ซิงเล่ยต้องใช้เวลาหลายนาทีจนกว่าจะหนีไปได้สำเร็จ
หน้าที่ของข้าคือถ่วงเวลาให้ถึงตอนนั้น
จากนั้นก็ใช้ [สัตตเทวชักนำพลัง]—[แมวเป็นของเหลว] หลบเข้าไปตามช่องว่างของตรอกแคบ ๆ พวกมันคงไล่ตามมาไม่ได้
จากนั้นก็ออกไปยังถนนใหญ่แล้วรวมตัวกับซิงเล่ย—เท่านั้นเอง
“……จะมาตายที่นี่เหรอ?”
ชายร่างเล็ก หนึ่งในสมุนของหลิวหยวน ยืนขวางอยู่ตรงหน้าข้า
และด้านหลังของมัน คือหลิวหยวน
ถัดไปอีก ก็คือชายชุดดำที่ถือกระบองอยู่
“พูดได้โอ่อ่าดีนี่…แต่รู้มั้ยว่า บนโลกนี้ยังมีอะไรที่เลวร้ายกว่าความตายอีกเยอะ!!
ชายร่างเล็กพุ่งเตะเข้าใส่
—ไวมาก! หมอนี่ก็เป็นนักสู้เหมือนกันสินะ
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องใช้ [สัตตเทวชักนำพลัง]—[เกราะเต่ากระดองแข็ง]!
ปึ้ง!!
“────อึก!”
แรงปะทะหนักหน่วงพุ่งเข้าใส่ข้า
ข้าใช้ร่างแปรรูปเป็นเต่าใน [สัตตเทวชักนำพลัง] กระจายพลังภายใน—[ลมปราณ] ไปที่แขนทั้งสองข้าง ทำให้มันแข็งดุจกระดองเต่า และป้องกันการโจมตีไว้ได้
ไม่มีความเจ็บปวด น่าจะเพราะพลังภายในของข้าเอง
แต่…ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป แม้แต่การเตะเมื่อครู่ก็ยังรวดเร็วสุดขีด
ข้าเป็นแค่ตัวเบี้ยอ่อนแอ จะสามารถถ่วงเวลาได้นานแค่ไหนกันนะ?
ซิงเล่ยหนีไปถึงถนนใหญ่แล้วหรือยังนะ?
ข้าควรฉวยโอกาสนี้หนีไปด้วยดีไหม?
ไม่…เพื่อความปลอดภัย ควรจะถ่วงเวลาพวกมันต่ออีกสักหน่อย…
“อย่าดูถูกเด็กนี่ไป เจ้าถีบเขาไม่เข้าเลยสักนิด”
ชายชุดดำกล่าวขึ้น
“มันใช้พลังภายในป้องกันไว้ อย่าประมาท!”
—ถูกจับได้ซะแล้ว
ชายชุดดำคนนี้ดูจะเป็นยอดฝีมือที่สุดของกลุ่ม เป็นหัวหน้าของพวกมันงั้นหรือ?
“แน่นอนว่าเขาต้องรู้วิชาต่อสู้สิ พี่ใหญ่”
ชายร่างเล็กยิ้ม
“ลูกชายของ แม่ทัพพยัคฆ์เวหา จะไม่มีวิชาต่อสู้ได้ยังไงกันล่ะ? เพราะงั้นเราต้องซ้อมมันให้ปางตายซะก่อน มันจะได้ทำอะไรไม่ได้เลยไงล่ะ!”
ชายร่างเล็กพูดไป หันหลังไปหาชายชุดดำไป ในขณะที่ขยับขาขึ้นเตะข้า
—ตอนนี้แหละ!
ข้าหดร่างลงด้วย [สัตตเทวชักนำพลัง]—[แมวก้มตะครุบดั่งบอลกลม]
จากนั้นกลิ้งไปตามพื้นเพื่อพุ่งเข้าช่องว่างของตรอก—
“────อึก!?”
บางสิ่งสีดำเฉียดผ่านข้าขณะกำลังกลิ้งหนี
มันคือมีดสั้นสีดำ—อาวุธลับของนักสู้
“ถึงบอกแล้วไงว่าอย่าประมาท ไอ้โง่!”
ชายชุดดำจับจ้องมาที่ข้า
เขาเป็นคนขว้างมีดเมื่อครู่
ชายชุดดำคนนี้แข็งแกร่ง…
หรือว่าเขาจะเป็นตัวละครใน [พงศาวดารตำนานจอมกระบี่]?
“เด็กนี่สัมผัสไวใช้ได้…แม้ประสบการณ์จะยังไม่พอ”
“มันไม่มีโอกาสได้สะสมประสบการณ์หรอก พี่ใหญ่!”
