ในช่วงปฐมนิเทศ ผมพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่เข้าใกล้ภรรยา แต่การที่จะทำแบบนั้นต่อไปในห้องเรียนเดียวกันมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
“โทคิวะคุง วันนี้ไปทานข้าวด้วยกันทุกคนนะ ฉันอยากจะคุยกับทุกคนในสาขาให้ครบเลย”
ดูเหมือนว่าภรรยาในช่วงนี้จะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากกลุ่มคนที่มารุมล้อมเธอ เธอจึงเริ่มที่จะสลับสับเปลี่ยนสมาชิกที่ไปทานอาหารกลางวันด้วยกันในแต่ละวัน โดยใช้เหตุผลที่ว่า ‘อยากจะคุยกับทุกคนให้ครบในช่วงปฐมนิเทศ’ ซึ่งผมก็ยอมรับตามตรงว่าเป็นวิธีที่ฉลาดมาก ปกติแล้วเธอดูเป็นคนสบายๆ ไม่คิดอะไร แต่พอเป็นเรื่องที่จะต้อนผมให้จนมุมทีไร ไม่รู้ทำไมถึงได้ฉลาดขึ้นมาทุกที
“ไม่ล่ะ พอดีที่บ้านมีของที่ทำเตรียมไว้อยู่แล้ว…”
ถึงอย่างนั้นผมก็ยังปฏิเสธไปตามปกติ จะให้คุยอะไรก็ไม่รู้จริงๆ แถมยังทำให้ความทรงจำแย่ๆ มันย้อนกลับมาจนรู้สึกคลื่นไส้และไม่สบายใจอีกต่างหาก
“เหรอ…งั้นวันนี้ฉันก็ไม่ไปโรงอาหารแล้ว กลับไปกินที่บ้านดีกว่า อืม น่าเสียดายจังเลยนะ”
ตอนที่ภรรยาพูดแบบนั้นด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย สมาชิกที่ทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเธอก็จ้องมาที่ผมด้วยสายตาที่คมกริบอย่างน่ากลัว ผมเข้าใจเหตุผลดี ถ้าพลาดโอกาสนี้ไป โอกาสที่จะได้ทานข้าวกับภรรยาก็อาจจะไม่มีวันวนกลับมาอีกเลยก็ได้ พอคิดแบบนั้นแล้วก็คงต้องพยายามกันสุดชีวิต และผมก็สังหรณ์ใจได้ในทันที ถ้าปฏิเสธมื้อกลางวันนี้ไป ผมจะไม่มีที่ยืนในสาขานี้อีกต่อไป
“พอคิดดูดีๆ แล้ว ของที่ทำเตรียมไว้น่ะเก็บไว้กินตอนเย็นก็ได้นี่นา! ไปโรงอาหารกันเถอะ! อะฮะฮ่า! อะฮะฮะฮะฮ่า!”
“เหรอ! ดีจังเลย! วันนี้เมนูประจำวันจะเป็นอะไรน้า? น่าสนุกจังเลยเนอะ อุฟุฟุ”
ผมทำไปแบบสิ้นคิดแล้ว สุดท้ายผมก็ถูกลากไปทานอาหารกลางวันด้วยจนได้
พวกเรากลุ่มประมาณ 8 คนรวมผมกับภรรยามาถึงโรงอาหาร โรงอาหารมักจะแน่นขนัดอยู่เสมอ มหาวิทยาลัยของเรามีจำนวนนักศึกษาค่อนข้างเยอะ ดังนั้นในช่วงเวลาเร่งด่วนจึงต้องรีบจองที่นั่ง แต่ว่านะ ภรรยาของผมเกิดมาพร้อมกับความเป็นเจ้าหญิง
“อ่า…วันนี้คนเยอะจังเลยนะ…จะไม่มีที่นั่งรึเปล่านะ…”
ภรรยาดูผิดหวัง เธอทำหน้าตาน่าสงสาร แต่ก็ยังสวยอยู่ดี แบบนี้ก็ดูเป็นภาพที่สวยไปอีกแบบ…นั่นก็หมายความว่า…
“เอ่อ! พวกเราทานเสร็จแล้ว เชิญใช้ที่นี่ได้เลยครับ!”
