจ็บปวด…หายไปแล้วสินะ”
บาดแผลจากคมกริชหาได้เจ็บปวดอีกต่อไป เช่นเดียวกับที่ชุ่ยฮว่าหยางกล่าวไว้ว่าเป็นเพียงบาดแผลเล็กน้อย
ทว่า…มือขวาของข้ากลับขยับไม่ได้ มันถูกพันไว้ด้วยบางสิ่งที่อ่อนนุ่ม
ข้าหันหน้าไปมอง—สิ่งที่พบคือเส้นผมสีเงิน
ร่างของเด็กสาวผู้หนึ่ง นอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียงของข้า หลับใหลอย่างเงียบสงบ
“…ซิงเล่ย?”
มือของนาง…ยังคงกุมมือข้าไว้แน่น
ตั้งแต่เมื่อใดกัน? นางเฝ้าดูแลข้ามาตลอดเลยหรือ?
เมื่อลองยกมืออีกข้างขึ้นสัมผัสหน้าผาก ตรงนั้นมีผ้าชุบน้ำอุ่นวางอยู่ ดูท่าข้าคงมีไข้ขึ้นระหว่างที่หลับไป
ก็ไม่แปลกหรอก…เป็นครั้งแรกที่ข้าได้สัมผัสกับการต่อสู้เป็นตายเช่นนี้ มิหนำซ้ำ ข้ายังรอดมาได้อีก
“ขออภัยเจ้าค่ะ…!? คุ-คุณชายฟาง ท่านฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ!?”
“ชู่—”
ข้ายกนิ้วแตะริมฝีปาก ก่อนจะชี้ไปยังซิงเล่ยที่ยังคงหลับใหล
ไป๋เย่ที่เข้ามา พยักหน้ารับเบา ๆ ดูท่า นางเองก็คงคอยดูแลข้าอยู่ด้วย
“ร่างกายของท่านไม่เป็นไรแล้วหรือคะ?”
“อืม ข้าสบายดี แล้วเจ้าล่ะ?”
“ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ แต่คุณชายฟางหลับไปถึงสามวันเต็ม ๆ เชียวนะคะ!”
“สามวันเลยหรือ?”
“คืนแรก ท่านมีไข้สูงอยู่ไม่น้อย…ด้วยสถานการณ์ที่ท่านเผชิญมา ก็ไม่แปลกหรอกค่ะ”
“…ก็คงจริง”
“พูดถึงบาดแผลที่ขา ตอนนี้ก็หายดีแล้วค่ะ หมอได้มาตรวจให้แล้ว ยืนยันว่าไม่มีปัญหา โชคดีที่ได้รับการรักษาทันเวลา”
ไป๋เย่กล่าวพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนเอ่ยต่อ
“ได้ยินว่ามีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วยทายาให้ท่านด้วย หลังจากนี้คงต้องไปขอบคุณเขาสักหน่อยนะเจ้าคะ”
…คงเป็นอาจารย์เหยกวงอีกเช่นเคย
ข้าต้องหาทางตอบแทนบุญคุณของนางให้ได้
“แล้วซิงเล่ยเล่า? นางอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรือ?”
“ใช่ค่ะ”
ไป๋เย่กล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“คุณหนูซิงเล่ยกล่าวว่า ‘พี่ชายเป็นของข้า ข้าจะดูแลเขาเอง’ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นคุณหนูพูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวเช่นนี้”
“…อย่างนั้นหรือ”
ข้าใช้อีกมือหนึ่งที่ว่าง ลูบศีรษะของซิงเล่ยอย่างแผ่วเบา
“เช่นนั้น…เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไรบ้าง?”
“หลิวหยวนและเจ้าคนแคระที่เป็นพวกของมันถูกจับกุมแล้ว ส่งตัวไปยังคุกใต้ดินแล้วค่ะ”
ไป๋เย่มองดูซิงเล่ยที่ยังคงหลับสนิทอยู่ ก่อนจะเริ่มเล่ารายละเอียดให้ข้าฟัง
คดีในครั้งนี้…ผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดก็คือหลิวหยวนนั่นเอง
หลังจากที่มันถูกขับออกจากตระกูลหลิว มันก็หันไปพัวพันกับพวกคนในเงามืด
เมื่อทราบว่าตระกูลหลิวถูกกวาดล้างไปจนสิ้น มันจึงหันมาหมายตาซิงเล่ยแทน
ว่ากันว่า ตั้งแต่ยังอยู่ในตระกูลหลิว มันก็มักแสดงออกว่ารักใคร่ซิงเล่ย ทว่า…นั่นมิใช่ความอาทรของครอบครัว แต่มันมองนางเป็นเพียงสิ่งล้ำค่าหายากชิ้นหนึ่ง
มันคิดจะใช้ซิงเล่ยเป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนเป็นเงินตรา!
