– มุมมองของซิงเล่ย –
“…ขอโทษค่ะ พี่เทียนฟาง”
ข้าเดินลากเท้าตามแรงจูงของอีกฝ่าย ขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่มีดสั้นในมือของลุงหลิวหยวน มันทำให้ข้าหวาดกลัว
ท่านลุงหลิวหยวนเคยถูกตัดขาดจากตระกูลหลิว เพราะพฤติกรรมที่เลวร้ายของเขา ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะมาปรากฏตัวที่บ้านตระกูลหวง และข้าเองก็ไม่คิดจะฟังสิ่งที่เขาต้องการพูด
แต่ข้าก็ยังอดสนใจจดหมายที่เขาส่งมาไม่ได้
“ข้ารู้ว่ามารดาของเจ้าอยู่ที่ไหน”
คำพูดนี้ถูกเขียนไว้ในจดหมาย
ข้ามีเรื่องที่อยากแน่ใจ…
ดังนั้นข้าจึงไปพบเขา
แต่เมื่อข้าเข้าไปใกล้หลิวหยวน ก็มีชายอีกหลายคนปรากฏตัวจากด้านหลังเขา พวกเขาใช้มีดสั้นจี้ข้าไว้ ก่อนจะพาข้าออกมาเหมือนเป็นสัมภาระชิ้นหนึ่ง
ข้าเห็นไป๋เย่พยายามเข้ามาช่วย แต่เธอกลับถูกซัดจนล้มลง ภาพนั้นทำให้ข้ากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
— ทำไมกันนะ ข้าถึงเป็นแบบนี้
— ทำไมข้าถึงทำให้คนรอบข้างต้องเดือดร้อนตลอด
— ทำไมข้าถึงไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบได้
หรือว่านี่เป็นโชคชะตาที่ติดตัวข้ามาตั้งแต่เกิด?
บางที…การที่พ่อแม่จากไปก็คงเป็นเพราะข้า
แล้วถ้าเป็นแบบนั้น… สักวันหนึ่ง ข้าคงนำภัยมาสู่คนในตระกูลหวง คนที่ข้ารัก พี่เทียนฟาง…
(ข้าควรออกห่างจากพี่หรือเปล่า…?)
ข้าไม่รู้ว่าหลิวหยวนต้องการพาข้าไปที่ไหน
แต่ถ้าข้าอยู่ห่างจากพี่เทียนฟาง พี่ก็จะไม่ต้องมาเดือดร้อนเพราะข้าอีก
(ถ้าอย่างนั้น… ก็ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเถอะ)
ข้ารักพี่… ข้าไม่อยากเป็นภาระให้พี่…
…ข้าจะจากไปเอง—
“——ซิงเล่ย!!”
เสียงของพี่เทียนฟางฉุดข้ากลับมาจากความมืดมน
ความกลัวและความสิ้นหวังที่เกาะกินหัวใจ ถูกทำลายลงในทันที
ข้ามองเห็นพี่—กำลังวิ่งพุ่งเข้ามาด้วยท่วงท่ารวดเร็วราวกับแมวป่า แรงปะทะทำให้หลิวหยวนกระเด็นไป
มือของข้าถูกคว้าไว้โดยฝ่ามือที่ข้าคุ้นเคย
ใบหน้าของพี่อยู่ใกล้แค่คืบ…
พี่กำลังโกรธอยู่…
พี่ชายที่อ่อนโยนอยู่เสมอ บัดนี้กำลังขมวดคิ้วแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยว
(…ข้าจะต้องถูกดุแน่ๆ)
ข้าหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว
แต่สิ่งที่สัมผัสได้… ไม่ใช่การตำหนิหรือลงโทษ
มือของพี่ลูบศีรษะของข้าเบา ๆ อย่างอ่อนโยน
ใบหน้าของพี่เปลี่ยนไป… จากความโกรธเป็นความปวดร้าว ราวกับกลั้นน้ำตาเอาไว้
ทั้งที่เป็นผู้ชายแท้ ๆ… แต่กลับแสดงสีหน้าที่เหมือนจะร้องไห้ออกมา
มือของพี่สั่นเล็กน้อยขณะที่ลูบผมข้า
“ซิงเล่ยเป็นน้องของข้า ไม่มีใครจะเอาไปได้”
เสียงของพี่… ดังก้องในจิตใจของข้า
“ข้าจะทำให้ซิงเล่ยมีความสุขเอง!”
