ผมเดินตามหลังลูนาเอลเข้าไปในเขาวงกต
…ยังเดินมาได้ไม่นานนัก แต่ลูนาเอลก็สังหารมอนสเตอร์ไปแล้วตััง 5 ตัว
หนึ่งในนั้นตอนนี้กำลังนอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้า
มันมีรูปร่างเป็นชายหัวไก่สองหัวร่างใหญ่บึกบึน เต็มไปด้วยมวลกล้ามเนื้อ ตัวสีทองอร่าม
แต่ตอนนี้หัวทั้งสองถูกฟันขาดกระเด็นออกจากคอ แขนขาก็ถูกกระชากออก
มันชื่อว่า “รา” เป็นชื่อที่ฟังดูหนักแน่นจังนะ
(TN: รา เทพสุริยันของอียิปต์)
มันพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วเหลือเชื่อ พ่นเปลวเพลิงออกจากปากของหัวทั้งสอง
ทางเดินที่มันพุ่งเข้ามาถูกกลืนด้วยเปลวไฟ ผมเองก็คิดว่าตัวเองคงไม่รอดแล้วในวินาทีนั้น
ถ้ามีแต่ฉันอยู่ตรงนั้น คงโดนเผาจนไม่เหลือซาก
แต่ลูนาเอลกลับพุ่งเข้าไปด้วยความเร็วที่เร็วกว่ามันถึงสองเท่า แล้วสะบัดดาบเพียงครั้งเดียว ร่างทองก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
ฉันก็รู้แหละว่าเธอเก่ง แต่แบบนี้มันโกงชัดๆ
“เวทมิติขั้นที่แปด 《ถุงมิติ ดิเมนชั่นพ็อกเก็ต》”
ลูนาเอลเรียกวงเวทออกมา แล้วเก็บซากของราลงไป
เธอชอบเก็บซากมอนสเตอร์ไว้อย่างนั้นเป็นบางครั้ง
ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรกันนะ?
ฉันแอบกลัวคำตอบอยู่เหมือนกัน—อย่าบอกนะว่าจะเอาไปทำยา?
“ดีจังเลย ได้ไก่สดๆ มาทำอาหารอีกแล้ว”
“…ไก่!?”
“มีอะไรเหรอ?”
ลูนาเอลเอียงคอถามโดยยังมีสีหน้าไร้อารมณ์
“ค-คือ…มันดูเหมือนมนุษย์ไปหน่อย…”
“ฉันว่ามันยังอยู่ในขอบเขตของไก่ที่โตเกินไปนิดหน่อยอยู่นะ”
ขอบเขตของคำว่า ‘โตเกินไปนิดหน่อย’ ของเธอ มันกว้างเกินไปเหรอ?
เหมือนถูกโยนลงกลางทะเลกว้างใหญ่ไร้ฝั่งฝันยังไงก็ไม่รู้
“เข้าใจแล้ว ถ้าจะอดตายก็คงลำบาก งั้นให้นายกินหัวก็แล้วกัน”
ภาพหัวไก่สีทองขนาดใหญ่สองหัวลอยขึ้นมาในหัวฉันทันที
…ไม่ไหว มันน่ากลัวเกินไปแล้ว
นอกจากจะตัวใหญ่จนน่าขนลุกแล้ว สีทองวาววับแบบนั้นมันดูเป็นสีประดิษฐ์เกินไป ชวนให้ยี้สุดๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศที่ฉันเคยอยู่ไม่มีใครกินหัวไก่กันเลยด้วยซ้ำ
ไหนจะชื่อที่ฟังดูคล้ายเทพอียิปต์อย่างราอีก…กินไปจะไม่โดนสาปเหรอ?
