ฉันกับโพเมร่ารับภารกิจปราบมอนสเตอร์ระดับ D จากกิลด์นักผจญภัย แล้วมุ่งหน้าออกจากเมืองมายังทุ่งหญ้านอกเขตเมืองด้วยกันสองคน
เว้นเสียแต่ว่าจะมีเหตุผลพิเศษจริงๆ โดยมากแล้วภารกิจปราบปรามมักจะอยู่ใกล้ๆ เมืองเป็นหลัก
เพราะเป้าหมายหลักของภารกิจเหล่านี้ ก็คือการทำให้เส้นทางรอบเมืองและเส้นทางเชื่อมระหว่างเมืองปลอดภัยนั่นเอง
มอนสเตอร์ที่ต้องจัดการในภารกิจครั้งนี้ก็คือ “ไอรอนคาว” ที่ปรากฏตัวอยู่ในทุ่งหญ้า
มันเป็นวัวตัวใหญ่ที่มีเขาโลหะขนาดมหึมาเจริญเติบโตจนปกคลุมไปทั่วใบหน้า ดูเผินๆ แล้วราวกับสวมหน้ากากน่าขนลุกอยู่
การพุ่งชนใส่ศัตรูโดยถ่วงน้ำหนักทั้งหมดไว้ที่หัวที่ถูกหน้ากากครอบไว้เป็นท่าไม้ตายของมัน แถมตัวมันเองก็แข็งแกร่งราวกับโลหะ แม้จะไม่เท่าหน้ากากก็ตาม
ในหมู่นักผจญภัย เจ้าพวกนี้มักจะถูกเรียกว่า “วัวเหล็ก” หรือ “วัวเหล็กจอมคลั่ง”
ระดับความแข็งแกร่งอยู่ที่ราวๆ เลเวล 25 ในสภาพโตเต็มวัย ซึ่งแน่นอนว่าทั้งฉันและโพเมร่าในตอนนี้ไม่มีทางแพ้อยู่แล้ว
เราเดินออกจากเมืองไปได้ราวหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะพบไอรอนคาวอยู่สามตัว
หน้ากากของพวกมันดูน่าขนลุกอย่างที่ได้ยินมาไม่มีผิด
ถ้าจะเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ ก็คงคล้ายๆ กับรูปปั้นโมอายล่ะมั้ง
ชิ้นส่วนที่ใช้ยืนยันการปราบก็คือหน้ากากนั่นแหละ
ถึงจะใหญ่เทอะทะไปหน่อย แต่สามารถหลอมแล้วนำไปแปรรูปได้ จึงถือว่ามีประโยชน์
นอกจากนี้เนื้อของพวกมันบางส่วนยังถูกกำหนดให้เป็นวัตถุดิบที่สามารถขายเป็นวัตถุดิบอาหารได้ด้วย
แม้ด้านนอกจะแข็งเกินกว่าจะนำไปทำอาหารได้ แต่ด้านในกลับเป็นวัตถุดิบราคาแพงเลยทีเดียว
ไอรอนคาวพอเห็นเราปุ๊บ ก็พุ่งใส่ด้วยแรงเต็มเหนี่ยวทันที
พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่ดุร้ายโดยธรรมชาติ
“ไม่ได้สู้กับมอนสเตอร์มานานเลยนะคะ”
ฉันเหลือบตามองไปทางโพเมร่า
เป็นการบอกกลายๆ ว่าจะฝากพวกมันให้โพเมร่าจัดการเอง
โพเมร่าพยักหน้าแน่วแน่ก่อนจะกำไม้เท้าแน่นแล้วเดินออกไปข้างหน้า
ฉันอยากให้เธอได้รู้สึกถึงผลลัพธ์จากการฝึกฝนและเพิ่มเลเวล
จริงอยู่ที่เวลาต้องสู้กับพวกปีศาจสุดแกร่ง การจะวัดผลของการเลเวลอัพมันแทบเป็นไปไม่ได้
ไม่ว่าเลเวล 38 จะขึ้นมาเป็น 201 พวกปีศาจที่ระดับพลังเกินมนุษย์ก็ยังคงมองว่าทั้งสองเลเวลนั้นไม่ต่างกันมากนัก—แค่รอยขีดข่วนก็เท่านั้น
