“มีบางอย่าง…กำลังมา”
ฉันชักดาบวีรชน กิลกาเมชออกจากฝัก แล้วหันซ้ายขวากวาดตามองไปรอบๆ
พื้นดินเบื้องหน้าถูกเจาะทะลุขึ้นมา—แมงมุมสีดำสนิทขนาดเท่าหมาป่าตัวหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีแดงฉานของมันส่องแสงวาววับ
ฉันพุ่งเข้าหามัน แล้วฟันลงไปด้วยคมดาบเพียงครั้งเดียว—แมงมุมสีดำถูกผ่าออกเป็นสองท่อน
พื้นแผ่นดินแตกระเบิดเป็นระลอกคลื่น ฝุ่นดินตลบไปทั่ว
ซากร่างที่ถูกฟันจนขาดตรงกลาง ค่อยๆ สลายกลายเป็นทรายแล้วกระจายหายไป
“เลเวลไม่สูงนักสินะ…”
ร่างของแมงมุมสีดำแตกสลาย เพราะไม่อาจทานทนต่อแรงเวทมนตร์ที่แฝงอยู่ในดาบวีรชน กิลกาเมชได้
…ฉันรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดแปลก จึงเผลอตั้งท่าเกินเหตุไปหน่อย
“คานาตะ เก่งสุดๆ ไปเลย!”
ฟิเลียส่งเสียงอย่างร่าเริงพลางกอดหลังฉันแน่น
“ดะ…เดี๋ยวก่อนนะคะ คานาตะซัง? ปกติถ้าไม่ใช่เจ้าตัวใน ‘กระจกนั่น’ คงไม่ชักดาบออกมาง่ายๆ…”
โพเมร่าเดินเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“…ไม่หรอกครับ แต่อาจจะมีเรื่องแย่ๆ กำลังจะเกิดขึ้นก็ได้”
ฉันเก็บดาบกลับเข้าฝัก แล้วหยิบมีดออกจากถุงเวท
กิลกาเมช นั้นรุนแรงเกินไปสำหรับมอนสเตอร์ทั่วไป จึงเตรียมอาวุธเบาๆ ไว้อีกเล่มสำหรับใช้ในสถานการณ์แบบนี้
การใช้มือเปล่าต่อสู้แม้จะพอไหว แต่ก็ยากจะควบคุมพลัง ทำให้โดดเด่นเกินไปโดยไม่จำเป็น
แค่มีดชำแหละจากร้านขายของจิปาถะที่ลับนิดหน่อย ก็พอใช้เป็นอาวุธได้แล้ว
“เรื่องแย่ๆ? ถึงจะมีมอนสเตอร์ที่เคยอยู่ใต้ดินโผล่ขึ้นมาก็…ไม่น่าจะถึงกับ—”
“ไม่ใช่ ‘เคยอยู่ใต้ดิน’ หรอก แต่คือ ‘กำลังอยู่ใต้ดิน’ ต่างหาก—พวกมันยังอยู่”
เสียงกรีดร้องดังมาจากที่ไกลออกไป
เหล่าแมงมุมสีดำแบบเดียวกันกับเมื่อครู่โผล่ขึ้นมาจากใต้ดิน ล้อมกลุ่มนักผจญภัยที่รวมตัวอยู่เป็นวง
มีเว้นช่องว่างอยู่บ้าง แต่จำนวนคร่าวๆ ไม่ต่ำกว่าห้าสิบตัว
“มอนสเตอร์พาเหรด!? มะ…ไม่จริงน่า…!”
ดูชัดเจนว่าเป็นมอนสเตอร์ที่มีพฤติกรรมรวมกลุ่มและโจมตีเป็นฝูงโดยเฉพาะ
มอนสเตอร์ที่มีนิสัยแบบนี้และมีจำนวนมากในระดับนี้ ถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงในโลกนี้
ดูเหมือนแม้แต่โพเมร่าเองก็ไม่เคยเจอมาก่อน
ฉันใช้《เช็กสเตตัส》ไปยังตัวหนึ่งในฝูงแมงมุม
———————————————
เผ่าพันธุ์: ลานโญ
Lv: 24
HP: 91/91
MP: 84/84
———————————————
เลเวล 24—เทียบได้กับนักผจญภัยระดับ D โดยประมาณ
นักผจญภัยที่ถูกว่าจ้างมาร่วมขบวนในครั้งนี้ ส่วนมากก็อยู่ในระดับเดียวกัน
แต่เมื่อเทียบจำนวนแล้ว ฝ่ายเรากำลังเสียเปรียบอย่างหนัก
ถ้าแสดงพลังเกินไป จะมีความเสี่ยงถูกพวกผู้กล้าคนอื่นหรือแม้แต่ ‘มนุษย์มังกรอสูร’ จับตา
แต่หากมัวแต่ซ่อนกำลังแล้วปล่อยให้คนอื่นตาย ก็ไม่ใช่วิธีที่ยอมรับได้เหมือนกัน
“ดูท่าเราจะต้องลงแรงจริงจังซักหน่อยแล้วล่ะ…”
“ร-รับทราบค่ะ!”
