เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ นับตั้งแต่ฉันเริ่มฝึกกับโพเมร่า
เราสลับกันระหว่างการล่ามอนสเตอร์และฝึกเวทมนตร์ จนตอนนี้เลเวลของเธอขึ้นมาถึงเลเวล 38 แล้ว
ในด้านทักษะเวทขาว โพเมร่าเก่งกว่าฉันไปแล้วด้วยซ้ำ
ฉันแอบวางแผนไว้ว่าจะให้เธอฝึกให้เชี่ยวชาญขึ้นอีก แล้วค่อยสอนฉันกลับแบบเข้าใจง่ายๆ
วันนั้น ฉันกับโพเมร่าออกไปล่ามอนสเตอร์ที่ชายป่าตามปกติ
แต่กลับบรรลุเป้าหมายเร็วกว่าที่คิด เราจึงกลับถึงกิลด์นักผจญภัยตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นเต็มฟ้า
“ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ…ว่าจะมีวันหนึ่งที่โพเมร่าจะไปถึงเลเวล 40 ได้ ตอนนี้พวกรอยซังกับคนอื่นๆ จะยอมเป็นเพื่อนกับโพเมร่าอย่างเท่าเทียมไหมนะ?”
โพเมร่าพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มระหว่างต่อแถวที่เคาน์เตอร์
แต่ฉันเองกลับรู้สึกหนักใจกับเรื่องเลเวลของเธออยู่เล็กน้อย
“แปลกจริง…ตอนที่ลูนาเอลฝึกฉัน ยังอัปเลเวลฉันขึ้นไปถึง 100 ได้ภายในสัปดาห์เดียว แต่ของโพเมร่ายังไม่ถึงครึ่งเลย แถมประสิทธิภาพก็ลดลงเรื่อยๆ ด้วย…”
หรือจะเป็นเพราะวิธีของฉันไม่ดีเอง
ตอนนี้ยิ่งใช้โพชั่นเปลืองขึ้นทุกวัน
จำนวนโอสถที่เหลือก็ใกล้หมดแล้ว ฉันเลยพยายามจะปรุงเองบ้าง ถึงแม้จะสู้ของที่ลูนาแอลทำไม่ได้ก็ตาม
ทว่า…วัตถุดิบกลับหาไม่ได้เลย
ฉันพยายามจะคิดสูตรจากสิ่งที่หาได้ แต่คงต้องใช้เวลาและทุนในการทดลองอีกมาก
เพิ่งจะมารู้สึกถึงความสำคัญของคำแนะนำจากลูนาเอล ที่บอกว่า “ควรพัฒนาเวทเล่นแร่แปรธาตุไว้” ก็คราวนี้เอง
เหมือนว่า ทุกอย่างที่ฉันคิดว่าดีในการฝึก ดันกลายเป็นสิ่งที่ย้อนศรไปหมด
แต่วิธีของฉันกับลูนาแ
เอลก็ย่อมต่างกันอยู่แล้ว สิ่งแวดล้อมที่ หลุมอเวจี โคคิวทัส กับที่นี่ก็ต่างกันสุดขั้ว
รูปแบบการต่อสู้ของฉันกับโพเมร่าก็ไม่เหมือนกันด้วย
เพราะงั้น ฉันจึงไม่อาจลอกวิธีฝึกของลูนาเอลมาใช้ได้ทั้งหมด
แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะทำได้ดีเท่าเธอตั้งแต่แรกแล้ว
แต่โพเมร่า…เธอกลับเชื่อใจและพึ่งพาฉัน
ฉันอยากจะช่วยให้เธอเข้าใกล้ความฝันให้ได้
แต่วิธีของฉัน อาจจะไม่อาจทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นไปกว่านี้อีกก็ได้
“คานาตะซัง…กำลังกลุ้มใจเรื่องอะไรอยู่เหรอคะ? เมื่อกี้ได้ยินว่าเลเวล 100 ในสัปดาห์เดียว…มันเรื่องอะไรกันเหรอคะ?”
โพเมร่าถามขึ้นด้วยท่าทีหวาดๆ
ฉันได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน แล้วเริ่มครุ่นคิดว่า…ควรลอง “สิ่งนั้น” ได้แล้วหรือยัง แม้จะต้องฝืนตัวเองบ้างก็ตาม
“…พวกคุณนี่ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ นะคะ”
พนักงานของกิลด์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อเห็นฉันหยิบขนหมาป่าดาร์ควูล์ฟ เขี้ยวของเซเบิลแรบบิท และเขาของอัลมิราจออกจากถุงเวท
ดาร์ควูล์ฟกับเซเบิลแรบบิทเป็นมอนสเตอร์ระดับเลเวล 20 ส่วนอัลมิราจอยู่ราวๆ เลเวล 30
ด้วยคำแนะนำจากโพเมร่า ฉันพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ ดิเมนชัน พ็อกเก็ตในที่สาธารณะ และเลือกใช้ถุงเวทธรรมดาแทน
ดูเหมือนว่าเวทขั้นที่แปดนั้นมันเด่นสะดุดตาเกินไป
โพเมร่าบอกว่า แม้แต่นักผจญภัยระดับ C หรือ B ที่เรียกว่าเป็นมือฉมัง ส่วนใหญ่ก็ไปได้แค่เวทขั้นที่หกเท่านั้น
แถมเวทขั้นที่หกนั้น มันอลังการเกินไป ใช้เวลาร่ายนาน แถมส่วนใหญ่ก็โอเวอร์คิล เลยไม่มีใครใช้ในสนามจริงอยู่ดี
แม้จะรู้สึกว่าเธอพูดเกินไป แต่ฉันก็ทำทีเป็นเข้าใจไว้ก่อน
“ทั้งสองคน เพิ่งเลื่อนเป็นนักผจญภัยระดับ E ไปเมื่อไม่นานนี้ใช่มั้ยคะ?”
