ข้าไม่เคยเชื่อในโชคชะตา
แต่บางครั้ง การพบพานใครบางคนก็สามารถเปลี่ยนชีวิตของคนคนหนึ่งได้
และวันนั้น นางก็ปรากฏตัวขึ้น… เด็กสาวผู้มีเรือนผมสีเงิน
“ข้าตัดสินใจรับลูกของสหายเข้ามาเลี้ยงดูน่ะ”
ท่านพ่อของข้ากล่าวขึ้น พร้อมกับพาเด็กสาวนางหนึ่งเข้ามาในเรือน มันเป็นบ่ายของต้นฤดูใบไม้ผลิ
ข้าอาศัยอยู่ ณ ดินแดนทางเหนือของแผ่นดินใหญ่ ใต้การปกครองของแคว้นหลานเหอ
ท่านพ่อของข้าคือหนึ่งในแม่ทัพแห่งแคว้นนี้
“เด็กคนนี้เป็นลูกของสกุลหลิวซึ่งเพิ่งสิ้นใจไปเมื่อไม่กี่วันก่อน นางไร้ญาติขาดมิตร ข้าจึงรับมาดูแล อายุสิบสามปี อ่อนกว่าเจ้าหนึ่งปีนะ เทียนฟาง”
คนที่กล่าวเช่นนั้นก็คือพ่อของข้า – หวง เทียนฟาง
เขากล่าวพลางลูบเครายาวของตน เสียงดังกังวานไปทั่วเรือน
ที่ยืนอยู่เบื้องหลังท่านพ่อคือเด็กสาวผมเงิน นางตัวสั่นราวกับหวาดกลัวเสียงอันดังก้องของเขา
นางเป็นคนแปลกหน้า…
แต่ไฉนข้ากลับรู้สึกเหมือนเคยพบนางที่ไหนมาก่อน
…เป็นไปไม่ได้
เด็กสาวผู้มีเรือนผมสีเงินกับดวงตาสีแดงเรื่อ นางสะดุดตาถึงเพียงนี้ หากข้าเคยพบมาก่อนหน้า คงไม่มีทางลืมลงได้
ทั้งที่ควรเป็นการพบกันครั้งแรกแท้ ๆ…
“เป็นอะไรไป เทียนฟาง? ยังไม่คิดจะทักทายครอบครัวใหม่ของเจ้าหรือ?”
“อะ…ขอรับ ท่านพ่อ”
ข้ารีบตั้งท่าตรง ก่อนจะโค้งคำนับ
“ข้าหวง เทียนฟาง บุตรชายคนรองของสกุลหวง ในเมื่อท่านพ่อเป็นผู้ตัดสินใจ เช่นนั้นนับแต่นี้ไป เจ้าย่อมเป็นครอบครัวของข้า… ขอฝากตัวด้วย เอ่อ…?”
“…ข้า…”
เด็กสาวก้มหน้าลง พึมพำเสียงเบาเสียจนจับความไม่ได้
ข้าหันไปสบตากับท่านพ่อ และเขาก็ตอบกลับมาว่า—
“เด็กคนนี้มีนามว่า หลิว ซิงเล่ย”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ข้าหมุนตัวกลับไปทางเด็กสาว ก่อนจะค้อมกายแสดงคารวะ
“ยินดีที่ได้รู้จัก ซิงเล่ย”
“…”
เด็กสาวเงียบงัน นางอยู่ในชุดสีน้ำเงินเข้ม ท่าทีขลาดกลัวและไม่กล้าสบตาใคร
นางเป็นเด็กสาวที่งดงามยิ่ง แม้อายุอ่อนกว่าข้าเล็กน้อย แต่เมื่อแสงอาทิตย์ลอดผ่านหน้าต่างกระทบเรือนผม นางดูราวกับมีรัศมีสว่างไสว
และในขณะเดียวกัน นางก็จ้องมองข้าด้วยนัยน์ตาสีแดงเรื่อคู่นั้น
พ่อของข้าเป็นหนึ่งในแม่ทัพผู้ปกป้องแคว้น เขาได้รับความไว้วางใจจากใต้หล้า แม้จะมีรูปลักษณ์น่าเกรงขาม เสียงดังก้องกังวาน ทว่าภายในกลับอ่อนโยน
อาจเป็นด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจรับบุตรของสหายมาเลี้ยงดู
“…หลิว…ซิงเล่ย”
