ชายคนนั้นที่กำลังนำขบวนก็อบลินเดินมาอย่างเป็นระเบียบนั้น—ฉันจำหน้าเขาได้
ก็เมื่อครู่ ตอนที่กำลังเดินออกจากกิลด์นักผจญภัย เราเพิ่งจะเดินสวนกันไปหมาดๆ
“ฮิฮิฮิ… พวกแกก็คงต้องโทษความโง่ของตัวเองที่บังอาจไปหาเรื่องออคตาบิโอซังแล้วล่ะนะ ถ้าตอนนั้นยอมส่งถุงเวทมาให้ดีๆ อย่างน้อยก็แค่โดนรีดเงินไปตลอดชีวิตแทนที่จะต้องมาตายห่าแบบนี้!”
ชายร่างเล็กหัวเราะเสียงดังพลางยกมือขึ้นปิดปากอย่างจงใจ
ไอ้หมอนี่… เป็นลูกน้องของออคตาบิโอแน่ๆ
ดูท่ากลุ่มก็อบลินนี่ จะถูกเขานำมาจงใจเล่นงานเราโดยเฉพาะ
จากอารมณ์คลุ้มคลั่งเกรี้ยวกราดของก็อบลินแต่ละตัวแล้ว สงสัยแตรทรงเขาที่อยู่ในมือนั่นจะมีผลกระตุ้นความดุร้ายของมอนสเตอร์ด้วยก็เป็นได้
…แถมยังลงมือได้รวดเร็วเกินคาด
ระหว่างที่เรากำลังเตรียมตัวอยู่ หมอนี่คงอาศัยเส้นสายล้วงข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการของเรา แล้วดักรอไว้ก่อนล่วงหน้า
พูดให้ถูกคือ… ไม่ใช่แค่เอาจริง แต่ชัดเจนว่า ‘ชำนาญ’
“วิธีนี้แหละ ใสสะอาดที่สุดแล้ว แค่ระหว่างทำภารกิจ ดันพลาดตายไป—ก็แค่นั้น ต่อให้มีใครมาพูดอะไรทีหลังก็ไม่มีใครจับผิดได้หรอก ถ้าแค่ยืนกรานว่าไม่มีเจตนาร้ายล่ะก็ ยากที่ใครจะเอาผิดได้อยู่แล้ว ยิ่งมียัยหนูครึ่งเอลฟ์หน้าตาสะดุดตาอย่างนั้นเดินด้วย ก็ยิ่งสมเหตุสมผลเข้าไปใหญ่ พวกกระจอกน่ะ ถ้ารู้จักก้มหัวให้ดีๆ ก็คงไม่ต้องเจออะไรแบบนี้หรอก แต่นี่ดันคิดจะต่อต้าน… ออคตาบิโอซังน่ะเกลียดขี้หน้าพวกตัวกระจอกที่กล้าหือที่สุดเลยรู้มั้ย?”
เขาพูดพลางเก็บแตรเข้าที่ แล้วควักลูกกลมๆ สีเหลืองอ๋อยออกมาจากถุง
จากนั้นก็ขว้างมาทางโพเมร่า
“ลูกกลิ่น… ผลงานทำมือของฉันเอง คลุกด้วยเนื้อเน่ากับผลไม้หมัก—ฝีมือไม่เลวใช่ไหมล่ะ?”
ฉันเคยได้ยินมาว่า ก็อบลินนั้นชื่นชอบกลิ่นเนื้อเน่า
ของสิ่งนั้นคงถูกสร้างขึ้นเพื่อดึงความสนใจของมอนสเตอร์
เขาคงหวังจะใช้ลูกกลิ่นล่อเป้าให้ก็อบลินเปลี่ยนเป้าหมายจากตัวเขามาเป็นพวกเราแทน แล้วหนีไปอย่างลอยนวล
“กรี๊ด!”
“โพเมร่า! หมอบลง!”
ฉันกระโจนออกไปขวางหน้าโพเมร่า แล้วคว้าลูกกลิ่นที่ชายร่างเล็กขว้างมาไว้ได้ทัน
จากนั้นหมอนั่นก็หันหลังกลับไปมองก็อบลิน ก่อนจะฉวยโอกาสพุ่งตัววิ่งหนีผ่านด้านข้างของเราไป
“ชิ… นึกไม่ถึงว่าจะรับลูกกลิ่นได้เป๊ะขนาดนั้น ที่จริงก็แค่เผื่อไว้เท่านั้นเอง ไม่เป็นไรหรอก! ยังไงฉันก็เร็วกว่าพวกแกเยอะ! จำไว้นะเจ้าพวกน้องใหม่—ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่างเลเวลน่ะ มันไม่ใช่พลังเวทย์หรือกำลังร่างกายหรอก แต่มันคือ… ความเร็ว! ก็อบลินกำลังเปลี่ยนเป้าแล้วล่ะ…”
ฉันขยับตัวไล่ตามชายร่างเล็กไปทางด้านข้าง แล้วยื่นเท้าออกไปกวาด
เขาล้มลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้นอย่างงดงาม
“เป็นไปไม่ได้…เร็วขนาดนี้มัน… อั๊ก!”
