ฉันกับโพเมร่าเดินทางกลับมายังเมืองอาร์โลเบิร์กด้วยกันสองคน แล้วตรงไปที่กิลด์นักผจญภัยเพื่อนำชิ้นส่วนหลักฐานจากการล่ามาแลกเงินรางวัล
“ม-มากขนาดนี้เลยเหรอคะ…? ตั้งแต่รับภารกิจมา ยังไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำแท้ๆ…”
เจ้าหน้าที่หญิงประจำเคาน์เตอร์ของกิลด์นักผจญภัยมองฉันกับโพเมร่าสลับไปมาอย่างเหลือเชื่อ
“ทั้งสองท่าน… เป็นนักผจญภัยระดับ F ใช่มั้ยคะ…?”
เธอเริ่มตรวจนับจำนวนหูของก็อบลินอย่างระมัดระวัง แล้วจู่ๆ มือก็หยุดค้าง ร่างกายสะท้านเล็กน้อย
“กะ-ก็อบลินลีดเดอร์…? แถมยังตั้งสามตัว!? นี่มันเกินไปแล้ว…”
“…มันต่างจากพวกธรรมดาขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
ฉันเผลอถามไป เพราะตอนสู้กันจริงๆ ก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรต่างจากก็อบลินทั่วไป ยกเว้นแค่หน้าตา
เจ้าหน้าที่ทำหน้าคลางแคลงใจ
“ทั้งสองคน… เอ่อ… ได้สู้ด้วยตัวเองจริงๆ ใช่ไหมคะ? ไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ ใช่หรือเปล่า? ขอโทษนะคะ แต่ในระดับนี้ นักผจญภัยระดับ F สองคนจะจัดการได้มันก็เกินไปหน่อย…”
“อะ…เอ่อ…คือ…”
ฉันกำลังอึกอักอยู่ แต่โพเมร่าก็รีบก้าวขึ้นมาข้างหน้าแทน
“ค-ค่ะ! คืะ…คือว่าคานาตะซังเพิ่งลงทะเบียนเป็นนักผจญภัยค่ะ คิดว่าเลเวลจริงๆ น่าจะสูงกว่านั้น แล้วก็…สาเหตุที่ใช้เวลาน้อยน่ะค่ะ เราคิดว่าน่าจะมีรังของก็อบลินอยู่ทางตอนใต้ของเมือง…”
โพเมร่าเปิดแผนที่อธิบายให้เจ้าหน้าที่ฟัง
“…ถ้าจำไม่ผิด แถวนั้นก็มีรายงานแปลกๆ เข้ามาเหมือนกัน เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็พอจะอธิบายได้ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ”
แม้เจ้าหน้าที่จะยังดูไม่เชื่อทั้งหมด แต่ก็ไม่มีท่าทีจะซักไซ้อะไรต่อ
…รอดตัวแล้ว…
มีคนที่พูดอธิบายได้แบบนี้อยู่ข้างๆ นี่ต่างกันจริงๆ
ดีจังที่โพเมร่าอยู่ด้วย
“คุณคานาตะเคยเป็นทหารรับจ้าง หรือไม่ก็ทำงานเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุมาก่อนหรือเปล่าคะ? ด้วยความสามารถแบบนี้ ถ้ามีผลงานสะสมอีกหน่อยก็ขึ้นระดับ D…ไม่สิ ระดับ C ยังง่ายเลยค่ะ”
แม้ฉันจะไม่ได้ยึดติดกับระดับนัก แต่ถ้ามันกลายเป็นเป้าหมายในการทำกิจกรรมก็ไม่เลว อย่างน้อยก็ลองตั้งเป้าเป็นนักผจญภัยระดับ C ดูก่อนแล้วกัน
“แต่งานนี้เหมือนแค่แต่งผลงานนั่นแหละน่า”
เสียงดังมาจากด้านหลัง ฉันหันกลับไปมอง
ชายคนหนึ่งที่ต่อแถวอยู่ข้างหลังฉันหันมามอง แล้วก็สะบัดหน้าหนีไปพลางสบถเสียงดัง
…ทั้งออคตาบิโอทั้งรอย คนที่นี่ดูหงุดหงิดกันง่ายจัง…
“พวกมันจะได้ขึ้นระดับ C เนี่ยนะ? ฝันไปเถอะ…”
แล้วฉันก็เห็นออคตาบิโอยืนอยู่ไม่ไกลนัก จ้องผมตาเขม็ง รอยย่นเต็มใบหน้า จมูกสั่นกระตุกน่ากลัว
ไม่มีลูกสมุนอยู่ใกล้ๆ ด้วย…หวังว่าเจ้านั่นจะไปเตือนออคตาบิโอจริงๆ นะ
ฉันจ้องกลับไป ออคตาบิโอจึงหันหลังเดินจากไป
…ขอแค่อย่าก่อเรื่องอะไรก็พอ…
“รางวัลครั้งนี้คือ…ก็อบลิน 18 ตัว ลีดเดอร์ 3 ตัว รวมเป็น 66,000 โกลด์ค่ะ”
“ส-สุดยอดเลย… ภารกิจระดับ E ยังไม่ค่อยได้เยอะขนาดนี้เลยนะคะ!”
