ทันทีที่โพเมร่ากางวงเวทขึ้น ออคตาบิโอก็เงื้อขวานแล้วพุ่งเข้าใส่เธอ
“ฮ่า! ฉันสั่งให้เจ้าออฟฟ์ไปสืบมาหมดแล้ว ว่าแกใช้ได้แต่เวทขาวกระจอกๆ! อยากลองก็ลองดูให้เต็มที่เลยแล้วกัน!”
โพเมร่าเล็งคฑาใหญ่ใส่ออคตาบิโอ
“เวทไฟขั้นที่ห้า 《ฝูงหิ่งห้อยเพลิงแดง แฟลร์ฟลาย》!”
กลางวงเวทพลันเปล่งประกายแสงสีแดงขึ้นมา
ฉันเห็นเข้า ก็ถึงกับหน้าซีด
“พะ…โพเมร่า ฉันว่าไม่จำเป็นต้องใช้เวทก็ได้นะ……!”
แค่ใช้ไม้คฑาฟาดให้ปลิวไปก็พอจะสยบออคตาบิโอได้แล้ว
เพราะความต่างของเลเวลมันห่างกันจนเกินจะเปรียบเทียบได้
แม้เวทขั้นที่ห้าจะรุนแรง แต่ในสถานการณ์นี้ มันอาจทำให้ออคตาบิโอถึงขั้นไหม้ละลายกลายเป็นไอไปเลยก็ได้
“อ๊ะ จริงด้วย! พอประหม่าเมื่อไหร่ก็เผลอใช้แรงเกินทุกทีเลยค่ะ…!”
โพเมร่ารีบลดปลายคฑาลง
ลูกไฟสีแดงที่ปล่อยออกจากวงเวทลอยไปในอากาศ ก่อนจะพุ่งตกลงพื้นตรงเท้าออคตาบิโอ
“เวทขั้นที่ห้าเนี่ยนะ……!? ก็แอบตกใจอยู่นิดหน่อยหรอก…แต่ดูเหมือนจะควบคุมไม่ถนัดนักสินะ”
ออคตาบิโอยิ้มเหยียด
ผิดแล้ว—เธอไม่ได้พลาด
《ฝูงหิ่งห้อยเพลิงแดง แฟลร์ฟลาย》ไม่ใช่เวทที่ใช้โจมตีด้วยลูกไฟ แต่เป็นเวทที่เน้นแรงระเบิดจากเปลวเพลิงต่างหาก
พื้นใต้เท้าออคตาบิโอระเบิดขึ้น
“อุว๊ะ!?”
ร่างของออคตาบืโอลอยโด่งขึ้นกลางอากาศจากแรงระเบิด ก่อนจะตกกระแทกพื้นอย่างน่าสังเวช
“โอ้ยยยย ร้อน! เจ็บโว้ยยยย…!”
เขานอนดิ้นพล่านบนพื้น มือกุมขาไว้แน่น
กางเกงไหม้จนหลุดลุ่ย เผยให้เห็นขาที่เนื้อแหว่งหลุดจนเห็นกระดูก ผิวโดยรอบไหม้เกรียมเป็นสีแดงคล้ำ
ถ้าโดนเข้าเต็มๆ มีหวังตายคาที่แน่
“มะ…ไม่จริง เป็นไปไม่ได้…ฉัน…ฉันคนนี้เนี่ยนะ…จะแพ้ให้กับเอลฟ์กระจอกๆ แบบนี้…!?”
ออคตาบิโอร้องครวญคราง มือยังกุมขาที่เนื้อหายไปแทบครึ่ง
หากไม่มีเวทขาวชั้นสูงหรือโพชั่นพิเศษ ก็ไม่มีทางรักษาให้หายดีได้อีก
ออคตาบิโอจะไม่มีวันวิ่งได้เหมือนเดิมอีก และย่อมไม่อาจก่อเรื่องชั่วร้ายแบบนี้ได้อีกแล้ว
“ไม่นะ…ไม่มีทาง…เป็นไปไม่ได้…หรือออฟฟ์มันสืบมาผิด…แต่ว่า ทำไม…ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้…!?”
