หนึ่งวันผ่านไปนับจากเรื่องราวกับออคตาบิโอ
ฉันไปรวมตัวกับโพเมร่าที่กิลด์นักผจญภัย พวกเราตรวจสอบภารกิจที่แปะอยู่บนกระดาน และสอบถามข่าวสารจากนักผจญภัยคนอื่นๆ ไปด้วย
ตามข่าวลือ บอกว่าออคตาบิโอได้ออกจากเมืองนี้ไปแล้ว
เดิมทีเขาก็ไม่ได้มีแค่ปัญหากับฉันเท่านั้น แต่ยังสร้างเรื่องจนถูกผู้คนเกลียดชังมากมาย
และเมื่อเขาเสียแขนไปข้างหนึ่ง พวกที่เคยกลัวเขาก็เห็นโอกาส ออกมาไล่ล่าล้างแค้นอย่างเงียบๆ
ออคตาบิโอรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด แต่คงเพราะเขารู้ดีว่าตัวเองไม่อาจอยู่ในเมืองที่มีแต่คนจ้องจะเอาคืนได้อีก จึงตัดสินใจจากไป
เรื่องของเราดูเหมือนจะไม่แพร่ออกไปนัก สิ่งที่ผู้คนพูดกันมีแค่ “กลับมาด้วยสภาพแขนขาด” กับ “เหมือนกลัวอะไรบางอย่างจนตัวสั่น”
“ภ…ภารกิจระดับ C นี่ดูท่าจะ… เอ่อ ท้าทายมากเลยนะคะ-คานาตะซัง!”
โพเมร่าหันมามองผมอย่างหวั่นๆ
“นะ…นั่น…สินะ”
ฉันเบือนสายตาหลบโดยอัตโนมัติ
“ท…ทำไมไม่มองหน้ากันเลยล่ะคะ คานาตะซัง! โพเมร่าคือว่า… เมื่อวานน่ะ ความจำหายไปหมดตั้งแต่ระหว่างมื้ออาหาร พอรู้ตัวอีกทีก็อยู่บนเตียงในโรงแรมแล้ว… โพเมร่าทำอะไรผิดไปเหรอคะ…?”
“จำไม่ได้เหรอ…?”
คำพูดของฉันทำให้โพเมร่าถึงกับสะดุ้ง กอดคฑาไว้แน่นด้วยสีหน้าอับอาย
“ข…ขอโทษค่ะ… แสดงว่าโพเมร่าทำอะไร…ผิดจริงๆ ด้วยสินะคะ…”
“เปล่าหรอก… ฉันว่า จำไม่ได้แบบนี้น่ะ ดีกว่าแล้ว”
“โพเมร่าทำอะไรลงไปกันแน่คะเนี่ย!?”
พูดตรงๆ เลยนะ… โพเมร่าเมาแล้วนิสัยแย่มาก
ไม่สิ ต้องบอกว่า… แย่สุดๆ
พอเธอกระดกเบียร์ไปสามแก้วติดๆ กัน ฉันก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ แล้วว่า “เด็กคนนี้ทำไมดูบุคลิกเปลี่ยนไป…” แต่ฉันดันไม่ห้ามไว้ตอนนั้นเอง
เบียร์ของโลกนี้ดูเหมือนจะมีแอลกอฮอล์เข้มกว่าที่ฉันรู้จักซะอีก
ฉันเลยแค่จิบแล้ววางไว้เฉยๆ แต่โพเมร่ากลับหยิบมันขึ้นมาดื่มหน้าตาเฉยพร้อมพูดว่า “คานาตะซังไม่ดื่มเหรอคะ งั้นโพเมร่าขอนะคะ~” แล้วก็ซัดหมดแก้ว
นั่นแหละ… ฉันน่าจะลากเธอออกจากร้านตั้งแต่ตอนนั้น
หลังจากนั้น เธอก็เริ่มลูบหัวฉัน บอกว่า “อยากเห็นคานาตะซังเมาบ้างจัง~” แล้วก็เริ่มอาละวาดด้วยการกอดฉันแน่นไม่ปล่อย
จนในที่สุด เธอหยิบคทาออกมา ร่ายวงเวทอะไรบางอย่าง ฉันเลยรีบใช้เวทเนโครแมนซีทำให้เธอหลับเพื่อจบเรื่องทั้งหมด
“เอ่อ… ฉันก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี… ขอโทษด้วยนะ…”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ!? ได้โปรดบอกโพเมร่าเถอะ… ว่าโพเมร่าทำอะไรลงไป…”
เธอถามด้วยแววตาวิตก ฉันพยายามยิ้มกลบเกลื่อน แต่กลับยิ่งทำให้เธอหน้าซีดลงไปอีก
…สรุปคือ ห้ามเธอดื่มเกินสามแก้วโดยเด็ดขาด
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากข้างนอก
ก่อนที่ชายคนหนึ่งจะวิ่งพรวดเข้ามาในกิลด์
“เฮ้! ท้องฟ้าเปลี่ยนสีด้วย! เป็นสีแดงอมม่วงน่ะ!”
เมื่อได้ยินคำรายงานนั้น เสียงจอแจในกิลด์ก็ดังขึ้นทันที
“แถวนี้…เกิดแบบนี้เป็นปกติมั้ย?”
