การโจมตีของมอนสเตอร์จบลงอย่างปลอดภัย ขบวนรถม้าก็เริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง มุ่งหน้าสู่ “นครเวทมนตร์ มานาลาร์ค”
“ขอโทษนะ…เหมือนฉันโยนภาระทั้งหมดให้โพเมร่าเลย”
ฉันกล่าวพลางก้มศีรษะให้โพเมร่าในรถม้า
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ…หรือจะว่าไป มันก็อาจจะไม่เป็นไรก็ได้นะคะ…มั้ง…”
โพเมร่าทำหน้าไม่สบายใจนัก
…เธอคนนี้เพิ่งกลายเป็น “วีรสตรีแห่งอาร์โลเบิร์ก” จากการรักษาชาวเมืองและสลายขอบเขตเวทมนตร์ของโนตส์ แถมยังถูกเข้าใจว่าเป็นจอมอัญเชิญที่ควบคุมวิญญาณมังกรโบราณได้อีก
แน่นอนว่าคงมีหลายอย่างที่เธอคิดไม่ตก — และทุกอย่างนั้นก็คือสิ่งที่ฉัน “โยนให้” ตามน้ำไปเสียทั้งนั้น
“คือว่า…ฟิเลียจังเธอเป็นใครกันแน่เหรอคะ…?”
โพเมร่าเอ่ยถามด้วยแววตากังวล มองไปยังฟิเลีย
ก็คงถึงเวลาที่ต้องเล่าให้เธอฟังจริงๆ แล้ว
ยังไงพวกเราก็เดินทางร่วมกันต่อไปอีกนาน คงปิดไว้ตลอดไม่ได้
ฉันส่งสายตาไปยังฟิเลียเพื่อขอความเห็น
อยากแน่ใจว่าเธออนุญาตก่อนจะเปิดเผยตัวตน
ฟิเลียในตอนนั้นกำลังเอนตัวออกไปทางหน้าต่างรถม้า แหวกผ้าม่านอย่างร่าเริงและจ้องมองวิวภายนอก
เมื่อเห็นฉันมองไป เธอก็หันหน้ากลับมายิ้มกว้างให้
…น่ารักก็จริง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาหลุดโฟกัสแบบนั้นนะ
“ฟิเลียจัง…ฉันจะบอกโพเมร่าเกี่ยวกับตัวฟิเลียนะ ได้มั้ย?”
เมื่อฉันถาม เธอก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบเฉย
ดูเหมือนจะลังเลอยู่
ฉันไม่รู้ว่าเธอยังจำเรื่องในอดีตสมัยเป็น “เทพอสูรโซโรฟิเลีย” เมื่อห้าพันปีก่อนได้มากแค่ไหน
แต่อดีตของเธอนั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรให้คนอื่นพูดแทนแบบลอยๆ แน่นอน
ฟิเลียยิ้มอีกครั้ง แล้วค่อยๆ คลานมานั่งบนตักของฉัน
“ฟิเลียจัง?”
เธอเงยหน้าขึ้นมองฉัน
“ฟิเลียไม่เข้าใจเรื่องยากๆ เพราะงั้น…ทุกอย่างที่เป็นฟิเลีย ฟิเลียจะยกให้คานาตะเป็นคนจัดการเลย~!”