โพเมร่ารับเงินไปพร้อมเปล่งเสียงตื่นเต้นออกมา
โกลด์กับเยนมีมูลค่าใกล้เคียงกัน ถ้าได้เงินเท่านี้ภายในวันเดียวก็นับว่าดีมาก แบ่งครึ่งแล้วเหลือ 33,000 โกลด์ ถ้าทำงานเดือนละ 20 วันก็จะได้ถึง 660,000 โกลด์
แม้จะต้องกันไว้เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ยังถือว่าพออยู่ได้สบายกว่าที่คิดไว้
“งั้นนี่ค่ะ คานาตะซัง เชิญรับเงินค่ะ”
โพเมร่าชูถุงเงินส่งมาให้ฉันตรงๆ
“หะ? เอ่อ…แล้วส่วนของโพเมร่าล่ะ…? ไม่แบ่งคนละครึ่งเหรอ?”
“ม-ไม่ได้นะคะ! โพเมร่าไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้ารับเงินไปก็รู้สึกผิดแย่เลย! อีกอย่าง โพเมร่ายังต้องรบกวนคานาตะซังให้สอนอะไรหลายๆ อย่างต่อไปด้วย…จะให้รับเงินโดยไม่ทำอะไรไม่ได้เด็ดขาดค่ะ!”
“แต่ฉันก็ได้รับคำแนะนำจากเธอหลายอย่างเหมือนกัน…อีกอย่าง ถ้าไม่มีเงินก็ใช้ชีวิตไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?”
“ม-ไม่เป็นไรค่ะ! โพเมร่าเคยชินกับการนอนกลางแจ้งอยู่แล้ว…แถมคุณแม่ยังสอนสูตรอาหารจากตัวหนอนก็อบลินไว้ให้ด้วย ยังไงก็ไม่อดตายแน่นอนค่ะ!”
“นั่นยิ่งฟังยิ่งน่าเป็นห่วงอีก! ไอ้ตัวนั้นมันกินได้จริงเหรอ!?”
“ใ-ในหมู่บ้านเอลฟ์…เห็นว่าทานกันค่อนข้างบ่อยค่ะ…แต่ในเมือง…ไม่ค่อยได้ยินว่ามีใครกิน…”
…แค่ชื่อ “ตัวหนอนก็อบลิน” ก็หมดความอยากอาหารแล้ว
ภาพในหัวก็ผุดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ…
ยังไงก็ต้องให้เธอรับเงินไว้บ้าง อย่างน้อยพอให้ใช้ชีวิตปกติได้ ไม่งั้นฉันจะรู้สึกเกรงใจแทน
ระหว่างที่กำลังเถียงกับโพเมร่า เสียงตะโกนดังขึ้นจากอีกเคาน์เตอร์
“ฉันเห็นกับตา! ปีศาจตาเดียวขนาดใหญ่เหมือนค้างคาวนั่น! มันเป็นภูติที่ถูกอัญเชิญมาแน่นอน!”
“อีกแล้วเหรอคะ…แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณล่ะคะ?”
“การอัญเชิญภูติแล้วปล่อยทิ้งไว้ เป็นความผิดร้ายแรงทุกเมืองไม่ใช่เหรอ!? ใครจะไปอัญเชิญแบบไร้จุดประสงค์กัน? ต้องเป็นฝีมือของ 《นักบวชแห่งเทพอสูร โนตส์》 แน่ๆ! เขาต้องใช้มันเพื่อลาดตระเวน! ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นแล้ว! แต่กลับบอกว่าเป็นข้อมูลผิดพลาด แล้วถอนการเตรียมรับมือเนี่ยนะ!?”