ฉันถามโพเมร่า เธอส่ายหน้ารัว
เราเลยตัดสินใจออกไปดูด้วยตาตัวเอง
ข้างนอก… ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงอมม่วงจริงๆ
ไม่ใช่สีของแสงยามเย็น หรือแสงอาทิตย์ยามตกดิน มันเป็นสีที่ผิดธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัด
ผู้คนต่างเงยหน้ามองฟ้าด้วยสีหน้าตกใจ
บางสิ่งไม่ชอบมาพากลกำลังเกิดขึ้น
ทันใดนั้น ฉันเห็นฝูงนกบินผ่านไปที่ขอบฟ้า ลำตัวพวกมันดูเหมือนจะสะท้อนแสงแดงอมม่วงเช่นกัน
“ไม่ใช่แค่ท้องฟ้า… แต่นี่มันเหมือนเมืองทั้งเมืองถูกกำแพงแสงล้อมรอบเอาไว้…”
ฉันพึมพำ พลางเอียงคอมองท้องฟ้า
แต่แล้ว เสียงคนรอบตัวก็ค่อยๆ เงียบลง
เมื่อมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าหลายคนเริ่มนั่งพิงผนัง หรือทรุดตัวลงไปกับพื้น
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ตอนแรกฉันยังคิดว่ามันอาจเป็นแค่ปรากฏการณ์ธรรมชาติของโลกนี้ แต่เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็รู้ทันที—นี่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา
“หะ…หายใจไม่ออก… แขน…ยกไม่ขึ้น…”
“รู้สึก…หนาวจัง…”
หลายคนเริ่มส่งเสียงคร่ำครวญอย่างทรมาน
“นี่มันอะไรกันแน่…”
“คานาตะซัง… ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอคะ? เหมือน…พลังชีวิตกำลังถูกดูดออกไปเลยค่ะ…”
ฉันรีบเปิดหน้าสถานะดู ก็พบว่า HP และ MP ลดลงเล็กน้อย
น้อยจนฉันไม่ทันรู้สึก แต่ก็ลดจริงๆ
ฉันกลั้นหายใจ
ถึงแม้จะมีผ้าคลุมของลูนาเอลช่วยป้องกัน แต่มันก็ยังดูดทะลุเข้ามาได้
พอเงยหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง—ฉันก็เข้าใจ
“เวทค่ายกลผนึกขอบเขต…”
มีเวทมนตร์ระดับสูงที่ครอบคลุมเมืองทั้งเมือง กำลังดูดกลืนพลังชีวิตและเวทมนตร์จากทุกคน
เวทระดับนี้ ต่อให้เป็นลูนาเอลก็ต้องเตรียมตัวล่วงหน้า ไม่งั้นก็ใช้ไม่ได้
ต้องมีตัวผู้ร่ายอยู่ในเมืองแน่ และต้องเป็นจอมเวทที่กล้าประจันหน้ากับเมืองทั้งเมือง ไม่ใช่แค่ระดับของโลวิส—แต่เป็น “ของจริง”
อาจจะเป็นชายในหมายจับสึแดงที่มีข่าวลือก็เป็นได้
“ต้องอพยพออกจากเมืองนี้ให้เร็วที่สุด…”
ฉันพึมพำ แต่แล้วก็มองเห็นเด็กคนหนึ่งทรุดลงพิงกำแพง
แม่ของเด็กคนนั้นร้องไห้โฮ พลางอุ้มลูกไว้ในอ้อมแขน
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คนธรรมดาที่มีเลเวลต่ำจะค่อยๆ ตายลงทีละคน
เวทนี้ชัดเจนว่าใช้ดูดพลังชีวิตและเวทมนตร์แบบไร้การเลือกเป้าหมาย
ถ้าไม่หยุดโดยเร็ว จะสายเกินไป
ถึงจะพยายามช่วยอพยพ ก็ทำอะไรได้ไม่มาก เพราะเขตผลกระทบครอบคลุมทั้งเมือง
ก่อนจะหนีได้หมด เมืองนี้คงเต็มไปด้วยศพ
ต่อให้พยายามทำลายจุดค้ำเวททั่วเมือง ก็ไม่ทันการณ์
มีทางเดียว—ต้องไปหยุดตัวผู้ร่ายเองโดยตรง
“ไม่เป็นไร… ฉันต้องทำได้”
ฉันสูดหายใจลึก ตัดสินใจแน่วแน่
ลูนาเอลคงคาดไว้แล้ว ว่าฉันจะตกเป็นเป้าหมายเพราะเป็นผู้ถูกอัญเชิญ เธอถึงได้ถ่ายทอดวิธีเอาตัวรอดจากอันตรายให้ฉัน
แม้แต่ 《วิชาจิตคู่ขนาน》 ก็เป็นสิ่งที่ฉันฝึกมาเพื่อรับมือกับเรื่องแบบนี้
แม้แต่ 《มนุษย์มังกรอสูร》 ที่เหนือกว่ามนุษย์ ฉันก็อาจต่อกรได้
อย่างน้อยที่สุด—ในกิลด์นักผจญภัยแห่งเมืองอาร์โลเบิร์ก คนที่แข็งแกร่งที่สุดคือฉัน
ฉันไม่มีสิทธิ์หนีเอาตัวรอดคนเดียว โดยปล่อยคนทั้งเมืองตายอยู่เบื้องหลังได้
ฉันจะลุยให้ดูเอง!
MANGA DISCUSSION