กลุ่มรุ่นพี่ที่ดูเหมือนจะเป็นนักกีฬาซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้ๆ รีบซัดข้าวของตัวเองแล้วก็ลุกให้พวกเรานั่ง หรือจะให้ถูกก็คือลุกให้ภรรยานั่งนั่นแหละ
“เอ๊ะ! จริงเหรอคะ! ว้าว ขอบคุณมากค่ะ! ดีใจจังเลยค่ะที่มีรุ่นพี่ใจดีแบบนี้!”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ! ผมซาโต้ ปี 2 คณะเศรษฐศาสตร์ สาขานโยบายการเงินครับ”
“ผมทานากะ ปี 2 คณะนิติศาสตร์ สาขารัฐศาสตร์ครับ!”
“ผมซูซูกิ ปี 3 คณะอักษรศาสตร์ สาขาวรรณคดีอังกฤษ-อเมริกันครับ!”
“ผมไซโต้ ปี 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกลและอิเล็กทรอนิกส์ครับ!”
“ผม… (และอื่นๆ อีกมากมาย)”
เหล่ารุ่นพี่ที่หวังจะสร้างโอกาสต่างพากันแนะนำตัวเอง ผมไม่เคยเห็นการแนะนำตัวที่น่าสมเพชขนาดนี้มาก่อนเลย…ภรรยาดีใจอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่ผมว่าอีกหนึ่งนาทีต่อมาเธอก็คงจะลืมไปแล้วล่ะ เหล่ารุ่นพี่เดินออกจากโรงอาหารไปพร้อมกับรอยยิ้มเขินๆ แล้วพวกเราก็นั่งลงที่โต๊ะที่ว่างอยู่ ทุกคนต่างถือถาดอาหารกลางวันของตัวเองมาจากเคาน์เตอร์ และภรรยาก็นั่งลงข้างๆ ผมตามปกติ บรรยากาศเยือกแข็งลงในชั่วพริบตา สายวิทย์มีผู้หญิงน้อย ดังนั้นในกลุ่มนี้ นอกจากภรรยาแล้วก็มีแต่ผู้ชายล้วนๆ ทั้งโอตาคุ พวกเก็บตัว พวกตัวท็อป เป็นกลุ่มที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักนิด แต่ทุกคนกลับจ้องมาที่ผมด้วยสายตาเย็นชาเหมือนกันหมด สุดยอดไปเลยนะ มนุษยชาติสามารถรวมเป็นหนึ่งได้ถ้ามีศัตรูร่วมกัน ทั้งที่ผมพยายามจะหลีกเลี่ยงภรรยาก็เพราะไม่อยากจะมาเป็นศัตรูแบบนี้แท้ๆ! ยัยนี่มันต้อนผมให้จนมุมอย่างเป็นธรรมชาติจริงๆ!
“นี่ๆ ทุกคนทำไมถึงอยากเข้ามหาวิทยาลัยนี้กันเหรอ?”