“อั่ก!”
ลูกเตะพุ่งมาอีก
ข้าใช้ [เกราะเต่ากระดองแข็ง] ป้องกันอีกครั้ง
แรงปะทะส่งข้ากระแทกผนัง จนช่องว่างของตรอกที่กำลังจะหนีห่างออกไปอีก
“ถ้าได้ฝึกฝน เขาคงกลายเป็นยอดฝีมือได้แน่…น่าเสียดายจริง ๆ”
“ฆ่ามัน! ฆ่ามันทิ้งซะ!!”
หลิวหยวนตะโกนขึ้น
ชายชุดดำได้ยินก็แสยะยิ้ม
“เฮ้ย ๆ คุณหลิว ฆ่ามันไปก็ใช้เป็นตัวประกันไม่ได้แล้วสิ”
“……อึก”
“พี่ใหญ่พูดถูก คนแบบนี้ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์”
“งั้นเจ้าจะทำอะไร เลี่ยน?”
หลิวหยวนหันขวับไปมองชายร่างเล็ก
“ก็ง่าย ๆ ไง ก่อนอื่นตัดเส้นเอ็นแขนขาซะ จะได้หนีไม่ได้”
ชายร่างเล็กเลียริมฝีปาก ดึงมีดสั้นออกมา
“จากนั้นก็ตัดนิ้วมันแล้วส่งไปให้ตระกูลหวง ถ้าแลกกับชีวิตลูกชายคนรอง พวกมันต้องยอมส่งซิงเล่ยมาแน่—ใช่ไหมล่ะ คุณหลิว?”
“มะ…ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”
“แต่เมื่อกี้คุณบอกให้ฆ่ามันเองนะ?”
“ข้าพูดไปตามอารมณ์…ถ้าฆ่าลูกแท้ ๆ ของตระกูลหวงล่ะก็…นั่นจะกลายเป็นศัตรูไปเลยนะ”
“ตัดสินใจให้ดีเถอะ…ฮ่า ๆ”
ชายร่างเล็กถือมีดสั้นแล้วค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้
หลิวหยวนดูหวาดกลัว ส่วนชายชุดดำสีหน้ายังคงไร้อารมณ์
ข้าขดตัวรอจังหวะเหมาะสม
ใช้ [สัตตเทวชักนำพลัง]—[หูแมวตรวจจับ] สัมผัสการเคลื่อนไหวของพวกมัน
รอให้ศัตรูโจมตีมา—แล้วสวนกลับ
แค่เปิดช่องให้หนีไปได้ก็พอ
ตรงนี้เป็นตรอก มีช่องแคบให้หลบไปได้อยู่หลายจุด
ข้าถ่วงเวลามาพอแล้ว
แค่รอดไปได้ตอนนี้—ก็คือชัยชนะของข้า
“เงยหน้าขึ้นมา”
ชายร่างเล็กขยับเข้ามาใกล้
คงคิดว่าข้าหมดสภาพแล้ว
“ใบหน้าหวาดกลัวของคุณชายจากตระกูลใหญ่เป็นอะไรที่ข้าชอบดูที่สุด—”
“…หยุดเถอะ”
ชายชุดดำเปล่งเสียงเตือน
“หา!? ทำไมล่ะ พี่เอี้ยน!?”
“อย่าเรียกชื่อข้า…แล้วก็ อย่าดูถูกเด็กนี่”
“……หา?”
“หมอนี่กล้าทุ่มชีวิตไปช่วยลูกสาวตระกูลหลิว และยื้อเวลามาจนถึงตอนนี้ นี่อยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของเรา”
ชายชุดดำถอนหายใจ
ชายร่างเล็กตื่นตระหนก
“อะไรนะ!? หมายความว่าไง!?”
“ไม่ได้ยินรึไง ไอ้โง่! ข้าพลาดที่มาทำงานกับเจ้านี่ล่ะ!”
ชายชุดดำจ้องมองชายร่างเล็กอย่างเย็นชา
จากนั้นก็หลับตา ใช้สมาธิสำรวจสถานการณ์โดยรอบ
“ขอโทษทีนะ คุณหลิว…ข้าขอลาออกจากงานนี้แล้วกัน”
ชายชุดดำถอยกรูดโดยไม่ทันตั้งตัว
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลิวหยวนและชายร่างเล็กก็เบิกตากว้าง
“อะไรนะ!? นี่มันหมายความว่ายังไง!?”
“พี่…พี่พูดอะไรน่ะ!? พี่ใหญ่!!”