ชายคนนั้นโวยวายใส่เจ้าหน้าที่ด้วยน้ำเสียงรุนแรง แต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตอบกลับแบบเย็นชา
“เรื่องนี้เป็นคำตัดสินของท่านเจ้าเมืองค่ะ เราไม่สามารถทำอะไรได้ บางทีอาจมองผิด หรือเป็นแค่มุขล้อเล่นก็ได้ ที่สำคัญ…คุณอาจจะแค่หวาดกลัวมากเกินไป เลยมองอะไรก็เป็นแบบนั้นไปหมดหรือเปล่าคะ?”
“ว่าไงนะ…!?”
ชายคนนั้นดูเหมือนจะเข้าไปกระชากคอเสื้อในอีกวินาที
‘โนตส์’ งั้นเหรอ…นักบวชเทพอสูรที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น 《มนุษย์มังกรอสูร》 ผู้โหดเหี้ยมสินะ
ว่าไปแล้ว โปสเตอร์ประกาศจับที่เคยแปะอยู่ก็ถูกเอาออกไปแล้วนี่นา…
ทันใดนั้น ทหารสองคนเดินตรงเข้ามาที่เคาน์เตอร์ ล็อกแขนชายคนนั้นไว้ทั้งสองข้าง
“ท-ทำอะไรของพวกแก!?”
“อีกแล้วเหรอ…เอะอะก็ปั่นป่วน สร้างความตื่นตระหนกแบบไม่มีหลักคิด เลิกทำแบบนี้เสียที…เฮ้อ เอาเถอะ ตามเรามาซะ”
ชายคนนั้นถูกลากออกไปจากกิลด์อย่างง่ายดาย
“พวกแกจะต้องเสียใจ! พวกแกก็คิดว่ามันแปลกใช่มั้ย!? ถ้า ‘โนตส์’ อยู่นี่จริง เมืองนี้พังในพริบตาแน่! แต่เจ้าเมืองโง่การอนด์กลับรีบสรุปว่าเป็นความเข้าใจผิด แล้วไม่ทำบ้าอะไรเลย! ถ้าอยู่ที่นี่ต่อ พวกเราทุกคนต้องตายหมดแน่!!”
เสียงตะโกนสุดท้ายของชายคนนั้นดังลั่นไปทั่วกิลด์
ผู้คนเริ่มแตกตื่น
ฉันเองก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ แม้ตอนแรกจะคิดว่าเป็นแค่ความเข้าใจผิด
แต่มันจะใช่อย่างนั้นจริงเหรอ?
“เงียบซะ! หยุดปลุกปั่นให้คนตื่นกลัวได้แล้ว!”
เสียงทหารตะคอกพร้อมกับชกชายคนนั้นจนล้มลง ก่อนจะลากออกไปนอกราวกับถุงขยะ
โพเมร่ากอดคทาแน่น เหมือนพยายามกลบความกลัวในใจ
“…โนตส์นั่น อันตรายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
โพเมร่ากะพริบตาอย่างตกใจ ไม่คาดคิดว่าฉันจะไม่รู้จักโนตส์
“《มนุษย์มังกรอสูร》…ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้วค่ะ เรื่องที่ว่าทำลายเมืองได้ ไม่ใช่คำเปรียบเปรยเลยนะคะ ถึงเขาจะอยู่ในเมืองจริงๆ เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้หรอกค่ะ เพราะในบรรดาวีรกกรมเหล่านั้น…บางคราวเขาสังหารมนุษย์ไปกว่าหนึ่งแสนคน หรือแม้แต่ล้มประเทศทั้งประเทศก็มี…”
ม-มากขนาดนั้นเลยเหรอ…
ในโลกที่ถูกควบคุมด้วยเลเวลแบบนี้ ความต่างของพลังระหว่างคนธรรมดากับอสูรพวกนี้อาจมากราวคนแคระกับยักษ์เลย
บางทีฉันอาจประเมินสิ่งที่เรียกว่า 《มนุษย์มังกรอสูร》 ต่ำเกินไปจริงๆ…
MANGA DISCUSSION