“เวทรักษากระจอกๆ ของเธอน่ะ ฉันไม่เคยนับว่ามีประโยชน์อยู่แล้ว จุดดีเดียวของเธอก็แค่ไม่เคยขัดคำสั่ง ราคาถูก แล้วก็ใช้งานง่ายก็เท่านั้น แต่ถ้าแม้แต่เวลาเธอยังรักษาไม่ได้ล่ะก็… เธอก็ไม่มีค่าอะไรเลยว่ะ เข้าใจมั้ย—โพเมร่า?”
ชายผมสีฟ้าเข้มไล่ต้อนโพเมร่าอย่างอึดอัดและกดดัน
โพเมร่าทำปากพะงาบๆ คล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เหมือนไม่รู้จะพูดอะไรถึงได้เงียบกริบ
“อย่านิ่งสิวะ พูดอะไรสักอย่างหน่อยได้ไหม หืม? ว่ายังไง? หรือว่าเธอไม่เข้าใจ?”
ฉันตัดสินใจแทรกกลางระหว่างทั้งสองคน
“ขอโทษทีครับ ที่เธอมาสายเพราะมัวแต่ช่วยผมที่หลงทาง ถ้าจะต่อว่าก็ขอให้ต่อว่าผมแทนเถอะ แต่ที่คุณขึ้นเสียงแบบนั้น ผมคิดว่ามันมากเกินไปนะ”
“คะ…คานาตะซัง?”
โพเมร่าหันมามองฉันอย่างตกตะลึง
“หา?”
ชายผมฟ้าที่ชื่อ รอย มองฉันแบบรำคาญเต็มทน ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วหันกลับไปหาโพเมร่า
“โพเมร่า…ถึงกับต้องทำขนาดนี้เลยเรอะ? พวกเลือดผสมก็ต้องพยายามประจบมนุษย์ให้สุดชีวิตเลยสินะ”
“เลือดผสม…?”
“อะไรกัน ไม่รู้มาก่อนเหรอ? ก็ไม่แปลกหรอก”
รอยยกมุมปากยิ้มเหยียด แล้วคว้าหมวกเบเรต์ของโพเมร่า
“อะ…อย่า! หยุดนะคะ! รอยซัง!”
โพเมร่าพยายามขัดขืน แต่รอยกระชากหมวกของเธอออกพร้อมกับผลักเธออย่างแรง
ฉันรีบพุ่งตัวไปรับไว้จากข้างหลังไม่ให้เธอล้มลง
“เธอไม่เป็นอะไรนะ?”
“…เดี๋ยว เดี๋ยวสิ… นายเมื่อกี้…วาร์ปมารึเปล่า? หรือว่าฉันตาฝาด?”
รอยขมวดคิ้วมองฉันอย่างไม่ไว้ใจ ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ตา
“เอาเหอะ…นี่ ดูหูยัยนั่นสิ โพเมร่าน่ะเป็นเลือดผสมระหว่างมนุษย์กับพวกชาวป่าไง”
โพเมร่าตกใจสุดขีด รีบยกมือปิดหูด้วยสีหน้าซีดเผือด
ปลายหูแหลมโผล่พ้นมือของเธอออกมาให้เห็นเล็กน้อย
“…ไม่ยาวถึงขนาดเอลฟ์เต็มตัว งั้นก็เป็น ครึ่งเอลฟ์ สินะ”
ฉันไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเองมาก่อน แต่ลูนาเอลเคยสอนเรื่องเผ่าพันธุ์ให้แล้ว
เอลฟ์คือเผ่าที่มีใบหูยาว เชี่ยวชาญเวทมนตร์โดยสัญชาติญาณ และอาศัยพลังจากวิญญาณธรรมชาติเพื่อขับไล่ความแก่ฟชราและความสกปรก
ด้วยเหตุนี้ เอลฟ์จึงมักอาศัยในธรรมชาติบริสุทธิ์ที่เต็มไปด้วยวิญญาณ
ผู้ที่เกิดและเติบโตบนแผ่นดินลอยฟ้าจะถูกเรียกว่า ไฮเอลฟ์ ส่วนผู้ที่อาศัยอยู่ในป่าบนผืนดินจะถูกเรียกว่า เอลฟ์ธรรมดา
ไฮเอลฟ์มีอายุยืนยาวเกือบพันปี ส่วนเอลฟ์ธรรมดาก็มีชีวิตอยู่ได้ราวห้าร้อยปี
แต่ถ้าเป็นครึ่งเอลฟ์ที่อาศัยในเมืองแบบโพเมร่า…ก็คงมีอายุราวๆ สองร้อยปี
ส่วนคำว่า “ชาวป่า” ที่รอยใช้ ก็คงหมายถึงความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับเอลฟ์
เอลฟ์ที่รักธรรมชาติและเกลียดเทคโนโลยีของมนุษย์ จึงมีปัญหาปะทะกันบ่อยครั้ง บางทีก็ถึงขั้นนองเลือด
“ขะ…ขอโทษค่ะ! คือ…โพเมร่าไม่ได้ตั้งใจจะหลอกคุณนะคะ คะ…แค่แบบ…อยากเป็นเพื่อนกับคุณคานาตะก็เลย…”
น้ำตาคลอในตาโพเมร่า