“ข้าบอกแล้วไงว่าหมดเวลา…คุณชายท่านนี้เป็นฝ่ายชนะ”
ชายชุดดำกระโดดถอยหลัง และในชั่วพริบตานั้น—
“อา ใช่แล้ว เด็กคนนี้เป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน!”
—หญิงสาวที่วิ่งมาตามกำแพงฟาดดาบเข้าใส่มือของชายชุดดำ
“เจ้าคนชั่ว! คิดจะทำตามอำเภอใจในถิ่นของอ๋องหลานได้รึ!?”
“ชิ!”
ดาบยาวสีเงินสะท้อนประกายวาบ ปัดมีดสั้นของชายชุดดำกระเด็นออกไป
ชายชุดดำถอยฉับพลันเพื่อหลบการโจมตีครั้งที่สองและรักษาระยะห่าง
“ได้ยินมาว่าแขกของอ๋องหลานเป็นยอดฝีมือดาบ คงจะเป็นเจ้าสินะ”
“ข้าไม่สนใจคำกล่าวของใคร”
“งั้นรึ!!”
ชายชุดดำกระโจนเข้าถีบหญิงสาว นางหลบพ้น แต่เขาอาศัยแรงถีบดีดตัวออกไปด้านหลัง
หญิงสาวยืนประจันหน้ากับเขา ดาบยาวในมือยังคงมั่นคง
“แล้วเจ้าคือใครกันแน่? ฝีมือถึงเพียงนี้แต่กลับเลือกเดินบนเส้นทางอาชญากรรม”
—น่าทึ่งจริง ๆ
หญิงสาวที่ถือดาบยาวควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดในชั่วพริบตา
หลิวหยวนและชายร่างเล็กที่ถือมีด ต่างไม่กล้าขยับ
บรรยากาศราวกับว่าหากเผลอเคลื่อนไหวเพียงนิดเดียวจะถูกฟันคอได้
“เจ้า…ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ในขณะที่ข้ากำลังมัวแต่จ้องภาพตรงหน้า ใครบางคนก็ปรากฏตัวขึ้น
“เจ้าได้รับบาดเจ็บที่ขา แต่แผลไม่ลึกนัก หลังจากนี้ข้าจะทายาของอาจารย์ให้”
“เจ้าเป็นใคร?”
“ข้ามาตามคำสั่งของอ๋องหลาน เพื่อช่วยเจ้า”
บุคคลที่ถือดาบ—เป็นเด็กหนุ่ม รูปร่างพอ ๆ กับข้า
เขามีผมดำยาวถักเปียไว้ด้านหลัง
ข้ารู้ว่ามีใครบางคนกำลังเข้ามาใกล้
ตอนใช้ ‘หูแมวตรวจจับ’ ตรวจจับเสียงฝีเท้า ข้าได้ยินแล้ว
แต่ไม่คิดเลยว่าคนที่มา จะเป็นฝ่ายช่วยเหลือจากอ๋องหลาน
“ข้าไม่ชอบคนที่เสี่ยงชีวิตโดยไม่มีความสามารถ”
เด็กหนุ่มมองข้าแล้วกล่าวต่อ
“แต่ข้าก็นับถือจิตใจที่พยายามช่วยน้องสาวของตน น้องสาวของเจ้าปลอดภัยแล้ว คนของอาจารย์ข้าเป็นผู้คุ้มกันไว้”
“และข้าต้องขออภัยที่มาช้า พื้นที่นี้ซับซ้อนมาก กว่าจะหาทางเข้ามาได้ก็ลำบากไม่น้อย”
“…ขอบคุณมาก”
ข้าก้มศีรษะให้เด็กหนุ่ม ก่อนจะฉุกคิดขึ้นได้
“ขอทราบนามของเจ้าด้วย”
“ข้าชื่อ ชุยฮว่าหยาง อาจารย์ของข้าคือท่านเหลยกวง”
“เหลยกวง!?”
“วางใจเถิด ไม่มีใครเอาชนะอาจารย์ของข้าได้”
ชุยฮว่าหยางถือดาบ จ้องหลิวหยวนกับชายร่างเล็กไว้
เขากำลังระวังไม่ให้ทั้งสองเข้าขัดขวางเหลยกวง
ชายชุดดำยังคงต่อสู้อยู่
ภายในเสื้อคลุมของมันเต็มไปด้วยมีดสั้นมากมาย
มันสู้กับยอดฝีมืออย่างเหลยกวง แต่ดูเหมือนจะพยายามหาทางหนีมากกว่าป้องกันตัว
“น่าเสียดาย ฝีมือของเจ้าไม่ธรรมดาเลย”
เหลยกวงตั้งท่าพร้อมต่อสู้
“ด้วยระดับนี้ เจ้าสามารถตั้งสำนักยุทธ์ของตัวเองได้เลยนะ”
“ข้าไม่สน พอดีข้าสนเพียงเรื่องครองใต้หล้า”
“คนที่คิดครองใต้หล้ากลับเป็นโจรลักพาตัว?”