หลังจากเงียบงันไปครู่หนึ่ง เด็กสาวก็กระซิบตอบกลับมา เบื้องหลังร่างของพ่อข้า
…แน่นอนว่านางต้องรู้สึกหวาดหวั่น
บ้านหลังนี้ไม่ใช่สถานที่ที่นางคุ้นเคย นางเพิ่งสูญเสียครอบครัวและต้องมาอาศัยอยู่กับคนแปลกหน้า ข้าก็ไม่อาจเข้าใจความรู้สึกของนางได้ทั้งหมด
แต่ข้าหวังว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้
“เอ่อ…คือว่า”
เด็กสาวรวบรวมความกล้า ก่อนจะก้าวออกมาเล็กน้อย
จากนั้นนางโค้งตัวลงอย่างลึก
“ข้าจะพยายามไม่สร้างปัญหา ขอฝากตัวด้วย”
“เช่นกัน ยินดีต้อนรับ”
“…ขอบคุณ…”
ซิงเล่ยผ่อนลมหายใจออกมา ดูเหมือนจะรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง แต่สีหน้าของนางยังคงตึงเครียด
นางพยายามฝืนยิ้ม ก่อนจะก้มหน้าลงอีกครั้ง และสุดท้ายก็หลบไปอยู่ด้านหลังพ่อของข้าเช่นเดิม
ข้ามองเด็กสาวพลางคิดในใจ
เมื่อโตขึ้น… นางคงกลายเป็นหญิงงามที่สะกดสายตาผู้คนได้แน่
แต่สิ่งที่ทำให้ข้าฉุกคิดก็คือ… นางเหมือนไม่ชินกับการยิ้มเลย
…หญิงงามที่ไม่เคยยิ้มงั้นหรือ?
ข้ารู้สึกเหมือนเคยเห็นใครบางคนที่คล้ายคลึงกันมาก่อน
ในอดีต… อดีตอันแสนห่างไกล…
หญิงสาวผู้มีเรือนผมสีเงินกับดวงตาสีแดงเรื่อ… และรอยยิ้มที่ไม่มีวันปรากฏขึ้น
“หญิงงามล่มเมือง…”
— ภาพในจิตใจของข้าสั่นไหว
— อาการปวดศีรษะแล่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“เป็นอะไรไป เทียนฟาง?”
“ไม่…ไม่เป็นไรขอรับ”
ข้าไม่อาจแสดงความอ่อนแอให้ท่านพ่อเห็นได้
ในฐานะลูกชายคนที่สองของสกุลหวง ข้าต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
นอกจากนี้ ข้าต้องไม่ทำให้ซิงเล่ยรู้สึกไม่สบายใจ
นางจะอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะสมาชิกในครอบครัว
หากข้าแสดงพฤติกรรมแปลก ๆ นางก็อาจเกิดความกังวลได้
ตอนนี้ซิงเล่ยอาจรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ข้าคิดว่านางจะคุ้นชินกับการอยู่ที่นี่เป็นบ้านได้อย่างรวดเร็วแน่
ครอบครัวของเราเป็นชนชั้นสูงก็จริงแต่เราก็ไม่ได้มีฐานะโดดเด่นเป็นพิเศษ
ท่านพ่อของข้าเป็นคนเป็นมิตร และท่านแม่ของข้าก็ใจดี พี่ชายของข้าอาจจะจริงจังเกินไปหน่อย แต่ข้าก็คิดว่าเขาใจดี
ข้าคิดว่าซิงเล่ยจะสามารถอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ได้อย่างสงบสุข
–นั่นไม่จริง.
“หวง เทียนฟาง และ หลิว ซิงเล่ย… ต่างมีชะตาที่ถูกลิขิตไว้แล้ว”
…เอาอีกแล้ว
อาการปวดหัวนี้มันคืออะไร?