…ฉันรู้สึกแปลกๆ มาตั้งแต่แรกแล้ว ว่าทำไมเธอถึงดูเก็บตัวและกลัวคนขนาดนั้น
ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว
ในฐานะครึ่งเอลฟ์ โพเมร่าไม่อาจเข้ากับหมู่บ้านของเอลฟ์หรือสังคมมนุษย์ได้เลย เธอไม่มีที่ให้ยืนอยู่ในโลกนี้
“เห็นมั้ย? เข้าใจหรือยัง? พวกเลือดผสมอย่างเธอน่ะ ทำตัวต่ำๆ แบบนี้แหละถึงจะเหมาะ ได้ร่วมปาร์ตี้กับฉันก็นับว่าใจดีแค่ไหนแล้ว”
รอยโน้มหน้ามาจ่อใกล้ๆ ฉัน สีหน้าท่าทางเริ่มทำให้ฉันหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ
ฉันยกมือขึ้นแตะหน้าผาก หายใจลึกๆ พยายามเตือนตัวเองให้ใจเย็น
“ถ้าเข้าใจแล้วก็ถอยไปซะ เด็กเวอร์ๆ อย่างแกอย่ามาทำเก่งขัดฉันอีก”
“…เข้าใจแล้วครับ ดูท่าพูดอะไรคุณไปก็เสียเวลา ผมจะไม่พูดต่อแล้ว”
ฉันไม่รู้เรื่องราวลึกซึ้งระหว่างมนุษย์กับเอลฟ์ดีพอ จะเข้าใจวิธีคิดของคนที่นี่ก็ยาก
ที่สำคัญคือ…จากที่คุยกับรอยเมื่อครู่นี้ ฉันมั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนที่สามารถพูดคุยให้เข้าใจได้
“โพเมร่า ช่วยมาร่วมปาร์ตี้กับฉันได้มั้ย? ฉันยังไม่คุ้นเคยที่นี่นัก แล้วดูเหมือนจะรับเควสต์คนเดียวไม่ได้ ก็เลยกำลังลำบากมากเลยล่ะ”
ฉันยื่นมือไปหาโพเมร่า ขอเธอจับมือกับฉัน
“เอ๊ะ…เอ๋!? ดีจริงเหรอคะ? โพเมร่าเป็นครึ่งเอลฟ์นะคะ แล้วก็…ไม่รู้จะช่วยอะไรคานาตะซังได้บ้าง…”
รอยจ้องฉันด้วยสายตาเดือดดาล
“เฮ้ย! อย่ามาพูดเอาเองนะเว้ย! ถ้ายัยนี่ไม่อยู่ ฉันก็ขาดแรงงานราคาถูกนะเว้ย!!”
“เธอจะอยู่หรือไม่อยู่ ไม่ใช่เรื่องที่คุณตัดสินใจครับ แต่เป็นการตัดสินใจของโพเมร่า”
โพเมร่าดูลังเลอยู่พักใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือมาจับมือฉัน
เธอมือสั่นเล็กน้อย คงไม่ค่อยชินกับการจับมือใคร
“ยะ…ยินดีที่ได้ร่วมงานค่ะ คานาตะซัง! มะ…แม้โพเมร่าจะไม่เก่ง…แต่จะพยายามอย่างเต็มที่ค่ะ!”
ฉันกำลังจะพาโพเมร่าไปยังจุดรับเควสต์ แต่รอยก็เข้ามาคว้าหัวไหล่ฉันไว้ก่อน
เขาโน้มหน้ามากระซิบเสียงเบา
“อย่าทำตัวเป็นพระเอกเลยน่า…คานาตะใช่ไหม? ฉันก็เคยคิดเหมือนแกแหละว่ายัยนี่มีเวทดีเพราะเป็นเลือดผสม แต่เลเวลต่ำ อืดเป็นเต่า ทำอะไรไม่เป็น แค่พอใช้ได้ในฐานะกระสอบทรายระบายอารมณ์กับใช้ทำงานบ้านเท่านั้นแหละ ไม่มีวันเป็นอย่างที่แกหวังหรอก คืนยัยนั่นมาแต่ตอนนี้—”
ฉันสะบัดตัวหลุดจากการเกาะของเขาด้วยแรงเบาๆ
แต่รอยกลับล้มกระแทกพื้นอย่างแรง
“น่าสมเพชจริงๆ…”
ฉันพึมพำแล้วเดินพาโพเมร่าไปที่เคาน์เตอร์รับเควสต์
ระหว่างทาง โพเมร่าเอาแต่หันหลังไปมองข้างหลังตลอด
“ไม่ต้องสนใจหมอนั่นหรอก”
“มะ…ไม่ใช่ค่ะ คือ…รอยซังดูแปลกๆ ไป…”
ฉันหันกลับไปมองรอยด้วย
“อั่ก! เจ็บ! ใครก็ได้ช่วยที! ฮีลหน่อย! ไหล่ฉันหลุดแล้วววว!!”
รอยนอนคลานอยู่กับพื้น น้ำลายยืดพล่ามโวยวายใส่ผู้หญิงอีกคนในปาร์ตี้
…ฉันอาจจะเผลอใช้แรงมากเกินไป
เผลอใช้กำลังเท่ากับตอนอยู่บนโลกเก่า ทั้งที่คิดว่าใช้แค่แรงเบาๆ แล้วนะ
ความต่างของเลเวลมัน…สร้างปัญหากว่าที่คิดจริงๆ แฮะ
MANGA DISCUSSION