“เจ้าสุนัขรับใช้ของอ๋องหลาน ไม่มีวันเข้าใจปณิธานของข้าหรอก”
“ดูเหมือนเราเห็นจะไปกันคนละทางนะ”
“ข้าก็ไม่ชอบพวกหมาที่เห่าพร่ำเพรื่อ ข้าขอถอนตัว”
ชายชุดดำกระโดดถอยหลังและสะบัดแขน
มีดสั้นสิบกว่าเล่มพุ่งออกไปในอากาศ—
บางเล่มพุ่งตรงมาหาข้ากับเด็กหนุ่ม!
“ใช้เด็กเป็นโล่รึ!? ไอ้สารเลว!!”
ดาบยาวของเหลยกวงส่องประกายวาววับกลางอากาศ
มีดสั้นทั้งหมดถูกปัดกระเด็น ปักลงบนผนังและพื้นดิน
ในช่วงเวลานั้นเอง ชายชุดดำก็หันหลังและวิ่งหนี
เหลยกวงสบถออกมา
“เอ่ยนามของเจ้าออกมา โจรลักพาตัว!”
“ข้าเลิกเป็นโจรแล้ว มีแต่พวกโง่เท่านั้นที่เปิดเผยชื่อ—”
—ทันใดนั้น
“มันชื่อ เอี้ยนกุ้ย! นักฆ่าผู้ใช้มีดสั้น!!”
ข้าหลุดพูดออกไป
เอี้ยนกุ้ยเป็นตัวละครจาก พงศาวดารตำนานจอมกระบี่
พอเห็นมีดสั้นสีดำและได้ยินชายร่างเล็กเรียก “เอี้ยน” ข้าก็แน่ใจแล้ว
แม้ว่าภาพลักษณ์ของมันจะดูอ่อนวัยกว่าที่ข้าจำได้ แต่คงไม่ผิดตัวแน่
“…คุณชายแห่งตระกูลหวง ข้าควรฆ่าเจ้าซะตั้งแต่แรก!!”
เอี้ยนกุ้ยสบถก่อนจะสลายตัวไปในเงามืด
“ข้าจำใบหน้าและชื่อของมันไว้แล้ว”
เหลยกวงเดินมาหาข้า
“ตอนนี้ต้องรักษาเด็กคนนี้ก่อน เด็กเป็นสิ่งล้ำค่า เด็กที่มีจิตใจกล้าหาญยิ่งล้ำค่ากว่า ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ ปล่อยไว้ไม่ได้”
“เข้าใจแล้ว อาจารย์”
“เจ้าหนูนี่ช่วยให้เรารู้ชื่อของมัน เท่านี้เราก็สะกดรอยตามและสั่งห้ามมันเข้าเมืองนี้ได้ น่าชื่นชมยิ่ง”
“จริงด้วย เจ้ารู้จักมันได้อย่างไร?”
“…ที่ตลาด”
ข้าคิดเล็กน้อยก่อนตอบ
“พ่อค้าต่างถิ่นเคยพูดถึงมัน ข้าเคยได้ยินโดยบังเอิญ”
“พ่อค้าคนไหนรึ?”