เธอยิ้มตาหยีแล้วพูดอย่างสดใส
…ดูเหมือนเมื่อครู่นี้ที่เธอนิ่งคิดไป อาจจะเป็นเพราะตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน
บรรพบุรุษของโนตส์ใส่คำสาปหนักหน่วงลงไปในตัวฟิเลีย แถมยังโดนผนึกไว้นานเกินไป
เธออาจจะหลงลืมหรืองุนงงในสิ่งที่ตัวเองเคยเป็นก็ได้
หรืออาจจะแค่…เลือกที่จะไม่จำ เพราะสิ่งที่เคยเกิดขึ้นนั้นเจ็บเกินไป
ในฐานะคนที่ “อุ้ม” เธอไว้แบบนี้ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรรับมืออย่างไรถึงจะถูก
แต่การที่เธอบอกว่า “ฝากไว้ที่ฉัน” ก็คงเป็นเพราะเธอเชื่อใจฉันมากพอ
“ฟิเลียจัง…”
ฉันเรียกเบาๆ เธอก็โน้มตัวลงมาเอนศีรษะพิงกับตัวฉัน
เปลือกตาเธอปิดลง พลางส่งเสียงหายใจเบาๆ อย่างมีความสุข
น่าจะเหนื่อยจากการตื่นเต้นเมื่อกี้ เลยเผลอหลับไป
…บางที ฉันอาจจะคิดมากเกินไปเองก็ได้
“เธอคือมนุษย์จากอดีต ที่โนตส์เป็นคนปลดผนึกออกมาน่ะ”
“หะ…หา?”
โพเมร่าถึงกับเบิกตากว้าง
“ดูเหมือนว่าโนตส์จะวางแผนล้มล้างอาณาจักรโดยใช้ฟิเลียจังน่ะ ตอนแรกฉันก็ไม่คิดว่าเธอจะมีพลังขนาดนั้น…แต่พอได้สู้กัน ฉันนี่ถึงกับเหงื่อซึมเลย”
ไม่คิดเลยว่าจะต้องต่อสู้กับร่างจำลองของตัวเองถึงสี่คน
โพเมร่าอ้าปากพะงาบๆ เหมือนพูดไม่ออก
“โพเมร่า?”
“แค่สามารถบีบให้คานาตะซังจนมุมได้ก็…ไม่ใช่คนธรรมดาแล้วนะคะ…!”
“นี่เธอคิดว่าฉันเป็นตัวอะไรน่ะ?”
โพเมร่าตกใจ รีบยกมือขึ้นปิดปาก
“แต่ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ฟิเลียจังไม่มีเจตนาจะต่อสู้แล้ว คำสาปที่ใช้ควบคุมเธอก็ปลดออกหมดแล้วด้วย”
“อ-อืม…แต่ว่า…จ-จริงๆ แล้ว…แบบนี้มันจะ…ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ…?”
โพเมร่าถามอย่างไม่มั่นใจสุดๆ
ฉันเข้าใจเธอนะ
แม้ฉันเองก็เคยลังเล แต่พอได้อยู่กับฟิเลียในตอนนี้ จะให้ฆ่าทิ้งหรือปล่อยทิ้งไว้ก็ทำไม่ได้
พอเป็นแบบนั้น ทางเลือกก็มีแค่—พาเธอไปด้วย
“ฟี้~…”
ขณะที่ฉันคิดอยู่ ฟิเลียก็ส่งเสียงละเมอเบาๆ พลางเอนหัวบนตักฉันอีกนิด
เธอยิ้มบางๆ ขณะหลับใหล สีหน้าอิ่มเอม
โพเมร่าเห็นเข้า สีหน้าที่ตึงเครียดอยู่ก่อนหน้าก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง
…แล้วเธอก็ยิ้มตามออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ฉันเข้าใจว่าเธอรู้สึกกังวลนะ…แต่ฉันก็ไม่สามารถทิ้งฟิเลียจังไว้ได้เหมือนกัน”
“นั่นสินะคะ…”
โพเมร่าพยักหน้าเบาๆ