“……เท่านี้คุณคงเข้าใจแล้วนะครับ อย่ามาแตะต้องพวกเราอีกล่ะ”
“ไอ้เวรตะไล…!”
ออคตาบิโอกัดฟัน พยายามยกแขนที่กำขวานขึ้น—แต่พอโพเมร่าเล็งคฑาใส่ เขาก็หมดแรงปล่อยมันหล่นลงพื้น
“ฉัน…ฉันผิดไปแล้ว…ขออภัยด้วย…ต่อไปนี้จะกลับตัวเป็นคนใหม่…”
เขาเงยหน้าขึ้น พูดเสียงเจ็บปวด
ทว่าในชั่วพริบตา เขากลับฉีกหน้ายิ้มดั่งอสูรใส่โพเมร่า
“เอ๊ะ…”
โพเมร่าถอยครึ่งก้าวด้วยสีหน้าสับสน
ออคตาบิโอใช้ขาข้างที่ยังดีเหยียบพื้นพุ่งตัวขึ้น แล้วเหวี่ยงขวานใส่ศีรษะโพเมร่า
“โดนหลอกแล้วล่ะโว้ย! ไปตายซะ!”
เขาเงื้อขวานฟาด—ใบหน้าที่ยิ้มสะใจกลับแปรเปลี่ยนเป็นงุนงงทันควัน
เพราะเมื่อเหวี่ยงเสร็จ ขวานในมือของเขาหายไปแล้ว
ฉันกระโจนขึ้นตอนที่เขากระโดด หมุนตัวไปด้านหลังเขา แล้วแย่งขวานออกจากมือทันที
“หาย…ไป?”
“……แม้ขาจะขยับไม่ได้ดีนัก แต่ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะยังกล้าลุกมาทำแบบนี้ได้อีกนะ”
ฉันเงื้อขวานขึ้น แล้วฟันแขนของเขาขาดสะบั้นตั้งแต่หัวไหล่
“อ๊ากกกกกกกก!! เจ็บ เจ็บบโว้ยยยยยยยยย!!”
ออคตาบิโอกรีดร้อง กอดไหล่ตัวเองพลางร่วงตกสู่พื้น
ความรู้สึกที่ตัดเนื้อมนุษย์แตกต่างจากตัดพวกปีศาจ มันเป็นสัมผัสที่น่าขยะแขยง
หากเลือกได้ ฉันก็ไม่อยากทำแบบนี้อีก
แต่เขาเมินคำเตือนของฉัน และทรยศข้อตกลงที่ตัวเองเป็นคนเสนอ
ไม่มีใครรู้ว่าทางการจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างนักผจญภัยมากแค่ไหน
ฉันเป็นแค่นักเดินทางไร้ชื่อ ส่วนโพเมร่าก็เป็นแค่ลูกครึ่งเอลฟ์ที่ไม่ได้รับการยอมรับในเมืองนี้
หากปล่อยให้ออคตาบิโอรอดกลับไปแบบครบแขนขา เขาจะต้องกลับมาล้างแค้นในไม่ช้าแน่นอน
“โอ๊ย เจ็บบ เจ็บโว้ย! ทะ…ทำอะไรลงไปน่ะ…ฉันเหลือแขนเดียวแล้วนะ…จะให้เป็นนักผจญภัยยังไงได้อีกล่ะวะ!! แขนของฉัน…แขนฉันหายไปแล้ว!!”
ออคตาบิโอกอดแขนที่ขาดของตัวเองไว้แน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“คุณคิดว่ารอดมาได้แค่นี้ยังน้อยไปงั้นสินะครับ?”
“ฮะ…ฮี๊ยยย!”