ความทรงจำแปลก ๆ เกิดขึ้นจากส่วนลึก
“หลิว ซิงเล่ย… คือหญิงงามล่มเมือง”
“นางใช้ความงามทำให้ราชันมัวเมา พาแคว้นดำดิ่งสู่ความพินาศ”
“และข้า… หวง เทียนฟาง…”
“คือมหาวายร้ายแห่งใต้หล้า ผู้จะนำพาหายนะสู่แคว้นหลานเหอ”
“…เฮ้ เทียนฟาง หน้าเจ้าดูซีด ๆ จังนะ”
เมื่อข้าสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ท่านพ่อก็กำลังมองหน้าข้าอยู่
ข้ามือสั่นด้วยความตื่นตระหนก
“ไม่เป็นไรขอรับ ข้าสบายดี”
“เอาล่ะ ยังไงก็ตาม อย่าลืมว่าเจ้าต้องเข้ากับซิงเล่ยให้ได้ดีด้วยล่ะ”
“ขอรับท่านพ่อ”
ข้าจะทำมันให้ดีที่สุด และประสานมือคำนับท่าน
ซิงเล่น…กำลังมองข้าด้วยสีหน้าเป็นกังวล
จากนั้นพ่อกับซิงเล่ยก็มุ่งหน้าไปที่ห้องของท่านแม่
เมื่อข้ากลับมาที่ห้อง สิ่งต่อไปที่ข้ารับรู้ก็คือข้าล้มตัวลงบนเตียง
ร่างกายของข้าเคลื่อนไหวไม่เป็นปกติ
ข้ารู้สึกเหมือนกำลังจะจำอะไรบางอย่างที่สำคัญได้
สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากที่จะกำหนดอนาคตของข้าได้
นั่นคือ──
“ที่นี่มัน… โลกของเกม ‘พงศาวดารตำนานจอมกระบี่’ (History of Swordmaster) นี่นา!?”
ข้ากระเด้งลุกขึ้นนั่ง แล้วเอ่ยถ้อยคำเช่นนั้นออกมาโดยไม่รู้ตัว
『พงศาวดารตำนานจอมกระบี่ (History of Swordmaster: HOS)』 คือเกมแนววางแผนการรบที่มีฉากหลังเป็นโลกสไตล์จีนโบราณ
เวทีของเกมคือแผ่นดินอันกว้างใหญ่ ซึ่งถูกปกครองโดยมหาอาณาจักรแห่งหนึ่ง—อาณาจักรหลานเหอ—และกลุ่มอำนาจรอบข้าง
—มหาอาณาจักรหลานเหอ ผู้ครอบครองดินแดนเกือบทั้งทวีป
—ทว่าด้วยราชันผู้โง่เขลาและเสนาบดีผู้ชั่ว “หวงเทียนฟาง” ฟ้าดินจึงปลดเปลื้องราชวงศ์นี้ออกจากบัญชาสวรรค์
—เหล่าวีรบุรุษทั้งหลาย จงลุกขึ้นเถิด!
—จงสังหารเสนาบดีชั่ว และสถาปนาราชวงศ์ใหม่ให้กำเนิดขึ้นมาแทนที่!