โพเมร่าตั้งท่าพร้อมร่ายเวท
น่าจะตั้งใจใช้เวทภูติที่โจมตีได้เป็นวงกว้าง
ความแรงไม่ใช่ประเด็นหลัก
แค่จัดการให้เนียนที่สุด—แต่ก็ต้องเร็วพอจะควบคุมสถานการณ์ได้
ฝูงลานโญราวยี่สิบตัวพุ่งมาทางเรา
คงเพราะฉันสังหารตัวหนึ่งก่อนหน้า พวกมันเลยเริ่มระวังฉันเป็นพิเศษ
ถ้าเป็นแบบนั้นก็เข้าทาง
“เราจะล้มพวกนี้ให้ได้มากที่สุด แล้วค่อยแยกกันไปช่วยคนอื่นนะครับ!”
ขณะที่ฉันพูด เสียงขยับตัวจากฟิเลียบนหลังทำให้ฉันเหลือบมองไปทางเธอ
ฟิเลียยกแขนขึ้นสูง—ทันใดนั้น แสงสีรุ้งส่องวาบกลางอากาศ ก่อนจะปรากฏเป็น มังกรยักษ์
ผิวสีเขียวประดับด้วยลวดลายสีแดงราวรากไม้
มีปีกกว้างและกรงเล็บอันน่ากลัว
ฉันจำรูปลักษณ์นี้ได้ดี
แม้ไม่มีหน้ากากเหมือนตอนก่อน แต่รูปร่างนี้ก็คือแบบเดียวกับตอนที่ โซโรฟิเลีย เคยแปลงร่างสู้กับฉัน
นั่นคือร่างที่ โนตส์ เคยเรียกว่า “จอมราชันย์มังกร ดริกเวชา”
เสียงกรีดร้องดังสนั่นยิ่งกว่าเมื่อครู่ตอนลานโญปรากฏตัว
โพเมร่าที่กำลังจะร่ายเวทชะงักตัวแข็ง มองมังกรขนาดมหึมาด้วยสายตาเหลือเชื่อ
“ฟิ-ฟิเลียจัง ใจเย็นก่อน…! ขอร้องล่ะ ลบมันไปก่อนได้มั้ย!?”
“มังกรบรรพกาล บึ้ม!!”
ฟิเลียฟาดแขนลง—มังกรยักษ์พุ่งดิ่งลงสู่ฝูงลานโญ
พื้นแผ่นดินปริแตก เกิดแรงสั่นสะเทือนกระจายเป็นวงกว้าง
“ฟิเลียสุดยอดใช่มั้ย~!? ชมด้วยๆ!”
ฟิเลียหัวเราะร่า โบกแขนไปมาด้วยความภูมิใจ
ส่วนฉัน…ยืนปิดหน้าด้วยสองมืออยู่กับที่
…ฟิเลียคงคิดว่าเวลาฉันบอกให้ “เรา” จัดการ ก็หมายถึงเธอด้วย เลยลงมือเต็มที่อย่างดีใจ
ร่างของมังกรจางหายไปในไม่ช้า
พวกลานโญที่เหลือดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอันตราย ต่างพากันหยุดการต่อสู้แล้วมุดลงพื้นหนีหายไป
จนถึงตรงนี้ก็นับว่าดี…
…แต่พวกนักผจญภัยคนอื่นเริ่ม แตกตื่นกันหมด
“เดี๋ยว…เมื่อกี้มันอะไรกันแน่!?”
“นั่นมันมังกรใช่มั้ย!? เราต้องหนีแล้วล่ะ!!”
ถ้าปล่อยให้แตกกระเจิงไปแบบนี้ ไม่ใช่แค่นักผจญภัย แต่พวกพ่อค้าและชาวบ้านที่ตามมาก็จะโดนหางเลขด้วย
“ท-ทุกคนใจเย็นก่อน! ดูเหมือนว่ามังกรจะหายไปแล้วนะครับ!”
ฉันพยายามตะโกนปลอบ แต่ทุกคนก็ยังอยู่ในอาการตื่นตระหนก
ขณะที่กำลังหาทางรับมือต่อ—ชายชรานักผจญภัยคนหนึ่งก็โค้งคำนับมาทางพวกเรา
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า…เป็นวิญญาณอัญเชิญของท่านนักบุญโพเมร่า!”
“…หือ?”
สายตาทั้งหมดพลันจับจ้องมาที่โพเมร่า—ซึ่งยังคงค้างอยู่ในท่าชูคฑา
เพราะเหตุการณ์ที่เมืองอาร์โลเบิร์กกับท่าทางตอนมังกรปรากฏตัว คนเลยเข้าใจว่าเธอเป็นคนอัญเชิญมังกรออกมา
“อะ-อ่า…เอ่อ…ขอโทษค่ะ! คือโพเมร่าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันค่ะ…คือว่า…”
เสียงโห่ร้องชื่นชมดังก้องไปทั่ว ผู้คนพากันปรบมือแน่นขนัด
โพเมร่า ซึ่งไม่คุ้นกับการถูกชมกลางฝูงชน หน้าแดงเป็นลูกตำลึง พึมพำอ้ำอึ้งอย่างจนใจ
…ฉันรู้สึกผิดกับโพเมร่าจริงๆ
แต่เพื่อระงับสถานการณ์วุ่นวายตรงนี้ ทางที่ดีที่สุดคือ เล่นตามน้ำไปก่อน
ฉันจึงฝืนสีหน้าแล้วร่วมปรบมือกับคนอื่นพร้อมกล่าวคำขอโทษในใจ
ฟีเรียเองก็หัวเราะร่า ปรบมือไปตามฉันอย่างสนุกสนาน ไม่รู้ว่ารู้อะไรหรือเปล่า…
MANGA DISCUSSION