ถ้ามีผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มผู้ชาย ส่วนใหญ่แล้วเรื่องที่ผู้หญิงพูดขึ้นมาอย่างส่งๆ ก็มักจะกลายเป็นหัวข้อสนทนา ภรรยาเริ่มชวนคุยด้วยหัวข้อที่เหมาะกับช่วงปฐมนิเทศจริงๆ พวกผู้ชายต่างแย่งกันเล่าเหตุผลที่ตัวเองมาเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้ให้ภรรยาฟัง ซึ่งทั้งหมดนั้นก็เป็นแค่เรื่องอวดตัวเองที่น่าเบื่อสิ้นดี ทั้งพวกเก็บตัวที่อ้างว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของโรงเรียน พวกตัวท็อปที่บอกว่า “ตอนแรกก็เรียนไม่เก่งหรอกนะ แต่พอเอาจริงขึ้นมาก็สอบติดซะงั้น!” หรือพวกโอตาคุที่ประกาศกร้าวว่าจะสร้างประวัติศาสตร์ในวงการวิจัยสถาปัตยกรรม และพวกคุณหนูไฟแรงที่บอกว่าจะสืบทอดบริษัทก่อสร้างของพ่อแล้วขยายกิจการให้ใหญ่โต เป็นต้น ทำไมเรื่องที่ผู้ชายเล่าให้ผู้หญิงฟังมันถึงได้น่าเบื่อขนาดนี้นะ? โคตรน่าเบื่อเลย
“นี่ โทคิวะคุง เมื่อกี้เงียบไปเลยนะ? ไม่ได้คุยกับทุกคนในสาขามาตลอดเลยสินะ ประหม่าอยู่เหรอ? น่ารักดีนะ อุฟุฟุ”
รอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกเหมือนความเป็นแม่นั้นช่างงดงามเหลือเกิน การที่ถูกมองด้วยรอยยิ้มแบบนั้นคงจะเป็นความสุขสินะ โดยปกติแล้วน่ะนะ ที่จริงแล้วทุกคนรอบข้างก็กำลังจ้องมองเธออย่างหลงใหลอยู่ แต่สำหรับผมแล้ว ความงามของผู้หญิงคนนี้มันคือยาพิษ ยิ่งผู้หญิงคนนี้สวย งดงาม และน่ารักมากเท่าไหร่ ความจริงที่ว่าเธอเคยนอกใจมันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกสมเพชตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย”
“เหรอ? งั้นก็เล่าให้ฟังหน่อยสิว่าทำไมถึงมาเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้”
ภรรยาชะโงกหน้าเข้ามามองผม ใบหน้าที่ผมรู้จักนั้นดูเป็นผู้ใหญ่กว่านี้มาก ตอนนี้ยังคงมีความไร้เดียงสาแบบเด็กๆ อยู่ ผมไม่รู้จักภรรยาในยุคนี้ ทำไมการที่ไม่รู้จักถึงได้ทำให้รู้สึกเจ็บใจขนาดนี้นะ ผมจึงตัดสินใจที่จะผลักไสเธอออกไป
“เพราะสอบเข้ามหาลัยศิลปะไม่ติดก็เลยมาที่นี่ สถาปัตย์มันก็เกี่ยวข้องกับศิลปะอยู่ไม่น้อย ก็เลยอยากจะทำอะไรที่มันเกี่ยวกับศิลปะสักหน่อย ถ้างั้นก็ควรจะไปในที่ที่ดีที่สุด ก็แค่นั้นแหละ”
ผมรู้สึกได้ว่าพวกผู้ชายรอบข้างเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย ก็แน่ล่ะสิ มหาวิทยาลัยโคโตะเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ไม่ใช่ที่ที่จะมาเลือกเป็นตัวสำรอง ผมก็แค่พวกที่สอบเข้ามหาลัยศิลปะไม่ติด ทุกวันนี้ก็ยังมีบางวันที่คิดว่าอยากจะไปเรียนมหาลัยศิลปะอยู่เลย
“อย่างนั้นเหรอ แปลกดีนะ…”
ภรรยาทำสีหน้าที่บอกไม่ถูกอย่างน่าประหลาด ถึงผมจะขาดประสบการณ์กับผู้หญิง แต่พอมีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้นก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง ผู้หญิงไม่ชอบฟังเรื่องราวความล้มเหลวของผู้ชาย ผมคือผู้แพ้ที่สอบเข้ามหาลัยศิลปะไม่ติด ภรรยาจะจดจำผมไว้แบบนั้น การที่ไม่แม้แต่จะชายตามองผู้ชายขี้แพ้คือสัญชาตญาณของผู้หญิง ในไม่ช้าผมก็จะหลุดออกไปจากความสนใจของภรรยา แบบนี้แหละดีแล้ว ในขณะที่ผมกำลังคิดแบบนั้นด้วยความโล่งใจ
“ริริเสะ? วันนี้มากินที่นี่เหรอ?”