ฉันโยนขวานลงพื้น แล้วชัก《ดาบวีรชน กิลกาเมช》ออกมา
ออคตาบิโอกรีดร้อง เขวี้ยงแขนที่ขาดทิ้งแล้วลุกขึ้นยืนโซซัดโซเซ ก่อนจะลากขาหนีไปทางเมืองอาร์โลเบิร์ก
หลังจากนี้เขาคงไม่กล้ามายุ่งกับพวกเราอีก
ฉันเก็บ《กิลกาเมช》เข้าฝัก
หลังจากจบเรื่องกับออคตาบิโอ ฉันกับโพเมร่าก็กลับไปล่าไอรอนคาวต่อ
โชคดีที่ก่อนพระอาทิตย์ตก เราสามารถล่าได้ถึงห้าตัว
การรับภารกิจใกล้เมืองแบบนี้ ทำให้ลุยได้จนวินาทีสุดท้าย
พวกเรานำเขาวัวทั้งห้าไปส่งที่กิลด์ และขายเนื้อบางส่วนได้ด้วย
ในที่สุด ฉันกับโพเมร่าก็ได้เลื่อนเป็นนักผจญภัยระดับ C อย่างเป็นทางการ
ระดับ C ถือว่าเป็นขอบเขตที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักผจญภัยชั้นแนวหน้าแล้ว
ตอนที่เจ้าหน้าที่ประกาศการเลื่อนระดับ บรรยากาศในกิลด์ก็คึกคักขึ้นเล็กน้อย
รอยที่ยืนอยู่ไกลๆ อ้าปากค้างมองมาทางฉันด้วยสายตาเหลือเชื่อ
ฉันกับโพเมร่าตัดสินใจฉลองกันเล็กน้อยที่《เตาไฟของพรานป่า》—ร้านเหล้าแนะนำของเธอ
ที่นี่มีบริการปรุงอาหารจากวัตถุดิบที่ลูกค้านำมาเอง
เสน่ห์ของร้านคือ ‘ได้กินเนื้อจากสัตว์ที่ตัวเองล่ามา’
พวกเราเก็บเนื้อไอรอนคาวไว้หนึ่งตัวเพื่อใช้ทำอาหาร
ตอนที่เห็นสเต๊กชิ้นมหึมาที่ล้นจานออกมา ก็รู้สึกถึงความสำเร็จอย่างแท้จริง
ร้านที่โพเมร่าแนะนำมานั้นดีเกินคาด
การตกแต่งในร้านใช้หนังและหัวของมอนสเตอร์ประดับให้ดูมีบรรยากาศเฉพาะตัว
ราคาก็พอสมควร เลยไม่ค่อยวุ่นวายเกินไป
“เออคือ…รอยซังกับโฮลี่ซังดูเหมือนเคยมากันสองคนบ่อยๆ…โพเมร่าเลยอยากมาลองบ้างค่ะ”
ฉันฟังโพเมร่าพูดด้วยท่าทีดีใจ ฉันก็รู้สึกหน้าแข็งเล็กน้อย
ไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปดีเลย
“ไม่คิดเลยว่าจะมีเบียร์แถมมาด้วย”
บนโต๊ะมีเบียร์อยู่สองแก้ว
ร้านนี้เหมือนจะให้เบียร์แก้วแรกเป็นบริการฟรี คล้ายๆ กับอาหารเรียกน้ำย่อย
ฉันไม่ใช่คนที่ชอบดื่มนัก ดื่มแล้วจะรู้สึกไม่ดีซะมากกว่า
ไม่คิดว่าการเมาจะสนุกตรงไหน
แม้จะพอสนใจรสชาติของเหล้าโลกนี้อยู่บ้าง แต่อยากลองแค่จิบเดียวก็พอ
ฉันเดาว่าโพเมร่ายังไม่ถึงยี่สิบดีแน่ แต่เจ้าของร้านก็ไม่ถามอายุ แค่เอาเบียร์มาเสิร์ฟเงียบๆ
ดูเหมือนว่าโลกนี้จะไม่มีข้อจำกัดเรื่องอายุในการดื่ม
“นี่เป็นครั้งแรกของโพเมร่าเลยค่ะ ทั้งการเข้าร้านเหล้า ทั้งการดื่มเบียร์! ตื่นเต้นจังค่ะ!”
“มันไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกครับ…ค่อยๆ จิบดู ถ้าไม่ชอบก็อย่าฝืนนะ”
ฉันยิ้มแห้ง แล้วชนแก้วกับโพเมร่าเบาๆ เพื่อฉลองค่ำคืนนี้ด้วยกัน
MANGA DISCUSSION