พี่เทียนฟางพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืน
เขายืนขวางข้าไว้ ขณะจ้องมองหลิวหย่วนกับพวกของเขาด้วยแววตาแข็งกร้าว—
– มุมมองของเทียนฟาง –
…ทันเวลาพอดี
แค่เสี้ยววินาทีช้ากว่านี้ พวกมันคงพาซิงเล่ยหนีไปในเขตชุมชนแออัดได้
ถ้าเป็นแบบนั้น ข้าคงไล่ตามไม่ทัน
“…อึก อึก…”
ชายผิวคล้ำที่กระเด็นไปกองกับพื้นครางเบา ๆ
ข้ากระแทกเขาด้วยพลังภายในเต็มแรง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีวรยุทธ์ ไม่อย่างนั้นคงไม่ล้มง่าย ๆ แบบนี้
“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม ซิงเล่ย?”
“ค่ะ พี่…เทียนฟาง”
ซิงเล่ยมองมาที่ข้าด้วยสายตาเลื่อนลอย
ข้าจับไหล่เธอไว้แน่น
“พวกมันทำร้ายเจ้าหรือเปล่า? มีตรงไหนเจ็บไหม?”
“ม…ไม่ค่ะ พี่ช่วยข้าไว้แล้ว…”
“ซิงเล่ย… เจ้าคิดอะไรอยู่ถึงไปพบเขาคนเดียว?”
“…”
“เขาบอกเจ้าว่าอะไรนะ? ว่ารู้ที่อยู่ของมารดาเจ้าใช่มั้ย?”
ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านพ่อกับท่านพี่ได้ข่าวของแม่ซิงเล่ยแล้ว พวกเขายังไม่ได้บอกนาง เพราะกลัวว่านางจะได้รับความกระทบกระเทือนทางใจ
แต่การปกปิดเรื่องนี้กลับนำไปสู่เหตุการณ์ในวันนี้
หากนางรู้ความจริงตั้งแต่แรก นางคงไม่ถูกหลอกให้มาที่นี่
“ฟังนะ มารดาของเจ้าน่ะ—”
“…ข้ารู้ค่ะ ว่าท่านแม่…เสียไปแล้ว”
นางเอ่ยเสียงแผ่วเบา
หลิวหยวนที่ล้มอยู่กับพื้นลืมตากว้าง จ้องมองนางด้วยความตกตะลึง
“…ท่านแม่ปกป้องข้าจากลูกธนูที่พุ่งมา ท่านแบกรับลูกศรหลายดอกไว้ที่แผ่นหลัง…”
เสียงของนางสั่นเล็กน้อย แต่ก็ยังคงพูดต่อไป
“ท่านแม่กอดข้าไว้ตอนที่เราตกจากหน้าผา… แต่ตอนนั้น ท่านก็หมดลมหายใจไปแล้ว”
“…”
“ข้าเห็นร่างของท่านแม่… ค่อย ๆ ตกลงไป ถูกหินกระแทก แล้วจมหายไปในแม่น้ำ…”
“…”
ข้อมูลที่นางเล่าตรงกับที่ท่านพี่บอกทุกประการ
ข้าถอนหายใจเบา ๆ ขณะมองน้องสาวบุญธรรมของตัวเอง—เด็กสาวที่ต้องแบกรับความเจ็บปวดมากมายเกินวัยของนาง
(ซิงเล่ย… ไม่ว่าเจ้าจะเจออะไรมาก่อน ข้าจะไม่มีวันปล่อยมือจากเจ้าเด็ดขาด)
ไม่กี่วันหลังจากตระกูลหลิวถูกโจมตี มีผู้พบศพที่บริเวณแม่น้ำตอนล่าง
ผู้ค้นพบคือทหารที่ลาดตระเวนอยู่ทางตอนเหนือ
ศพนั้นเต็มไปด้วยลูกธนูปักอยู่บนแผ่นหลัง อีกทั้งร่างยังตกกระแทกลงไปใต้หน้าผา จนอยู่ในสภาพอเนจอนาถ
ทหารจากป้อมปราการทางเหนือระบุว่าศพนั้นคือภรรยาของตระกูลหลิว
พวกเขาจึงทำพิธีฝังศพอย่างสมเกียรติ แต่เรื่องนี้ มีเพียงไม่กี่คนที่ล่วงรู้
สาเหตุที่ข่าวส่งถึงบิดาข้าล่าช้า เป็นเพราะมีกลุ่มโจรปรากฏตัวในดินแดนทางเหนือ
ทหารที่ป้อมปราการต้องรับมือกับพวกมัน จึงไม่อาจส่งสารไปได้
ดังนั้น ท่านพ่อและท่านพี่ของข้าจึงเพิ่งได้รับรู้เรื่องมารดาของซิงเล่ยเมื่อไม่นานมานี้
“ถ้าอย่างนั้น ทำไมเจ้าถึงคิดจะไปพบกับลุงของเจ้ากัน?”
