เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์นับจากที่เราเริ่มฝึกฝนใน 《กระจกต้องสาปแห่งแดนบิดเบี้ยว》
และตอนนี้ เลเวลของฉันก็พุ่งทะลุไปถึง 1058 แล้ว
ในที่สุด… ฉันก็ได้เหยียบย่างเข้าสู่หลัก “พัน” อันเป็นเขตแดนใหม่เสียที
วันนี้ก็เช่นเคย—ฉันยังคงเข้าไปใน กระจกต้องสาปแห่งแดนบิดเบี้ยว กับลูนาเอล เพื่อเก็บเลเวล
แน่นอนว่ากลยุทธ์ก็ยังเหมือนเดิม คือใช้เวทมนตร์ยิงถล่มจากภายในเขตแดนของ 《เขตศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพแห่งรัก อามอร์แซงก์ทัวรี่》
แต่ครั้งนี้… มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากเมื่อวันแรกที่เริ่ม
นั่นคือ เวทมนตร์ของฉันเริ่มสามารถสร้างความเสียหายให้กับมอนสเตอร์ประหลาดพวกนั้นได้อย่างเห็นผล แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
“เวทไฟขั้นที่สิบสี่ 《ลูกไฟนรกโลกันต์ อินเฟอร์โนบอล》”
ฉันสร้างวงเวท แล้วชูดาบขึ้นเหนือศีรษะ
ลูกไฟขนาดยักษ์ เส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 10 เมตร ลุกโชนเป็นเปลวเพลิงแดงดำกลางอากาศ
ใช่แล้ว—ฉันสามารถฝึกใช้เวทมนตร์ระดับเหนือขั้นได้สำเร็จแล้ว
เป็นเวทที่อยู่เหนือระดับสิบ ซึ่งนับว่าเป็นเวทขั้นสุดยอดในหมวดเวทมนตร์
โดยปกติ เวทนี้จะไม่สามารถใช้พร่ำเพรื่อได้ เพราะรุนแรงเกินไป
นอกจากจะเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิประเทศได้ง่ายๆ แล้ว
ถ้าเผลอพลาดเพียงเล็กน้อย ผู้ใช้เองก็อาจถูกไฟกลืนกินไปด้วย
แต่ว่า ที่นี่คือ 《กระจกต้องสาปแห่งแดนบิดเบี้ยว》 จะพังยับแค่ไหนก็ไม่มีใครว่าอะไร
และด้วยขอบเขตของ 《อามอร์แซงก์ทัวรี่》 ที่กันความเสียหายจากภายนอกไม่ให้ทะลุเข้ามาได้
เพียงแค่ฉันให้ลูกไฟระเบิดอยู่นอกแนวเขตแดน ก็มั่นใจได้ว่าจะไม่โดนลูกหลง
ลูกไฟยักษ์ทะลุผ่านกำแพงของเขตแดน ก่อนจะตกลงสู่ด้านนอกที่มีมอนสเตอร์รวมตัวอยู่
ทันทีที่กระทบพื้น มันก็ยิ่งทวีมวลความรุนแรงขึ้นอีก
เปลวไฟแดงดำแผ่คลุมพื้นที่ภายนอกอย่างหนาแน่น
ฝูงมอนสเตอร์เริ่มถูกเปลวเพลิงกลืนกินไปทีละตัว
เหตุผลที่ฉันยอมทุ่มเทฝึกเวท 《ลูกไฟนรกโลกันต์ อินเฟอร์โนบอลล์》 จนเชี่ยวชาญ
ก็เพราะเวทนี้มีพื้นที่โจมตีที่กว้างเกินกว่าที่ศัตรูจะหลบได้ง่ายๆ
ต่อให้ฉันยังอ่อนแอกว่ามอนสเตอร์พวกนั้น แต่ถ้าใช้เวทนี้ พวกมันก็หลบไม่ได้อยู่ดี
ฉันหันไปมองมอนสเตอร์ที่อยู่ตรงกลางจุดระเบิดเมื่อครู่
เป็นสัตว์ประหลาดหน้าตาน่าขยะแขยง มีหัวมนุษย์ขนาดใหญ่ติดอยู่กับตา 3 ดวง จมูก 2 ช่อง และปากอีก 4 ช่อง
บางส่วนของใบหน้ามันถูกไฟไหม้จนดำเกรียม
————————————————
เผ่าพันธุ์ : $)うj~L
เลเวล : 3012
HP : 14478 / 15361
MP : 15578 / 15662
————————————————
ดีมาก… ดาเมจทะลุไปได้เกือบพัน ถือว่าใช้ได้
ถึงมอนสเตอร์ในที่แห่งนี้จะมีพลังฟื้นฟูสูง ทำให้ยากจะโค่นได้ด้วยเวทเดียว
แต่ถ้าแค่สะสมความเสียหายเพื่อเก็บแต้มประสบการณ์ ก็นับว่าเหมาะทีเดียว
พูดถึงเรื่องนี้ อาวุธของฉันตอนนี้ก็ไม่ใช่ 《ดาบเวทมนต์แห่งผู้โง่เขลา》 อีกแล้ว
พอเริ่มทะลุเลเวล 500 ฉันก็เริ่มรู้สึกว่าดาบเล่มนั้นเบาเกินไปแล้ว
ตอนนี้ฉันเลยใช้ดาบยาวที่มีใบมีดสีดำแทน
————————————————
【ดาบเวทมนตร์ ดีส】 《ระดับ: ตำนาน》
พลังโจมตี : +1100
พลังเวท : +1000