…แต่ถึงจะหน้าตาสุนัขไม่รับประทานยังไง ก็ใช่ว่าจะหาอาหารกินง่ายๆ ในเขาวงกตนี้
เธอคงพูดด้วยความหวังดีจริงๆ
จะเอาแต่เรื่องมากไม่ได้
“…งั้น จะขอรับหัวไว้ก็แล้วกัน”
หลังจากนั้นฉันก็เดินตามลูนาเอลต่อไป จนเจอบริเวณหนึ่งที่พื้นเต็มไปด้วยดิน
ที่นั่นสว่างกว่าที่อื่นเล็กน้อย และอบอุ่นนิดหน่อย
ดูเหมือนจะไม่ใช่พื้นดินจริง แต่เป็นพื้นหินที่มีชั้นดินหนาๆ ปูทับอยู่
บนดินมีหญ้าขึ้นอยู่ และยังมีดอกไม้เรียงรายกันอย่างสวยงาม
…ทั้งที่อยู่ลึกจนแสงอาทิตย์ส่องไม่ถึง ไม่คิดเลยว่าพืชจะเจริญเติบโตได้
แต่ก็นะ กฎเกณฑ์จากโลกเดิมของผมอาจใช้ที่นี่ไม่ได้
บางทีพืชของโลกนี้อาจสามารถรับสารอาหารจากแหล่งอื่นแทนแสงแดดก็เป็นได้
ผมมองไปรอบๆ บริเวณนั้น
มีต้นไม้อยู่ด้วย ถึงจะมีแค่ต้นเดียวก็เถอะ
มันออกผลประหลาดเป็นสีแดงสด มีจุดสีขาวประปราย
ลึกเข้าไปด้านใน มีรูปปั้นแมวขนาดใหญ่อยู่ อ้าปากคาบอัญมณีสีแดงเอาไว้
อัญมณีในปากมันเปล่งแสงสีแดงเจิดจ้า
“…แสงนั่นมันทำหน้าที่เหมือนแสงอาทิตย์รึเปล่านะ?”
“เข้าใจเร็วดีนี่ นั่นคือ ‘อัญมณีแห่งตะวัน’ ไอเทมล้ำค่าหายากที่ด้านบน โลกภายนอกอาจถึงขั้นทำสงครามเพื่อแย่งชิงมันได้เลยนะ เพราะมันเหมาะกับการปลูกพืชยิ่งกว่าแสงอาทิตย์จริงอีก ในที่แบบนี้ ไอเทมล้ำค่าแบบนี้มักจะถูกทิ้งไว้เหมือนไม่มีค่าอะไรแบบนี้เสมอแหละ”
เมื่อฉันพึมพำความสงสัยกับตัวเอง ลูนาเอลก็อธิบายให้ฟัง
งี้นี่เอง พอนึกถึงคำพูดของไนอาโลเทปขึ้นมาว่า ที่นี่มีไอเทมระดับสูงอยู่มากมาย เห็นทีจะเป็นความจริง
แม้พวกนั้นจะไม่คิดปล่อยผมออกไปจากที่นี่แบบเป็นๆ ก็ตาม
“ฉันต้องการมัน เลยลงไปถึงชั้นที่ 95 แล้วจัดการมังกรที่หลงใหลอัญมณีจนมันสลบเหมือด แล้วเอามาน่ะ”
…นั่นมันโจรกรรมชัดๆ
ไหนว่าไอเทมล้ำค่าถูกทิ้งไว้อย่างไร้ค่าไง?
“มันเป็นมอนสเตอร์ที่พูดคุยกันได้ ฉันก็เลยไม่ฆ่ามัน ถือว่าเมตตาแล้วนะ อีกฝ่ายน่ะ ตั้งใจจะฆ่าฉันเลยนะ”
“อะ-อ่า…เข้าใจแล้ว…”
…หรือว่าคนคนนี้จะเป็นเจ้าของที่แท้จริงของ หลุมอเวจี โคคิวทัส กันแน่นะ?
“แล้วแมวประหลาดที่คาบ ‘อัญมณีแห่งตะวัน’ อยู่นั่นมันมาด้วยกันแต่แรกแล้วรึเปล่า? เป็นรูปปั้นของเทพเจ้าแห่งตะวันเหรอ?”