โพเมร่าหลับตาลง แล้วสูดลมหายใจเข้า
ดูเหมือนจะตั้งใจใช้เวทมนตร์แห่งภูตนะ
เวทมนตร์แห่งภูตต้องใช้สมาธิสูงมาก เพราะต้องประสานจังหวะลมหายใจไปพร้อมกับภูติแห่งธรรมชาติ
ในความคิดฉัน ถ้าจะดึงพลังของเวทภูตออกมาให้ถึงขีดสุด จำเป็นต้องฝึกวิชา 《จิตคู่ขนาน》 ด้วย
ด้วยวิชานี้จะสามารถใช้เวทภูตพร้อมกับโจมตีโดยไม่ทิ้งช่องว่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ
คงจะถึงเวลาแล้วล่ะ… ที่ฉันจะต้องสอนวิชานั้นให้โพเมร่า
“ว่าแต่ ถ้าแค่พวกไอออนคาว ใช้มือเปล่าก็น่าจะพอแล้วนี่นา……”
โพเมร่าเบิกตาขึ้นแล้วชี้ไม้เท้าใหญ่ไปยังฝูงไอรอนคาวที่กำลังพุ่งเข้ามา
“เวทภูตขั้นที่แปด 《กรงเล็บเพลิง ซาลาแมนเดอร์》!”
กรงเล็บเพลิงพุ่งออกมาเป็นเส้นแสงพาดผ่านพื้นดิน
ร่างของไอรอนคาวทั้งสามถูกผ่ากลางเป็นสองส่วน ก่อนจะลุกไหม้และกลิ้งไปกับพื้นดิน
โพเมร่าอ้าปากค้าง มองภาพที่เกิดขึ้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมายิ้มอย่างร่าเริง
“คะ…คานาตะซัง! โพเมร่าทำได้แล้วค่ะ! โพเมร่า…แข็งแกร่งขึ้นจริงๆ ด้วย!”
หน้ากากของพวกไอรอนคาวที่หลุดออกมาตอนถูกโจมตีร่วงลงกระแทกพื้น
เสียง “แก๊ง” ดังสะท้อนกลับมา
โพเมร่าสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงนั้น แล้วรีบมองไปข้างหน้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ
……หน้ากากที่ใช้เป็นหลักฐานในการปราบ ถูกทำลายจนแตกกระจายหมดแล้ว
ดูเหมือนจะถูกผ่าเป็นสองซีกด้วยเวท แล้วพอโดนความร้อนสูงก็อ่อนตัว จากนั้นก็กระแทกพื้นจนพังยับ
เศษหน้ากากก็บิดเบี้ยวผิดรูปไปหมด
ส่วนเนื้อ…ไหม้เกรียมดำหมด
การที่โพเมร่าซึ่งอยู่เลเวล 201 ร่ายเวทเต็มพลังใส่ไอรอนคาวเลเวล 25 ผลก็ย่อมออกมาแบบนี้แหละ
ฉันเก็บเศษหน้ากากขึ้นมาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะวางคืนลงไปบนพื้น
“……ลองไปหาตัวอื่นเถอะ”
“ขะ…ขอโทษค่ะ คานาตะซัง……คะ คือนึกว่าในเมื่อจะทดลอง ก็น่าจะต้องใช้เวทที่แรงที่สุดดูไม่ใช่เหรอคะ……”
เราสองคนจึงเริ่มเดินตามหาพวกไอรอนคาวต่อ
ระหว่างนั้นก็หยุดพักใต้ร่มไม้และหาอะไรกินเล็กน้อย
มื้อกลางวันของนักผจญภัยก็ไม่มีอะไรมาก—ขนมปังแห้งกับเนื้อแห้งที่ซื้อมาจากร้านอุปกรณ์นักผจญภัยเท่านั้นเอง
“……ตอนนี้ ถ้าโพเมร่าไปหา รอยซังกับพวก เขาจะยอมปฏิบัติกับโพเมร่าแบบเท่าเทียมบ้างมั้ยนะคะ”
โพเมร่าพึมพำเบาๆ พลางถือกระบอกหนังใส่น้ำไว้ในมืออย่างไม่มั่นใจ