นี่คือคำโปรยของเกม
เป้าหมายของผู้เล่นคือ รวบรวมสหาย สั่งสมกำลังพล และยกทัพบุกจู่โจมหัวเมืองหลวงของอาณาจักรหลานเหอ
จุดสูงสุดของภารกิจคือ พิชิตมหาวายร้าย หวงเทียนฟาง ผู้กบดานอยู่ในวังหลวง
เมื่ออาณาจักรหลานเหอได้ราชันผู้โง่เขลาขึ้นครองราชย์ บ้านเมืองจึงเริ่มเสื่อมถอย
ต้นตอของหายนะนี้คือ “หลิ่วซิงเล่ย” นางสนมเอกแห่งวังหลัง
ราชันพระองค์ใหม่ลุ่มหลงในโฉมสะคราญของนาง จนละทิ้งภารกิจบริหารแผ่นดิน
ขณะที่มหาเสนาบดี “หวงเทียนฟาง” ก็ฉกฉวยโอกาส ใช้อำนาจของราชินีที่เป็นพระขนิษฐาเป็นบันไดสู่บัลลังก์แห่งอำนาจ
ด้วยเหตุนี้ แผ่นดินจึงระส่ำระส่าย
ไป่หู่แห่งทิศเหนือฉวยโอกาสกรีธาทัพรุกราน ขณะเดียวกัน การก่อกบฏก็ปะทุขึ้นทั่วสารทิศ
และ ณ จุดนั้นเอง ที่วีรบุรุษของเรื่องราวจะปรากฏตัวขึ้น—เพื่อปลดปล่อยประชาชนจากขุมนรก
นั่นคือจุดเริ่มต้นของ 『พงศาวดารตำนานจอมกระบี่』
ผู้เล่นต้องท่องไปทั่วแผ่นดิน แสวงหาสหาย จัดหาอาวุธ ชุดเกราะ และตำรายุทธ์กระบี่
เพื่อฝึกฝนตนเองและเหล่าพันธมิตรให้แข็งแกร่งขึ้น
จุดหมายปลายทางสูงสุดคือ พิชิตนครหลวงและกำจัดมหาวายร้าย หวงเทียนฟาง
『พงศาวดารตำนานจอมกระบี่』เป็นเกมที่ได้รับความนิยมสูงมาก
ข้าก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ติดพันกับมันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
แม้ตัวเกมจะมีระดับความยากที่ท้าทาย แต่กลับให้ความสนุกอย่างหาที่สุดมิได้
ความเพลิดเพลินจากการฝึกฝนตัวละครที่ชื่นชอบ และออกเดินทางข้ามแผ่นดิน ทำให้ข้าเล่นเพลินจนลืมเวลา
เมื่อเชี่ยวชาญมากขึ้น ข้าก็เริ่มทดลองใช้กลยุทธ์ใหม่ ๆ
เช่น ขยายอิทธิพลด้วยตัวละครที่อ่อนแอ หรือ แข่งทำสถิติพิชิตเกมให้เร็วที่สุด
ข้ามักครุ่นคิดเสมอว่า ควรฟื้นฟูอาณาจักรหลานเหอ หรือปล่อยให้มันพินาศและสถาปนาราชวงศ์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ดี?
ข้าคิดแต่เรื่องนี้มาตลอด…
และบัดนี้ ข้าจดจำมันได้ทั้งหมดแล้ว
หลังจากพบกับ ซิงเล่ย ความทรงจำในชาติที่แล้วของข้าก็เริ่มกลับคืนมา
ในเกม มีอีเวนต์มากมายที่เกี่ยวข้องกับ “หลิ่วซิงเล่ย”
สตรีผู้มีเรือนผมสีเงิน และดวงตาสีชาด
นางชักใยราชันและสั่งประหารผู้ที่ขัดขืน
ใช่แล้ว…
สตรีที่เติบโตขึ้นเป็น “หลิ่วซิงเล่ย” นั้น แท้จริงแล้วคือตัวตนในวัยเยาว์ของซิงเล่ยผู้นี้
แต่หากที่นี่คือโลกของเกมจริง…
นั่นย่อมหมายความว่า ข้าได้ “เกิดใหม่” ในโลกนี้
ข้า/เราเคยใช้ชีวิตในญี่ปุ่น
เรื่องนั้นข้า/เรายังจำได้ชัดเจน
…แต่ข้า/เราตายไปเมื่อใดกัน?
พ่อแม่ผู้ที่ทอดทิ้งเราไว้ ไม่เคยกลับมาหาเราอีก
เมื่อรู้ว่าตัวเองไร้หนทางศึกษาต่อ เราก็หนีออกจากบ้าน…
แล้วจากนั้น…
จากนั้น…?
ข้าจำไม่ได้…
แต่ช่างเถิด เรื่องในชาติก่อนหาใช่ปัญหาสำคัญไม่
ปัญหาที่แท้จริงคือ สถานการณ์ของข้าในตอนนี้
ข้าต้องประเมินมันให้ถี่ถ้วน
ในชาตินี้ ข้ามีนามว่า หวงเทียนฟาง
เป็นบุตรชายคนรองของ “หวงอิ๋งเซิน” แม่ทัพแห่งอาณาจักรหลานเหอ
ข้ามีอายุสิบสี่ปี
พำนักอยู่ในเมือง “เป่ยหลิน” ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของนครหลวง
…ไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ ทั้งสิ้น
ข้าได้ถือกำเนิดเป็น มหาวายร้ายอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า ผู้เป็นจุดหมายปลายทางของคมกระบี่ทั้งปวง
—หวงเทียนฟาง
ข้ารู้จักมันดี…
เหล่าวีรบุรุษแห่งเกมล้วนเคยเอ่ยถึงมันว่า—
“หวงเทียนฟาง! เจ้าขุนนางโฉดแห่งวังหลวง! รู้หรือไม่ว่าผู้คนต้องทนทุกข์เพราะอำนาจของเจ้ามากเพียงใด!?”