“…อันนั้นน่ะ ฉันทำขึ้นเองเป็นงานอดิเรกเพื่อใช้เป็นฐานวางอัญมณีน่ะ”
ล-ลูนาเอลเป็นคนทำเอง
ไม่น่าไปเรียกว่า ‘แมวประหลาด’ เลย…
รู้สึกว่าแววตาเธอดูดุกว่าปกติเล็กน้อย—อาจจะกำลังไม่พอใจก็ได้
ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะชอบอะไรน่ารักแบบนี้ด้วย
เรายังเดินต่อผ่านพื้นดินที่เต็มไปด้วยดอกไม้ โดยมีลูนาเอลเดินนำหน้า
เธอเดินไปพลางชื่นชมดอกไม้ไปด้วย
ดูเหมือนว่าเธอจะชอบดอกไม้ด้วยสินะ
ที่เธอเอาดินมาปู เอาอัญมณีมาวางไว้ ก็คงเพื่อปลูกดอกไม้เหล่านี้ก็เป็นได้
ทั้งที่ดูเย็นชาไร้หัวใจ แต่นิสัยกลับอ่อนโยน และรสนิยมก็น่ารักผิดคาด
ถึงจะมีออร่าประหลาดเพราะเป็นลิช แต่ตัวตนของลูนาเอลเองก็เป็นคนที่ดีจริงๆ
…แม้จะเคยพูดว่าถูกมนุษย์ทรยศ ซึ่งชวนให้สงสัยอยู่ไม่น้อย
“ดอกไม้พวกนี้…น่ารักดีนะ ฉันก็คงชอบอะไรแบบนี้เหมือนกัน”
“ชมไปก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ”
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ฝีเท้าของเธอก็เบาขึ้นนิดหน่อย
ใบหน้าอาจไม่แสดงออก แต่จริงๆ แล้วดูง่ายกว่าที่คิดนะ
ฉันมองแผ่นหลังของเธออย่างอบอุ่น…จนมีของเหลวเย็นๆ กระเด็นมาโดนมือ
“หวา!”
มันเป็นของเหลวใสๆ ข้นๆ เหมือนเมือก
“…เสียงดังอะไรน่ะ เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”
“คะ-คือ…มีของเหลวอะไรไม่รู้…”
เมื่อหันไปทางที่มันกระเด็นมา ก็เห็นตรงกลางดอกไม้มีปากขนาดใหญ่กำลังอ้ากว้าง น้ำลายย้อยออกมาเป็นสาย
ฉันตกตะลึง ขณะที่ดอกไม้อื่นๆ ใกล้กันต่างก็อ้าปากขึ้นพร้อมกัน แล้วหัวเราะไร้เสียงออกมา
…ภาพที่เห็นชวนสยองสุดขีด
หรือว่าดอกไม้ที่นี่ทั้งหมดจะเป็นแบบนี้กันหมด!?
“ม-ไม่มีอะไร…”
ฉันตัดสินใจไม่พูดอะไร เพราะจำได้ว่าตอนชมดอกไม้ ลูนาเอลเดินด้วยท่าทางมีความสุขแค่ไหน
ฉันไม่อยากหักหน้าเธอหลังจากเผลอชมไปแล้ว
“อย่าส่งเสียงโวยวายพร่ำเพรื่อสิ แต่ถ้ามีอะไรไม่พอใจก็บอกมาเถอะ…ถ้าเงียบแล้วมาโวยวายทีหลัง ฉันจะหงุดหงิดเอาซะเปล่าๆ”
…แม้คำพูดจะฟังดูแข็งกระด้าง แต่ความหมายกลับใจดีอย่างไม่น่าเชื่อ
เพราะแบบนั้นแหละ ฉันจึงยิ่งไม่อยากทำให้เธอเสียใจ
เงียบไว้ดีกว่า
“ตรงนั้นคือที่พักของฉันเอง”
ผมหันตามสายตาเธอไป เห็นกระโจมผ้าสีขาวหลังใหญ่ตั้งอยู่
เป็นโครงกลมที่ดูเหมือนที่พักของชนเผ่าเร่ร่อน มุงด้วยผ้าขาวสะอาด
คล้ายเต็นท์ แต่ก็กว้างขวางเอาการ
…และข้างๆ นั้นก็มีแปลงผักอย่างเป็นเรื่องเป็นราวอยู่ด้วย
นี่มันความศิวิไลซ์ชัดๆ!?
ไม่ต้องกินหัวไก่กล้ามทองก็อยู่ได้สบายๆ เลยนี่หว่า…
MANGA DISCUSSION