“้เขาบอกว่ามาจากทางเหนือ แต่ก็นานแล้วเหมือนกันตั้งแต่ที่ข้าได้คุยกับเขา”
…ข้าโกหกเล็กน้อย
จะบอกว่าจำมันได้จากชาติที่แล้วไม่ได้จริง ๆ
แต่ตอนนี้ เรื่องสำคัญกว่าคือ—
เหลยกวง ยอดนักวิทยายุทธ์ผู้ใช้ดาบยาว
นางเป็นหนึ่งในตัวละครที่แข็งแกร่งที่สุดใน พงศาวดารตำนานจอมกระบี่ และยังเป็นผู้ใช้คนเดียวของ สี่จตุรเทพก้าวพริบตา นางอยู่ตรงหน้าข้าแล้ว
“สี่จตุรเทพก้าวพริบตา” นับเป็นวิชาสำหรับการหลบหนีที่ไร้เทียมทาน
หากฝึกจนชำนาญแล้ว ความเร็วในการเคลื่อนไหวจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ต่อให้เป็นยอดฝีมือเพียงใด ก็ไม่อาจจับตัวได้
ทว่า…หากต้องการฝึกวิชานี้ จำเป็นต้องฝึกพื้นฐานจาก “สัตตเทวชักนำพลัง” ก่อนเสียก่อน
แต่ “สัตตเทวชักนำพลัง” เป็นเพียงวิชารากฐานที่ใช้ได้ผลกับผู้ที่มีพลังอ่อนด้อยเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ในเกมจึงแทบไม่มีใครใส่ใจฝึกมัน เพราะต่อให้เพิ่มความเร็วของตัวละครอ่อนแอขึ้นมา ก็ไม่มีความหมายอันใด
กระนั้น อาจารย์เหยยกวงกลับเป็นตัวละครที่ครอบครองวิชา “สี่จตุรเทพก้าวพริบตา” ตั้งแต่เริ่มปรากฏตัว นางเป็นหนึ่งในตัวละครที่แข็งแกร่งที่สุด ทั้งยังมีความเร็วเป็นเลิศและสามารถหลบหนีจากศัตรูได้แทบทุกครั้ง ด้วยเหตุนี้ นางจึงถูกขนานนามว่าเป็นตัวละครที่ทำลายสมดุลของเกม
เพียงแต่…ในเกม ตัวละครของนางจะร่วมเดินทางกับผู้เล่นเพียงช่วงหนึ่งเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะจากไป
ทว่า…บัดนี้ อาจารย์เหลยกวงกลับปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้า ข้าจะต้องเอ่ยปากให้ได้…จะต้องร้องขอ…
“เฮ้ ๆ เจ้ายังไหวหรือไม่?”
ไม่ทันรู้ตัว อาจารย์เหลยกวงก็เข้ามาประคองร่างข้าไว้เสียแล้ว
ร่างกายของข้าไร้เรี่ยวแรง ไม่อาจขยับได้เลย
ก็แน่ล่ะ…ตลอดสองชาติภพ ข้าไม่เคยเผชิญกับการต่อสู้เป็นตายมาก่อน มิหนำซ้ำ ศัตรูยังเป็นตัวละครแข็งแกร่งในเกม หากอาจารย์เหลยกวงและชุยฮว่าหยางไม่มาถึงทันเวลา เกรงว่าข้าคงสิ้นชีพไปแล้ว
“เจ้าเด็กน้อย เจ้าทำได้ดีมาก” นางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เพื่อเป็นรางวัล เด็กดีอย่างเจ้ามีสิ่งใดที่อยากขอจากข้าหรือไม่?”
“…ขอรับรางวัล…ได้หรือ?”
“แน่นอน เด็กที่พยายามอย่างเต็มที่สมควรได้รับรางวัล ว่ามาเถอะ”
“ได้โปรด…รับข้าเป็นศิษย์ทีเถิด”
“…หืม?”
“ข้า…ขอฝากตัวเป็นศิษย์ของท่าน!”
“อ้อ ได้สิ”
“เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อนขอรับ อาจารย์!”
“หืม? ว่าไงเล่าฮว่าหยาง?”
“ข้าเป็นศิษย์ของท่านอยู่แล้วไม่ใช่หรือ!? เหตุใดท่านจึงยอมรับศิษย์เพิ่มง่ายดายเพียงนี้!?”
เสียงของอาจารย์เหลยกวง และศิษย์ของนาง, ชุยฮว่าหยางค่อย ๆ เลือนหายไปจากโสตประสาท
ในห้วงสำนึกที่เลือนราง ข้าแลเห็นเส้นผมสีเงินอันคุ้นตา…
ซิงเล่ยอยู่ที่นั่น ข้างกายนางมีชายผู้หนึ่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นองครักษ์ของเหลียวหยวนจวิน
…ดีแล้ว…ที่นางปลอดภัย…
เช่นนี้ก็ไม่มีเหตุให้ซิงเล่ยต้องเข้าสู่ตำหนักในอีกต่อไป
แต่เดี๋ยวสิ…หากซิงเล่ยตกหลุมรักองค์รัชทายาทแล้วเต็มใจเข้าสู่ตำหนักในเองเล่า? …หรือหากนางไม่กลายเป็นนางมารผู้ชั่วร้าย นั่นก็อาจจะไม่เป็นไรสินะ…
ซิงเล่ยเป็นน้องสาวของข้าในชาตินี้ ขอเพียงนางมีชีวิตที่สุขสบาย เท่านี้ก็ดีแล้ว…
ข้าครุ่นคิดถึงเรื่องเหล่านี้…ก่อนที่สติสัมปชัญญะจะดับวูบไป…
MANGA DISCUSSION