“เพราะท่านลุงบอกว่า ‘ข้ารู้ที่อยู่ของมารดาเจ้า’ ข้าคิดว่าเขาต้องรู้ว่าหลุมศพนางอยู่ที่ใด ข้าเลยอยากไปเคารพศพ… และอยากไปแจ้งข่าวให้ท่านแม่ทราบ…”
ไม่รู้ตัวเลยว่าเมื่อไรที่ซิงเล่ยเริ่มสะอื้นหนัก
“ข้าอยากบอกนางว่าข้ามีครอบครัวใหม่แล้ว ข้าใช้ชีวิตกับพี่เทียนฟางอย่างมีความสุข ข้าแค่อยากจะบอกท่านแม่แบบนั้น! ดังนั้น… ดังนั้นแล้ว!!”
“พอได้แล้วล่ะ”
“ขอโทษ… ข้าขอโทษ…”
“พอเถอะ ข้าเข้าใจแล้ว ซิงเล่ย”
ข้ากอดซิงเล่ยไว้แน่น
งั้นเหรอ…
ซิงเล่ยคิดว่าลุงนางเป็นคนพบศพมารดา และเป็นผู้ฝังศพนาง
นางจึงไปพบลุงเพื่อถามหาสถานที่นั้น
เพื่อไปเคารพศพมารดา เพื่อบอกกล่าวว่าตนเองมีความสุขที่ได้อยู่กับตระกูลหวง
“…ลุงของซิงเล่ย…ไม่สิ หลิวหยวน”
“หะ…อะไรของเจ้า”
“ท่านบอกว่าจะพาซิงเล่ยไปพบท่านแม่มิใช่หรือ? หรือว่าท่านไม่รู้ว่ามารดาของนางเสียชีวิตแล้ว?”
“ชิ!”
ลุงของซิงเล่ย—หลิวหยวน ถ่มน้ำลายลงพื้น
ก่อนจะปัดชายเสื้อที่เปรอะเปื้อน แล้วลุกขึ้นยืน
ด้านหลังของเขามีชายอีกสองคนอยู่ด้วย คนของมันสินะ
คนหนึ่งถือกระบอง อีกคนถือกริช
พวกมันจับจ้องมาทางนี้อย่างระแวดระวัง
“ตอบมา ท่านจงใจล่อลวงซิงเล่ย… หรือกล่าวให้ถูกคือ หลอกตระกูลหวงอย่างนั้นหรือ?”
ข้าปกป้องซิงเล่ยไว้ข้างหลัง พร้อมจ้องเขม็งไปยังหลิวหยวน
“หลอกลวง? ท่านช่างพูดเสียให้ร้ายกันเหลือเกิน คุณชายแห่งตระกูลหวง”
หลิวหยวนปรายตามองข้าด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ก็แค่ลุงมาหาหลานสาวเท่านั้น คนอื่นอย่ามายุ่งเลยจะดีกว่า”
“ซิงเล่ยเป็นน้องสาวบุญธรรมของข้า”
“เช่นนั้นรึ ตระกูลหวงคงเก็บของดีได้สินะ”
“ของดี?”
“บางคนอาจมองว่า ผมสีเงินกับดวงตาสีแดงของนางดูน่าพรั่นพรึง แต่สำหรับบางคน มันนับเป็นของล้ำค่าอยู่เหมือนกัน พวกที่นิยมของแปลก ๆ น่ะ”
“ท่านกำลังจะบอกอะไรข้ากันแน่”
“เฮอะ”
หลิวหยวนหัวเราะ ยิ้มเยาะแล้วกล่าวเสียงแผ่วเบา
“รูปร่างหน้าตาดีขนาดนี้ แน่นอนว่านางต้องมีค่าในหลาย ๆ ด้าน”
—มันพูดอะไรออกมา!?