พนักงานตรวจบัตรลงทะเบียนของเราพร้อมกับพูดขึ้น
“ใช่ครับ”
“จริงๆ แล้ว ตอนนี้ทางกิลด์กำลังหารือเรื่องจะเลื่อนคานาตะซังกับโพเมร่าซังให้ขึ้นเป็นระดับ C แบบพิเศษค่ะ
พลังของพวกคุณชัดเจนว่าระดับ C ขึ้นไปอยู่แล้ว ทางกิลด์เองก็อยากให้คนที่มีฝีมือ ได้รับภารกิจที่เหมาะสมกับตัวเองด้วย
ยังไม่ใช่ทันทีหรอกนะคะ แต่ก็ขอให้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้า”
“จริงเหรอครับ!?”
ฉันเองก็อยากจะรับภารกิจระดับสูงได้ไวๆ อยู่แล้ว
แค่ขายชิ้นส่วนมอนสเตอร์ให้กิลด์ มันไม่มีทางทำกำไรได้ดีนักหรอก
แถมเมื่อเลื่อนระดับขึ้นไป บัตรลงทะเบียนของนักผจญภัยยังสามารถใช้เป็นบัตรยืนยันตัวตนได้อีก
ว่ากันว่าเจ้าเมืองในบางเขตยังมีสิทธิพิเศษสำหรับนักผจญภัยฝีมือดี เพื่อดึงตัวให้อยู่ในอาณาเขตตัวเอง
ไม่ว่าจะมองยังไง การเลื่อนระดับก็มีแต่ได้กับได้
“ยะ…เยี่ยมไปเลยค่ะ คานาตะซัง! โพเมร่า…รู้สึกเหมือนได้อานิสงส์จากคานาตะซังมาเฉยๆ เลย รู้สึกแอบผิดยังไงก็ไม่รู้ค่ะ…”
ทันใดนั้น ฉันสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวอันตรายบางอย่างจากข้างหลัง
พอหันไปมอง ก็เห็นออคตาบิโอกำลังจ้องมาทางพวกเรา
“ทำไมพวกเด็กเวรนั่นถึง…ต้องเล่นตุกติกอะไรแหงๆ…”
ออคตาบิโอพึมพำอะไรบางอย่างกับตัวเองอีกแล้ว
…อีกแล้วเหรอ เจ้านี่
พอเราสบตากัน เขาก็จิ๊ปากใส่แล้วเดินหนีไปอีกทาง
ได้ยินมาว่า ออคตาบิโอค่อนข้างมีปมที่เป็นนักผจญภัยระดับ D มาตลอด
เขาดูไม่ชอบที่ฉันกับโพเมร่าถูกยกย่องเป็นพิเศษจากกิลด์ หลังสร้างผลงานดีต่อเนื่องทุกวัน
ส่วนสมุนร่างเล็กของออคตาบิโอที่เคยอยู่ด้วยกัน ก็ไม่เห็นหน้าอีกเลย
อาจจะกลัวฉันจนหนีออกจากเมืองนี้ไปแล้วก็ได้
“ยังพอมีเวลาอยู่นะคะ คานาตะซัง… ตอนบ่ายจะเรียนเวทมนตร์กันต่อดีมั้ยคะ?”
หลังผ่านการฝึกฝน โพเมร่าเริ่มมีความมั่นใจขึ้น หรืออาจเป็นเพราะเราใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ่อย เธอเลยเปิดใจให้ฉัน
อย่างน้อยที่สุด เวลาพูดคุยกับฉัน เธอก็แทบไม่ติดอ่างอีกแล้ว
“นั่นสิ…อย่างที่เคยพูดไว้นั่นแหละ จริงๆ แล้วฉันมีของบางอย่างที่อยากทดลองอยู่
กลับไปที่โรงแรมก่อน แล้วค่อยลองดูหน่อยละกัน”
“ขะ…ของที่เคยพูดไว้…ว่าจะทดลองน่ะเหรอคะ?”
โพเมร่าหรี่ตาลงอย่างไม่สบายใจนัก
ก็…คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก ถ้าฉันให้ 《แหวนแห่งอูโรโบรอส》 ไว้กับเธอ ก็น่าจะป้องกันเหตุไม่คาดฝันได้อยู่…มั้งนะ (TN: เก็บข้าวเก็บของหนีไปจากเมืองนี้ โพเมร่าาาา)
MANGA DISCUSSION