ดังนั้นหลิวหยวน จึงติดต่อกับเลี่ยน เจ้าคนแคระที่มีอาชีพเป็นพ่อค้าทาส และชักจูงให้มันมาร่วมมือ
ส่วนเลี่ยน ก็เป็นคนที่พาตัวเอี้ยนกุ้ย นักฆ่าผู้ใช้กริชเข้ามาเกี่ยวข้อง
เอี้ยนกุ้ยได้ยินว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลหวง จึงแสดงความสนใจ และต้องการเข้าร่วม
และเป็นเอี้ยนกุ้ยที่เสนอให้ขายซิงเล่ยเข้าวังหลัง โดยกล่าวว่า
“หากคิดจะล่าก็ควรล่าให้ได้ปลาตัวโต”
ประโยคนี้ทำให้หลิวหยวนและพวกตัดสินใจลงมือ
จากนั้น เรื่องราวก็เป็นไปตามที่ข้ารู้
“หลิวหยวนและเลี่ยน คงต้องรับโทษตามกฎหมาย แต่สำหรับเจ้าคนชุดดำ…”
“มันหนีไปได้ใช่หรือไม่?”
“ท่านแม่ทัพคาดว่ามันคงออกจากเป่ยหลินไปแล้ว พวกที่มาจากเงามืดมักเชี่ยวชาญด้านการหลบหนี บางทีอาจแฝงตัวไปกับกองคาราวานสินค้า หลุดออกจากประตูเมืองไปเรียบร้อยแล้ว”
“เช่นนั้นหรือ…”
“แต่ไม่ว่าจะอย่างไร คุณชายฟาง และคุณหนูซิงเล่ยปลอดภัย นั่นถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
สิ้นคำ ไป๋เย่ทรุดตัวลงคุกเข่า ก่อนโน้มศีรษะกระแทกลงกับพื้น
—‘เค่าถัว’ คือการคำนับที่มีความสุภาพสูงสุดในโลกนี้
“ที่ซิงเล่ยถูกลักพาตัวไป ล้วนเป็นความผิดของข้า ข้าควรระแวดระวังหลิวหยวนให้มากกว่านี้ ขอคุณชายโปรดอภัยให้ข้าด้วย”
“อย่าทำเช่นนั้นไป๋เย่ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้า”
“แต่ว่า…”
“ตรงกันข้าม ข้าเป็นฝ่ายที่ต้องขอบคุณเจ้าเสียมากกว่า เพราะไป๋เย่มาแจ้งข่าวแก่ข้า ข้าจึงสามารถช่วยซิงเล่ยไว้ได้ เรื่องนี้ ข้าจะเป็นผู้กราบทูลต่อท่านพ่อเอง ว่าเจ้าไม่มีความผิดใด”
“…คุณชายฟาง”
“ทั้งข้าและซิงเล่ยยังปลอดภัย เท่านี้ก็ดีที่สุดแล้วมิใช่หรือ?”
ข้าเอื้อมมือไปลูบศีรษะซิงเล่ยอีกครั้ง
“แต่ถึงอย่างนั้น…เรื่องนี้ก็นับเป็นความเจ็บปวดของซิงเล่ยไม่น้อย”
“คุณหนูซิงเล่ยเข้มแข็งขึ้นแล้วล่ะค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ค่ะ ผู้ที่ให้การต่อท่านแม่ทัพและเหล่าขุนนาง ก็คือตัวคุณหนูซิงเล่ยเอง”
“…ซิงเล่ยเป็นคนพูดเองหรือ?”
“ค่ะ นางทำได้อย่างสมเกียรติ นางกล่าวว่า ‘ต่อจากนี้ ข้าจะอุทิศตนเพื่อตระกูลหวง’ ”
ไป๋เย่เอ่ยพลางยิ้ม
“หากท่านซิงเล่ยตื่นขึ้น ขอท่านช่วยชมเชยนางด้วย นั่นคงเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับนาง”
“ข้าจะทำเช่นนั้น…แต่ก่อนอื่น ข้ายังมีสิ่งที่ต้องทำ”
ข้าเงยหน้าขึ้น มองไป๋เย่ ก่อนเอ่ยถาม
“ท่านพ่อตอนนี้อยู่ที่เรือนหรือไม่?”
“อยู่ค่ะ ท่านมีธุระสำคัญกับขุนนางสำคัญอยู่”
“เช่นนั้น ข้าต้องรีบไปพบท่าน”
ข้าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เพื่อช่วยซิงเล่ย ข้าขอให้อ๋องหลานยื่นมือเข้ามาช่วย ข้าสัญญากับพระองค์ว่า ‘จะต้องตอบแทนบุญคุณ’ ข้าจำเป็นต้องแจ้งเรื่องนี้แก่ท่านพ่อ”
ข้ากล่าวจบ หันไปมองซิงเล่ยที่ยังคงหลับสนิท
จากนั้นจึงก้าวออกจากห้อง…โดยไม่ให้เกิดเสียงรบกวนแม้แต่น้อย เพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องของท่านพ่อ
MANGA DISCUSSION