“จงรวมพล! บัดนี้บัญชาสวรรค์ตกอยู่ในมือพวกเราแล้ว! ถึงเวลาพิพากษาคนทรยศ หวงเทียนฟาง! จงฟาดฟันมันเสียให้สิ้น!”
“น้องสาวของเจ้า หลิ่วซิงเล่ย ได้จบชีวิตลงพร้อมราชันแห่งหลานเหอแล้ว! เจ้าคนทรยศ ยังคิดกระเสือกกระสนหนีความตายอีกหรือ!?”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!”
ข้ากลิ้งตัวไปบนเตียง
เสียงกรีดร้องถูกอุดกลั้นด้วยผ้าห่มที่บดบังใบหน้า
แย่แล้ว! แย่จริง ๆ!
หากปล่อยไว้เช่นนี้ ข้าจะต้อง จบชีวิตลงในฐานะมหาวายร้ายแห่งใต้หล้าเป็นแน่!
ในเกม ซิงเล่ยกลายเป็นพระมเหสี
ขณะที่ข้า—หวงเทียนฟาง—เรืองอำนาจในฐานะพี่ชายของนาง
ข้าใช้อำนาจตามอำเภอใจ
โปรดเกล้าแต่งตั้งขุนนางโดยไม่สนใจคุณธรรม
บัญชาการกองทัพตามอำเภอใจ
และบุกโจมตีเมืองกับหมู่บ้านที่ขัดขืน
ความอหังการของข้า นำพาความหวาดกลัวมาสู่ทั่วทั้งแผ่นดิน
ในขณะเดียวกัน
ซิงเล่ยใช้ความงามและกลอุบาย ชักจูงราชันให้ลุ่มหลงจนหมดสิ้น
เสียงก่นด่าของประชาชนมิอาจเข้าถึงนางได้
กลับกัน นางยังหลงใหลในภาพแห่งความทุกข์ระทมของผู้คนเสียอีก
ในที่สุด หวงเทียนฟางก็เริ่มใช้กำลัง กดขี่ข่มเหงผู้ที่คิดต่อต้าน
จนสุดท้าย อาณาจักรหลานเหอจึงถึงคราวล่มสลาย
ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวในช่วงต้นของ 『พงศาวดารตำนานจอมกระบี่』
เมื่อเสียงประกาศก้องว่า
“จงสังหารมหาวายร้าย หวงเทียนฟาง!”
เหล่าวีรบุรุษต่างรวมตัวกัน ขยายอำนาจ และท้ายที่สุดก็เคลื่อนทัพเข้าสู่เมืองหลวง เป่ย์หลิน
…แล้วจากนั้นล่ะ?
เท่าที่จำได้ เกมนี้มีฉากจบอยู่สามแบบ
หากวีรบุรุษสามารถพิชิตเป่ยหลินและจับตัวกษัตริย์แห่งแคว้นหลานเหอได้—
> “กษัตริย์หลานเหอและหลิวซิงเล่ยถูกวีรบุรุษสังหาร
หวงเทียนฟางถูกจับ และถูกประหารด้วยโทษฉีกแขนขาด้วยวัวกลางเมือง”
หากเมืองหลวงไม่แตก แต่กองทัพของกษัตริย์หลานเหอถูกปราบ—
> “กษัตริย์หลานเหอปลิดชีพตนเอง แต่นางงามผู้ล่มแคว้น ‘ซิงเล่ย’ กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”
“มหาคนชั่ว หวงเทียนฟาง ถูกแขวนคอ ณ ทางหลวง”
“ประชาชนขว้างปาก้อนหินใส่ซากศพ พร้อมรับรู้ถึงการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย”
…และหากวีรบุรุษพ่ายแพ้?