เขาฟาดร่างกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
“จริงอย่างที่คุณว่า… ความเร็วในการเคลื่อนที่ชัดเจนที่สุดจริงๆ”
พอเขาเงยหน้าขึ้นมา ก็สบตากับฉันตรงๆ
ใบหน้าซีดเผือด เผยอปากอ้าค้างในอาการช็อก
“แ-แกเลเวลไหนกันแน่วะเนี่ย…!? ไม่สิ แกต้องไม่เกินร้อยแน่ๆ แท้ๆ…”
ดูเหมือนหมอนี่จะคิดว่าฉันยังไม่ถึงเลเวล 100 ด้วยซ้ำ
ถึงตอนนี้ฉันจะยังไม่เข้าใจโลกใบนี้ดีนัก แต่ชักเริ่มคิดว่า…ลูนาเอลคงจะฝึกฉันหนักเกินไปหน่อยแล้วล่ะ
หรือไม่ก็…การใช้ชีวิตอยู่ในเขาวงกตใต้ดินนานเกินไป อาจทำให้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเริ่มเพี้ยนไปบ้าง
ตอนนั้นเอง ก็อบลินทั้งยี่สิบตัวที่หมอนั่นพามาก็กรูกันเข้ามาใกล้
แต่ฉันไม่สามารถให้โพเมร่าหรือไอ้หมอนี่เห็นตอนใช้ [ดาบวีรชน กิลกาเมช] ได้
ดังนั้น ฉันจึงเก็บดาบกลับเข้าฝัก
“คะ-คานาตะซัง อย่าเพิ่งยอมแพ้นะคะ! โพเมร่าจะสู้ด้วย!… ในสถานการณ์แบบนี้ เขาคนนั้นก็ไม่มีทางเลือกแล้วล่ะค่ะ ต้องช่วยเราด้วยแน่นอน! ทั้งสามคนยังมีทางรอดอยู่ค่ะ!”
ฉันก้าวขึ้นไปข้างหน้า รับกระบองของก็อบลินลีดเดอร์ด้วยมือเปล่า ก่อนจะเตะเข้าที่อกมันเบาๆ
เนื้อขาดกระจุย กระดูกหักดังเป๊าะ ครึ่งบนของร่างก็อบลินที่เต็มไปด้วยลายสีแดงบินหายไปไกลสุดขอบฟ้า
“…หะ?”
ฉันเห็นสีหน้าของชายร่างเล็กที่นิ่งไปอย่างสิ้นเชิง
…การเตะนี่มันควบคุมแรงยากจริงๆ แฮะ
ฉันพุ่งไปอีกด้าน เจาะท้องของก็อบลินอีกตัวด้วยสันมือ ก่อนจะชักกลับอย่างรวดเร็ว
ร่างของมันจึงไม่ปลิวไปไกล
ดูท่าทางแบบนี้จะเหมาะกว่า
ถ้าชักมือออกก่อนเลือดจะกระเซ็น ผ้าคลุมก็ไม่เลอะเทอะด้วย
หลังการต่อสู้อันวุ่นวายผ่านพ้น ก็อบลินทั้งยี่สิบก็กลายเป็นซากกองพะเนิน
ถ้านับตามเวลาแล้ว—ยังไม่ถึงหนึ่งนาทีเลยด้วยซ้ำ
ถึงตอนนี้ ต่อให้ก็อบลินร้อยตัวมารุมทีเดียว ฉันก็คงไม่กลัวอีกแล้ว
…พูดให้ตรงกว่านั้น ถ้าใช้เวทมนตร์ได้ล่ะก็ ต่อให้มากกว่านั้นก็จัดการได้ภายในครั้งเดียวได้
“คะ-คานาตะซัง… ตะ…ตกลงคุณ…”
โพเมร่าพูดเสียงสั่น พร้อมกับทำท่าจะอ้าปากพะงาบๆ
…ถึงตอนนี้ คงปิดเรื่องนี้ไม่ไหวแล้วล่ะ
ถึงจะยังไม่รู้ว่าความลับของเลเวลสี่หลักจะถูกจับได้ง่ายแค่ไหนก็เถอะ
“ย-ยกโทษให้ฉันเถอะ! มันไม่ใช่อย่างที่คิดนะ! ฉันแค่โดนออคตาบิโอซังข่มขู่…!”
ชายร่างเล็กเหงื่อแตกเป็นสาย เหมือนสายน้ำไหลลงมาจากใบหน้าซีดเซียวของเขา
ฉันก้มลงคว้าเอาแตรมาจากเขาแล้วขว้างขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะต่อยจนมันแหลกละเอียด
จากนั้นฉันจ้องเขม็งใส่หมอนั่นตรงๆ
เขาเบิกตากว้าง กลืนน้ำลายดังเอื๊อก
“ฉะ-ฉัน… จะออกจากเมืองนี้แน่นอน! จะไม่มีวันโผล่ให้พวกคุณเห็นอีก! ดะ-ดังนั้น ได้โปรดเถอะ!”
ฉันหลับตา คิดครู่หนึ่ง
ชายคนนี้—ตั้งใจจะมาฆ่าฉันกับโพเมร่า
จากคำพูดก่อนหน้านี้ อาจไม่ใช่ครั้งแรกของเขาด้วยซ้ำ
แต่ฉัน…ก็ยังไม่อยากลงมือสังหารใครที่กำลังขอชีวิต
“…ฝากบอกออคตาบิโอด้วย ว่าคราวหน้าจะไม่มีการไว้ชีวิตอีก”
“ร-รับทราบ! ผมจะไปบอกคุณออคตาบิโอให้แน่นอน!”
เขาค่อยๆ ลุกขึ้นหอบหายใจ แล้วลากขาลากเท้าเดินกระเผลกกลับไปทางเมือง
…หวังว่าแค่นี้จะทำให้พวกออคตาบิโอเลิกคิดจะหาเรื่องเราต่อก็คงดี
จากที่ได้ยินมา ดูเหมือนออคตาบิโอจะเกลียดพวกที่แม้จะอ่อนแอกว่า แต่กลับได้อยู่ในจุดที่ดีกว่าเขา
ถ้าได้ฟังเรื่องวันนี้จากชายร่างเล็กนั่นแล้ว… เขาอาจจะเลือกถอยก็ได้—ฉันหวังว่าอย่างนั้นนะ
MANGA DISCUSSION