หลังจากนั้น รถม้าก็เดินทางต่อไปโดยไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายใดๆ
ในวันที่ห้าหลังออกเดินทาง พวกเราก็มองเห็นนครแห่งหนึ่งที่ล้อมรอบด้วยกำแพงสูง
ปลายยอดหลังคาทรงแหลมโผล่พ้นกำแพงขึ้นมา
“นั่นคือ…มานาลาร์คสินะ เมืองแห่งเวทมนตร์”
“ดูเหมือนจะใช่ค่ะ ถึงจะไม่ได้ห่างจากอาร์โลเบิร์กมากนัก แต่โพเมร่าเองก็เพิ่งเคยมาครั้งแรกเช่นกัน ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องหอสมุดเวทมนตร์และศูนย์วิจัยเวทแปรธาตุที่ดีที่สุดในอาณาจักรเลยค่ะ”
“แบบนี้…ลูนาเอลคงดีใจแย่เลย ถ้าได้มาเยือนที่นี่…”
ฉันเผลอพึมพำออกมาเบาๆ
ลูนาเอลมีมลทินจากยมโลกติดตัวอยู่ จึงไม่อาจมาที่นี่ได้ในความเป็นจริง
แต่ถ้าให้เดา เธอคงสนใจคัมภีร์เวทมนตร์หรือผลงานวิจัยสมัยใหม่ไม่แพ้ใคร
จากแค่ยอดหลังคาที่เห็นข้ามกำแพง ก็ดูเหมือนเมืองนี้จะงดงามมากทีเดียว
หากเป็นไปได้—อยากจะพาเธอมาเยี่ยมด้วยกันสักครั้ง
“คานาตะซัง…?”
เสียงของโพเมร่าทำให้ฉันได้สติกลับคืน
“อะ ขอโทษที พอดีเผลอคิดอะไรเพลินไปนิด ฟังไม่ทันน่ะ”
“ไม่หรอกค่ะ…คือว่า ลูนาเอลซัง—เธอเป็นอาจารย์เวทของคุณใช่มั้ยคะ?”
โพเมร่าถามอย่างคลางแคลงใจ
“ใช่ ถึงจะไม่ใช่แค่เวทมนตร์ แต่ศาสตร์การต่อสู้ทั้งหมดของฉันก็ได้มาจากเธอเลยล่ะ”
โพเมร่าดูเหมือนจะให้ความสนใจลูนาเอลเป็นพิเศษ
หรือคิดว่าฉันแต่งเรื่องขึ้นเอง?
“ทำไมเหรอ?”
“เปล่าค่ะ…แค่เวลาคุณพูดถึงลูนาเอลซัง…คือ…มันรู้สึกได้ว่าคุณ ‘อิน’ เป็นพิเศษน่ะค่ะ…”
“ก็เธอเป็นคนช่วยชีวิตฉันไว้นี่”
ไม่รู้ว่าอะไรที่ติดใจโพเมร่าอยู่
“จากชื่อ…ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงใช่มั้ยคะ แล้ว…ลูนาเอลซัง อายุประมาณเท่าไรเหรอคะ?”
“…แปดสิบ…น่ะ”
เผลอจะพูดว่า “พันนิดๆ” ออกไปแล้ว โชคดีที่ห้ามปากทัน
ถ้าหลุดว่าลูนาเอลเป็นลิชเข้า จะกลายเป็นเรื่องใหญ่
ถึงจะไว้ใจโพเมร่า แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรพูดพร่ำเพรื่อ
“แปดสิบเหรอคะ…งั้นลูนาเอลซังก็เป็นผู้อาวุโสนี่เอง…”
โพเมร่าถอนหายใจอย่างโล่งอก
ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไป…แต่ก็คงไม่เป็นไร เพราะยังไงลูนาเอลก็คงไม่มีโอกาสเจอหน้าโพเมร่าแน่ๆ
“แล้วมันทำไมเหรอ?”
“ปะ เปล่าค่ะ! ไม่ใช่อะไรแบบนั้นเลยนะคะ ก็แค่…แหะๆๆ…!”
โพเมร่าเขินจัดจนหน้าแดง หันหน้าหนี
…ไม่ค่อยเข้าใจ แต่ดูเหมือนเธอจะสบายใจขึ้นแล้วก็พอใจล่ะนะ
MANGA DISCUSSION