> “ชนเผ่าทางเหนือบุกเข้าสู่แคว้นหลานเหอ”
“ประชาชนต่างหวาดหวั่นถึงมหันตภัยครั้งใหม่”
“กษัตริย์หลานเหอและซิงเล่ยถูกกวาดต้อนขึ้นเหนือ”
“ณ ริมทางหลวง ศพของหวงเทียนฟางถูกล้อเกวียนบดขยี้”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!?”
จำได้แล้ว! จำได้ครบทุกฉากแล้ว!
หวงเทียนฟางต้องตาย
…แถมยังตายในแบบโหดร้ายสุดขั้วถึงสามแบบ
ถูกฉีกแขนขาด้วยวัว
ถูกแขวนคอและขว้างปาหินใส่
ถูกรถม้าทับจนแหลกเละ
ไม่สิ…มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่
ตระกูลหวงไม่เคยสนใจอำนาจ
พ่อข้าไม่มีทางยกบุตรีของสหายรักให้เข้าวังหลังแน่
พ่อข้าแม้จะมีหน้าตาและเสียงที่น่าหวาดหวั่น เคราหนาปกคลุมทั่วใบหน้า จนเด็ก ๆ ต่างร้องไห้เมื่อพบเจอในยามค่ำคืน
แม้ในสนามรบจะดุดันดั่งอสูรกาย แต่เขามิใช่คนโหดร้าย
จะให้เขาส่งตัวซิงเล่ยเข้าวังหลังงั้นหรือ? ไม่มีทาง!
พี่ชายข้า หวงไห่เหลียง อายุสิบแปด มากกว่าข้าสามปี
เขานับถือท่านพ่อเป็นแบบอย่าง มุ่งมั่นฝึกฝนเพื่อเป็นทายาทผู้สืบทอด
เขาเป็นคนจริงจัง ไม่มีทางมองซิงเล่ยเป็นตัวขวางทาง
แม่ข้า หวงอวี้ซื่อ ผู้มีใจอารี ก็ไม่มีทางทำเช่นนั้นเช่นกัน
เช่นนั้นแล้ว…เป็นข้าเองหรือ?
ข้าจะเติบโตขึ้นเป็นคนต่ำช้า กระทั่งใช้ซิงเล่ยเป็นเครื่องมือก้าวขึ้นสู่อำนาจงั้นหรือ?
หรือว่า— มีบางสิ่งเกิดขึ้นจนข้าต้องทำเช่นนั้น?
“…แย่แล้ว ถ้าปล่อยไปแบบนี้ ข้าต้องถูกฆ่าแน่!”
จะต้องหาทางป้องกันไม่ให้ซิงเล่ยเข้าสู่วังหลังให้ได้!
ขีดจำกัดของเวลาคือ…วันที่กษัตริย์หลานเหอองค์ปัจจุบันสิ้นพระชนม์ และองค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์
และเมื่อนั้น ซิงเล่ยก็ได้กลายเป็นสนมเสียแล้ว
องค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์ตอนอายุยี่สิบแปด
ปัจจุบันเขามีอายุสิบแปด นั่นหมายความว่า—
ตอนนี้คือสิบปีก่อนเริ่มเกม!
สิบปีนี้จะตัดสินโชคชะตาของข้า!
ข้าต้องปกป้องซิงเล่ย!
แม้เคราะห์ร้ายจะนำพาให้นางเข้าสู่วังหลัง
ข้าก็ต้องทำให้นางเติบโตขึ้นโดยไม่บิดเบี้ยวไปเป็นปีศาจแพศยา!
เพื่อสิ่งนั้น—
“ดีล่ะ ข้าจะทะนุถนอมซิงเล่ยให้ถึงที่สุด”
นางเพิ่งสูญเสียครอบครัว
บางที นั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้นางเปลี่ยนไป
ข้าจะปกป้องนาง จะเลี้ยงดูให้นางเติบโตเป็นคนดี ไม่โหดร้าย ไม่ไร้หัวใจ!
และที่สำคัญ—
ข้าต้องหาทางหนี!