เป็นดาบที่ จอมมารดิสแพร์ สร้างขึ้นเมื่อ 500 ปีก่อน โดยรวบรวมช่างตีเหล็กระดับหัวกะทิของมนุษย์มาสร้างให้
เขาประกาศว่าใครสร้างดาบไม่ถูกใจจะถูกฆ่าทิ้ง และสุดท้ายก็ดันตื่นเต้นกับ ดาบเวทมนตร์ ดีส มากไปจนฟันช่างตีเหล็กตายเสียเอง
ดาบเล่มนี้นอกจากจะทรงพลังในฐานะอาวุธแล้ว ยังอัดแน่นไปด้วยพลังเวท
หลังจากจอมมารถูกปราบ ดาบก็ถูกมนุษย์ครอบครอง แต่ทุกคนที่ถือมันล้วนเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
จนร่ำลือกันว่าดาบนี้สถิตด้วยคำสาปของจอมมาร
————————————————
…ที่มาของมันอาจจะฟังดูน่าขนลุกก็เถอะ แต่ก็นับว่าเข้ากับพลังของฉันในตอนนี้ได้ดี
แม้น้ำหนักจะมากไปนิด แต่ด้วยกลยุทธ์ที่ยืนอยู่ในเขตแดนแล้วยิงเวทใส่ศัตรูตลอดเวลาแบบนี้
น้ำหนักก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
พอฉันลองถามลูนาเอลเรื่องคำสาปของดาบ เธอก็ตอบว่า
“เขาอ่อนกว่าฉันเยอะ เลยไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่น่ะ”
…ก็จริงของเธอแหละ
ถ้าเป็นฉัน ถ้ามีดาบที่ถูกวิญญาณก็อบลินสิง ฉันก็คงไม่รู้สึกกลัวเท่าไหร่เหมือนกัน
ตราบใดที่ยังอยู่ข้างๆ ลูนาเอล ก็คงไม่มีปัญหาอะไร
ฉันรับขวดยาเล็กๆ จากลูนาเอลมากระดกทีเดียวหมด แล้วก็ปาลงพื้น
แน่นอนว่านั่นคือ อีเธอร์โลหิตเทพนิรมิต
เวท 《อินเฟอร์โนบอล》 นี่เปลืองพลังเวทเอาเรื่อง
วันนี้แค่วันเดียว ฉันก็ดื่ม 《อีเธอร์โลหิตเทพนิรมิต》 ไปเกือบ 30 ขวดแล้ว
ฉันลูบท้องที่เริ่มพองนิดๆ แล้วตั้งท่าจับดาบเวทดีสอีกครั้ง
“ลูกไฟนรกโลกันต์ อินเฟอร์โนบอลล์”
เปลวเพลิงกลืนกินพื้นที่นอกเขตแดนอีกครั้ง
ลูนาเอลตามด้วยเวท 《ระเบิดมหาแรงโน้มถ่วง กราวิเบิร์น》
กดแสงสีดำลงมาอัดปีศาจให้แหลกไปพร้อมกับเปลวไฟ
เมื่อจบภารกิจเก็บเลเวลของวัน เราก็กลับมายังกระโจมของลูนาเอล
วันนี้แปลกกว่าทุกวัน ตรงที่ฉันไม่ต้องพึ่งพา 《วงแหวนแห่งอูโรโบรอส》 มากกว่าครั้งเดียวแล้ว
ช่วงหลังมานี้ เมื่อถูกบีบให้ใช้วงแหวน ฉันก็เรียนรู้ที่จะหาวิธีถ่วงเวลา
ให้ลูนาเอลได้ทันร่ายขอบเขตเวทขึ้นใหม่
ทำให้ไม่ต้องเจอกับสถานการณ์ไร้ค่าแบบ “ตายแล้วตายเลย” อีกต่อไป
“…นายไม่เป็นอะไรแน่นะ? ไม่คิดเลยว่าจะฝืนต่อเนื่องได้ตั้งสิบชั่วโมง”
“ขอโทษนะ… รบกวนไปหน่อยรึเปล่า?”
“ไม่ล่ะ ไม่เป็นไรเลย… แต่ทางจิตใจนาย น่าจะทรมานมากไม่ใช่เหรอ?”
“พักหลังฉันเริ่มชินแล้วน่ะ ตอนนี้แม้ร่างจะปลิวกระเด็นก็ไม่รู้สึกเครียดเท่าไหร่
ความเหนื่อยล้าระหว่างฝึกก็… กลบด้วยความเมาอีเธอร์ได้เหมือนกัน”
“งั้นเหรอ…”
ลูนาเอลตอบกลับอย่างงุนงงเล็กน้อย
…ฉันเองก็เริ่มรู้ซึ้งขึ้นทุกทีว่า ‘ความเคยชิน’ นี่มันน่ากลัวขนาดไหน
“ม-มันอาจจะเป็นเพราะ… แนวคิดของนายเริ่มจะเหมือนพวกอมตะอย่างฉันแล้วก็ได้นะ
อย่าปรับตัวเข้ากับที่นี่มากเกินไปล่ะ เดี๋ยวจะใช้ชีวิตนอกที่นี่ลำบากเอา”
ฉันเผลอมองสีหน้าของลูนาเอลครู่หนึ่ง
ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นนิดหน่อย มุมปากก็เกร็งขึ้นเล็กน้อย
“อาจารย์ ดูเหมือนจะดีใจนิดๆ เลยนะ?”
“ม-ไม่ใช่ซะหน่อย! โกรธแล้วนะ!”
“เอ๋… ข-ขอโทษครับ!”
…ฉันก็แค่พูดไปตามที่เห็น แต่กลับโดนเธอตอบกลับแรงกว่าที่คิด
หลังจากนั้น ลูนาเอลก็เอามือลูบหน้าตัวเองไปมาอย่างแผ่วเบา คล้ายกับกำลังสำรวจสีหน้าของตัวเองอยู่
MANGA DISCUSSION