“อ๊ะ ฮิโรโตะ หวัดดี”
พอหันไปตามเสียงก็พบฮาโทกิริยืนอยู่ตรงนั้น รอบๆ ตัวเขามีกลุ่มนักศึกษาแพทย์ชายอยู่ ทุกคนต่างมองมาที่ภรรยาด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม
“ทุกคน ขอแนะนำนะ นี่คือเพื่อนสมัยเด็กของฉัน ริริเสะ อิงาราชิ ริริเสะ”
ฮาโทกิริกำลังแนะนำภรรยาให้พวกนักศึกษาแพทย์รู้จัก นั่นเป็นการข่มกันอย่างไม่ต้องสงสัย ฮาโทกิริกำลังโอ้อวดว่าตัวเองมีอำนาจที่จะสนิทสนมกับผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ได้ ในไม่ช้าคณะแพทย์ก็คงจะตกอยู่ในกำมือของเขาเป็นแน่ เป็นคนที่เล่นการเมืองเก่งอย่างน่ากลัว
“อิงาราชิ ริริเสะค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
ภรรยาลุกขึ้นแล้วโค้งคำนับให้พวกนักศึกษาแพทย์อย่างสวยงาม ท่วงท่าที่งดงามนั้นสะกดใจเหล่านักศึกษาแพทย์ได้อย่างแน่นอน มันคือความรุนแรง ความรุนแรงของความงาม ฮาโทกิริควบคุมความรุนแรงที่ภรรยามีได้อย่างสมบูรณ์แบบ ความผูกพันที่แน่นแฟ้น การเชื่อมต่อที่แข็งแกร่งของคนสองคน ในไม่ช้ามันก็จะกลายเป็นความสัมพันธ์ที่หอมหวานที่เรียกว่าความรัก ไม่มีทางชนะได้เลย ผมยอมรับแบบนั้น
“ทุกคนที่เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับริริเสะ ฝากดูแลเพื่อนสมัยเด็กของผมด้วยนะ ริริเสะน่ะมีบางมุมที่ซุ่มซ่ามอยู่บ้าง ช่วยดูแลเธอด้วยนะ”
“โธ่! ฉันไม่ใช่คนซุ่มซ่ามขนาดนั้นสักหน่อย! ฮิโรโตะน่ะชอบทำเหมือนฉันเป็นเด็กอยู่เรื่อยเลย”
ภรรยายิ้มเขินๆ ปากก็บ่นไปอย่างนั้นแต่สีหน้ากลับดูสดใส เป็นความสัมพันธ์ที่สามารถหยอกล้อกันได้อย่างสบายๆ ภรรยาตอนที่อยู่กับผมนั้นเป็นคนเงียบๆ และมักจะยิ้มอย่างอ่อนโยนเสมอ เป็นผู้หญิงที่สงบเสงี่ยมไม่ค่อยจะเอ่ยปากพูดอะไรก่อนแท้ๆ
“ก็เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กนี่นา ความรู้สึกที่มีให้เธอน่ะไม่เคยเปลี่ยนไปจากตอนเด็กๆ เลยนะ”
ฮาโทกิริพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เป็นรอยยิ้มที่เป็นกันเองและน่าจะทำให้คนชอบได้อย่างแน่นอน แต่ผมไม่คิดแบบนั้นหรอกนะ
“ว่าแต่ริริเสะ หลังจากนี้พวกเราจะไปทานข้าวข้างนอกกับชมรมโฆษณาศึกษาน่ะ ไปด้วยกันไหม?”
“เอ๊ะ? แต่ว่าฉันยังทานไม่เสร็จเลย…”
ภรรยาสับสนกับการชักชวนที่กะทันหัน แถมอาหารกลางวันของเธอก็ยังเหลืออยู่เยอะพอสมควร
“เป็นทางลัดสู่การเป็นผู้ประกาศข่าวหญิงในฝันของเธอเลยนะ ได้ยินมาว่าวันนี้มีรุ่นพี่ที่ทำงานเป็นโปรดิวเซอร์สถานีโทรทัศน์มาด้วยนะ เป็นโอกาสที่ดีเลยนะ ไปสร้างคอนเนคชั่นกันเถอะ ไม่ต้องห่วง ฉันจะคอยซัพพอร์ตเธอเอง!”
หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย ภรรยาก็ได้เป็นผู้ประกาศข่าวหญิงของสถานีโทรทัศน์เอกชนยักษ์ใหญ่ในโตเกียว แน่นอนว่าด้วยความงามของเธอจึงทำให้เธอโด่งดังเป็นพลุแตก ทั้งรายการข่าว การสัมภาษณ์คนดัง และรายการวาไรตี้ต่างๆ ก็ต่างแย่งตัวเธอกันให้วุ่น ถึงขนาดที่ว่าไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่ได้เห็นเธอในทีวี เธอมีรายได้มากกว่าผมที่ทำงานเป็นสถาปนิกในบริษัทใหญ่และถือว่ามีเงินเดือนค่อนข้างสูงในสังคมหลายเท่าตัว ผมแต่งงานกับเธอได้ยังไงกันนะ หรือว่าที่เธอนอกใจก็เพราะเงินเดือนของผมที่น้อยกว่ากันนะ รู้สึกแย่ชะมัด
“ไปกันเถอะ ขอโทษนะทุกคน นี่เป็นเรื่องเพื่ออนาคตของริริเสะน่ะ หวังว่าทุกคนจะเข้าใจนะ”
ฮาโทกิริก้มหัวขอโทษพวกเราเหล่าหนุ่มๆ สาขาสถาปัตยกรรม แต่ฝ่ายที่รู้สึกพ่ายแพ้กลับเป็นพวกเราต่างหาก ฮาโทกิริสามารถควบคุมได้ว่าภรรยาจะไปที่ไหน ทุกคนต่างเข้าใจว่าในฐานะผู้ชายแล้วเขาใกล้ชิดกับภรรยามากแค่ไหน ใช่แล้ว ผมไม่มีทางชนะ
“งั้นไปกันเถอะ ริริเสะ!”
“อ๊ะ…ขอโทษนะ…”
ภรรยาพูดกับผมแบบนั้น ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวด้วยความรู้สึกผิด เป็นใบหน้าเดียวกับตอนนั้น ใบหน้าเดียวกับตอนที่เรื่องนอกใจถูกจับได้ ผมเบื่อที่จะต้องมาเห็นใบหน้าแบบนั้นเต็มทนแล้ว ผมลุกขึ้นยืนแล้ววางมือลงบนบ่าของภรรยา ออกแรงกดเล็กน้อยให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้ ผมทำอย่างอ่อนโยนแล้วล่ะ ไม่น่าจะเจ็บหรอก
“เอ๊ะ…โทคิวะคุง…ทำไมเหรอ?”
“ทานให้หมดสิ เสียดายของ”
บนจานอาหารกลางวันของภรรยายังมีกุ้งทอดเหลืออยู่อีกสองตัว
“นี่ โทคิวะคุง เธอจะมาขวางอนาคตของริริเสะเหรอ?”
ฮาโทกิริจ้องมาที่ผม ผมก็จ้องกลับไป
“หนวกหูน่า บ้านฉันเป็นชาวนานะโว้ย ฉันไม่ยกโทษให้คนที่ไม่เห็นคุณค่าของอาหารหรอก”
บ้านของผมเป็นชาวนาอยู่ที่ฮอกไกโด ผมไม่มีความคิดที่จะสืบทอดกิจการก็เลยออกมาอยู่ในเมือง ที่บ้านก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะในอนาคตน้องสาวกับสามีของเธอจะสืบทอดต่อ
“แค่ข้าวกลางวันมื้อเดียวมันจะไปสำคัญกว่าการสร้างคอนเนคชั่นกับโปรดิวเซอร์สถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ได้ยังไงกัน เรื่องที่เธอพูดน่ะมันไร้สาระ”
“จะไปรู้เหรอไง ค่านิยมของแกมันไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย แล้วอีกอย่าง คนที่อยากจะไปเจอโปรดิวเซอร์น่ะมันแกไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่…อิงาราชิสักหน่อย?”