หวงเทียนฟางในเกมคือ ตัวละครที่อ่อนแอที่สุด
เขาจะได้ต่อสู้เพียงครั้งเดียว—ในการต่อสู้สุดท้าย
เขากล่าวคำพูดท้าทายอย่างองอาจ ก่อนจะเข้าปะทะอย่างบ้าระห่ำ
แน่นอนว่า ในฐานะตัวละครระดับต่ำสุดของเกม…
การโจมตีของเขาพลาดเป้า แล้วถูกวีรบุรุษตอบโต้จนร่วงภายในหนึ่งกระบวนท่า
จากนั้น เกมก็เข้าสู่ฉากจบทันที
เขาอ่อนแอเพราะเขาไม่มี พลังภายใน
ในโลกของ พงศาวดารตำนานจอมกระบี่
พลังภายในคือสิ่งสำคัญที่สุดในการต่อสู้
อีกทั้งยังมีเรื่อง คุณสมบัติธาตุ
ซึ่งแบ่งออกเป็น ไม้ ไฟ ดิน ทอง น้ำ แต่ละธาตุมีอิทธิพลต่อกันและกัน
รวมถึงเป็นตัวกำหนดว่าใครสามารถใช้กระบวนท่าใดได้
แต่หวงเทียนฟาง… ไม่มีคุณสมบัติธาตุใดเลย
และที่สำคัญ— ข้าไม่มีพลังภายใน!
ข้าถูกฝึกมาตั้งแต่เล็ก แต่แม้จะตรวจซ้ำแล้วซ้ำเล่าข้าก็ยังไม่มีพลังภายใน
ข้าเป็นบุตรของแม่ทัพ แต่กลับไร้ซึ่งพลังที่จำเป็นที่สุดในใต้หล้านี้!
ตลอดสิบสี่ปีที่ผ่านมา ข้าต้องทนฟังคำดูแคลนจากเหล่าทหารของท่านพ่อ
“ต่อให้เป็นบุตรคนรองของตระกูลหวง หากไร้พลังภายใน ก็ไม่มีวันเป็นยอดคนได้”
บางที… นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้หวงเทียนฟางในเกมกลายเป็นคนชั่วก็ได้?
ไม่! ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้มันเป็นเช่นนั้น!
ข้าต้องมีพลังภายในให้ได้!
ในเกมมีไอเทมชื่อ คัมภีร์วิชายุทธ์ อยู่
หากได้มาแล้วจะสามารถเพิ่มพลังภายในและความสามารถอื่น ๆ ได้
ข้าจะต้องหามันมาให้ได้
จากนั้นก็เรียนรู้ วิชาหนีเอาตัวรอด
“ดีล่ะ แผนของข้าถูกกำหนดแล้ว”
1. ปกป้องซิงเล่ยให้ถึงที่สุด
2. ค้นหาคัมภีร์วิชายุทธ์เพื่อเพิ่มพลังภายใน
3. ฝึกฝนวิชาหนีเพื่อเอาตัวรอด
หากทำได้สำเร็จ ข้าจะสามารถหลีกเลี่ยงฉากจบอันโหดร้ายของหวงเทียนฟางได้แน่!
ข้าจะไม่มีวันเป็นมหาวายร้าย!
และข้าจะไม่มีวันตายอย่างอเนจอนาถ!
ข้าจะมีชีวิตรอด แม้จะต้องละทิ้งอำนาจไปเป็นขุนนางท้องถิ่นก็ยอม!
ข้าจะไม่พ่ายต่อโชคชะตา!
นี่คือชีวิตที่สองของข้า และข้าจะต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้!
ข้ากำหมัดแน่น และตั้งปณิธานกับตนเองในใจเช่นนั้น—
___________________________________
ลองแปลเรื่องนี้ดูครับ เป็นโนเวลยุ่นก็จริง แต่เซตติ้งเป็นจีนเลยเขียนแบบจีนๆหน่อย ซึ่งก็ถือว่าเป็นการแปลโดยใช้สำนวนแบบจีนครั้งแรกเลย ใครที่อ่านแนวจีนๆมาเยอะ หรือมีคำแนะนำการแปลดีๆก็แนะนำกันมาได้นะครับ!
MANGA DISCUSSION