“ถ้าสอนให้รู้จักเอาใจบุรุษเสียหน่อย อาจได้เข้าวังหลังเป็นสนมก็ได้นะ หากซิงเล่ยให้กำเนิดบุตรของผู้สูงศักดิ์ ข้ากับตระกูลหวงก็คงได้รับอานิสงส์ไปด้วยว่าไหม? ว่าอย่างไรล่ะ ส่งตัวซิงเล่ยให้พวกข้าเถอะ ดีไหม?”
“──!?”
ข้าถึงกับหน้าชาไปหมด
บางสิ่งร้อนระอุพลุ่งพล่านขึ้นมาจากภายใน
ความเจ็บแล่นปราดขึ้นมา—ก่อนที่ข้าจะรู้ตัว ฟันของข้าก็กัดริมฝีปากจนเลือดซึมออกมาแล้ว
เมื่อครู่นี้ มันพูดว่าอะไรนะ?
“สอนให้รู้จักเอาใจบุรุษ แล้วส่งเข้าวังหลัง”?
หมายความว่า──
“…เป็นเจ้าเองงั้นหรือ…เป็นเจ้าจริง ๆ งั้นหรือ?”
“หา? เจ้าว่าอะไร──”
“เป็นเจ้าใช่ไหม──────!!”
ข้ารู้แล้ว
บุคคลที่ส่งซิงเล่ยเข้าไปในวังหลัง ในเนื้อเรื่องของ พงศาวดารตำนานจอมกระบี่ ก็คือมัน!
“สัตตเทวชักนำพลัง—พญาไก่กระโจน!!”
“──อั่ก!?”
ฝ่าเท้าของข้า กระแทกเข้าที่คางของหลิวหยวนอย่างจัง
สัตตเทวชักนำพลัง เลียนแบบท่วงท่าของสัตว์ต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือท่าทางของไก่
ท่ากระโดดเตะ จำลองมาจากการที่ไก่จิกตีกัน
แม้โดยปกติจะใช้เพื่อสุขภาพ แต่หากโดนเข้าเต็ม ๆ ก็เจ็บไม่น้อย!
“──ก๊า!? กะ…แก…!?”
“เจ้าคือศัตรูของพวกข้า! ไม่มีทางยอมให้เจ้าพาตัวซิงเล่ยไปเด็ดขาด!!”
ข้าผลักไหล่ของซิงเล่ยเบา ๆ จากทางด้านหลัง
“หนีไป ซิงเล่ย!”
“พี่คะ!?”
“พวกมันคือศัตรูของพวกเรา!!”
ตามเนื้อเรื่องของเกม ซิงเล่ยคงจะถูกพาตัวไปจากตรงนี้
จากนั้น ถูกฝึกให้เรียนรู้กลวิธีมารยา และถูกหลิวหยวนส่งเข้าวังหลัง
หากนางต้องเผชิญชะตากรรมเช่นนั้น
การที่นางกลายเป็นคนบิดเบี้ยวไป ก็ไม่น่าแปลกใจเลย
บางที อาจเป็นเพราะถูกกระทำเช่นนี้ จึงเลือกที่จะทำแบบเดียวกันกับคนอื่นก็เป็นได้
อย่ามาตลกไปหน่อยเลย!
ข้ายอมให้ใครมาทำร้ายน้องสาวของข้าไม่ได้เด็ดขาด!!
“ข้าจะถ่วงเวลาพวกมันไว้ เจ้าหนีไปที่ถนนใหญ่ให้ได้ ระหว่างทาง หากเจอขุนนางหรือใครที่ดูมีอำนาจ ข้าแนะนำให้เจ้าขอความช่วยเหลือจากพวกเขาซะ!”
“แต่พี่คะ—”
“ข้าคือพี่ชายของเจ้า! ต้องฟังคำพี่ชายเข้าใจไหม!?”
“ขะ…เข้าใจแล้วค่ะ! ท่านพี่!!”
ซิงเล่ยออกวิ่ง ถนนใหญ่ห่างจากที่นี่ไปเพียงสิบกว่านาที
ข้าจะต้องยื้อเวลาให้ได้จนกว่านางจะหนีรอด!
MANGA DISCUSSION