“…การที่ได้พบกับโปรดิวเซอร์น่ะ มันเป็นผลประโยชน์ของริริเสะนะ”
“นั่นมันไม่ใช่คำตอบของคำถามสักหน่อย นี่ แกไม่ได้โกหกอิงาราชิใช่ไหมล่ะ? งั้นก็สาบานต่อหน้าอิงาราชิตอนนี้เลยสิ ว่าแกเองไม่ได้มีความคิดที่จะเจรจาอะไรกับโปรดิวเซอร์เลยแม้แต่น้อย”
ฮาโทกิริเงียบไป ผมมีความรู้จากอนาคตอยู่ เพื่อนสมัยเด็กที่เป็นชายชู้คนนี้จะเริ่มปรากฏตัวในทีวีช่วงประมาณฤดูร้อน จะมีรายการที่เน้นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคโตะซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังออกอากาศ และด้วยหน้าตาที่สดใสของเขา ผู้ชายคนนี้ก็จะกลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมทางบ้าน เขาจะออกหนังสืออ้างอิงกับหนังสือพัฒนาตัวเองแล้วก็กอบโกยเงินไปอย่างมหาศาล คงจะไปคุยกับโปรดิวเซอร์เรื่องนั้นแหละมั้ง การที่ให้ภรรยาไปด้วยก็คงเพื่อใช้เสน่ห์ของเธอช่วยให้การเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่นล่ะสิ ก็จริงอยู่ที่ว่ามันจะเป็นการเปิดทางสู่การเป็นผู้ประกาศข่าวหญิงด้วยก็เถอะ
“นี่…ฮิโรโตะ”
“ริริเสะ อย่าไปหลงกลคำพูดของโทคิวะคุงนะ คนคนนี้เป็นพวกที่ชอบใช้เหตุผลปัญญาอ่อนมาหว่านล้อมคนอื่น ไม่ดีเลยนะคนแบบนี้”
“ฮิโรโตะ ฉันยังมีเรื่องที่อยากจะคุยกับทุกคนอยู่นะ แล้วอีกอย่าง การทานข้าวเหลือมันก็ไม่ดีจริงๆ นั่นแหละ ฉันว่าคนแบบนั้นไม่ควรจะเป็นผู้ประกาศข่าวหญิงหรอกนะ ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไปพูดจาโอ้อวดต่อหน้าผู้คนในทีวีหรอก อืม”
ภรรยาพูดพร้อมกับจ้องมองฮาโทกิริด้วยใบหน้าที่จริงจัง ฮาโทกิริดูเหมือนจะสับสนกับสายตาของภรรยา แต่ในไม่ช้าเขาก็กลับมายิ้มอย่างสดใส
“เข้าใจแล้ว นั่นสินะ ริริเสะพูดถูก การที่ได้พบกับโปรดิวเซอร์น่ะไว้โอกาสหน้าก็ได้ งั้นไว้เจอกันตอนกลางคืนนะ”
“อืม ไว้เจอกันนะฮิโรโตะ”
ฮาโทกิริกับภรรยาโบกมือให้กันเล็กน้อย แล้วฮาโทกิริก็พาพรรคพวกของเขาเดินออกจากโรงอาหารไป ภรรยาหน้าแดงเล็กน้อยแล้วก็ทำท่าทีเขินอาย จากนั้นเธอก็ช้อนตามองผมแล้วพูดว่า
“เอ่อ…โทคิวะคุง…ขอบ…คุณ…”
“ทานเสร็จแล้ว ทุกคน ฉันขอตัวก่อนนะ ต้องไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดน่ะ”
“อ๊ะ…ด…เดี๋ยว…”
ผมลุกขึ้นพร้อมกับถาดอาหาร ภรรยาพูดอะไรบางอย่างอยู่ข้างหลังผมแต่ผมทำเป็นไม่สนใจ แล้วผมก็เดินออกจากโรงอาหารไป
MANGA DISCUSSION