“ฉันว่าพยายามไม่ไปยุ่งกับพวกรอยจะดีกว่านะ……”
แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็คิดว่าเจตนารมณ์ของโพเมร่า ที่แม้จะเจ็บจากเหตุการณ์ในอดีตแต่ไม่ยอมโทษใคร ยังควรได้รับความเคารพ
ถ้าเป้าหมายก้าวแรกของเธอคือการปรับความเข้าใจกับพวกรอย ฉันเองก็ไม่มีสิทธิ์ไปห้าม
แน่นอน ถ้ามันจะพาไปเจอปัญหา ฉันก็ต้องหาทางสกัด
“เลเวลขึ้นมาขนาดนี้แล้ว ตอนนี้พวกเขาคงไม่กล้าปฏิเสธโพเมร่าเหมือนแต่ก่อนหรอก……”
ฉันพูดไปพลางนึกขึ้นมาได้ว่า รอยน่ะอยู่แค่เลเวล 14
“……ว่าแต่เลเวลมันห่างกันเกินไปไหมเนี่ย อาจจะกลายเป็นอึดอัดแทนก็ได้”
“โพเมราก็รู้สึกแบบนั้นแหละค่ะ! ว่าแล้วเชียว! ใช่มั้ยล่ะคะ!?”
“มะ…มันก็ใช่นั่นแหละ ถ้าจะเข้าหาพวกรอย การอยู่เลเวลต่ำกว่านี้อาจจะง่ายกว่าก็จริง……แต่ถ้าจะเป็นนักผจญภัยที่เอาชีวิตรอดให้ได้ การมีเลเวลสูงๆ แบบนี้ก็ดีกว่านะ”
“……ขนาดเลเวล 200 ยังไม่พอเนี่ย…คานาตะซังกำลังจะไปเจอกับอะไรเหรอคะ?”
“อะ…เอ่อ…อาจารย์ของฉัน—ลูนาแอลน่ะ เธอพูดไว้อย่างนั้น……”
“เอ่อ…โพเมร่าเคยสงสัยมานานแล้วค่ะ…คานาตะซัง…แน่ใจนะคะว่าไม่ได้โดนอาจารย์ลูนาเอลหลอกเอาน่ะค่ะ…?”
ไม่มีทางเป็นไปได้ (TN: เป็นไปแล้ว)
ไม่มีทั้งเหตุผลหรือประโยชน์อะไรที่ลูนาแอลจะต้องโกหกฉัน
ถ้ามีเรื่องบางอย่างที่ฉันยังไม่รู้เกี่ยวกับเจตนาเบื้องหลังของเธอ มันก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ฉันรู้ดี—ผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางโกหกใครเพื่อทำร้ายคนอื่นหรอก
ฉันกลืนเศษขนมปังที่ติดคอด้วยน้ำ แล้วโพเมร่าก็ลุกขึ้นยืนเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว
“……มีใครบางคนกำลังเดินมาทางนี้ค่ะ เป็นนักผจญภัยที่รับภารกิจเดียวกันหรือเปล่านะ?”
ฉันลุกขึ้น แล้วหันไปมองรอบๆ
จากทางเมือง มีชายคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาทางเรา
รูปร่างอวบใหญ่ พร้อมขวานยักษ์โดดเด่นที่หลัง
แม้จะยังอยู่ไกล แต่แค่เห็นแวบเดียวฉันก็รู้ว่าเป็นใคร
เขาคือ “ออคตาบิโอ” นักผจญภัยระดับ D ตลอดกาล
พอเราสบตากัน เขาก็ยิ้มเหยียดใส่ พร้อมกับรอยย่นที่ลึกขึ้นบนใบหน้า
“ไงล่ะ……เจ้าคุณชายผู้โง่เง่าจากตระกูลขุนนาง กับขยะจากป่าที่โดนหมอนี่เลี้ยงไว้เล่นๆ”
เป็นรอยยิ้มแสนชั่วร้ายที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและจงใจดูถูกอย่างชัดเจน
MANGA DISCUSSION