ทำไมพิธีปฐมนิเทศมันถึงได้น่าเบื่อขนาดนี้นะ? มีแต่เรื่องน่าเบื่อๆ ของพวกตาลุงอย่างอธิการบดี แล้วก็เรื่องไร้สาระของแขกรับเชิญ
“น่าเบื่อจริงๆ เลยนะ ที่อุตส่าห์ฝ่าฟันสงครามการสอบเข้ามาได้ แต่กลับต้องมาเจออะไรแบบนี้นี่มันน่าเศร้าจริงๆ”
“นั่นสิ มหาลัยเราเป็นมหาลัยรัฐไม่ใช่เหรอ? ค่าเช่าสถานที่นี่ถ้าสืบไปสืบมาก็คงเป็นเงินภาษีทั้งนั้น อยากได้คืนชะมัด”
อายาชิโระที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมก็ดูเบื่อหน่ายเต็มทน พวกเราเอาแต่คุยเรื่องไร้สาระกันมาสักพักแล้ว อายาชิโระเป็นคนหัวไวและชอบพูดจาเหน็บแนม คุยด้วยแล้วก็สนุกดีเหมือนกัน แต่ความสนุกนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน
“ลำดับต่อไป เป็นสุนทรพจน์จากตัวแทนนักศึกษาใหม่ คุณฮาโทกิริ ฮิโรโตะครับ”
นักศึกษาชายคนหนึ่งเดินขึ้นไปบนเวที หน้าตาดี หุ่นก็ดี แต่สีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจนั้นกลับให้ความรู้สึกหยิ่งยโสอยู่หน่อยๆ
“อะไรของเจ้านั่น? ทำเป็นหยิ่ง…หมอนั่นคือคนที่ได้คะแนนสูงสุดในการสอบเข้าปีนี้เหรอ? ผลการเรียนของฉันแพ้ให้คนแบบนั้นเนี่ยนะ ถ้ารู้แบบนี้ตั้งใจเรียนกว่านี้ก็ดี”
อายาชิโระมองไปยังฮาโทกิริด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ดูเหมือนว่าอายาชิโระเองก็เป็นพวกมั่นใจในตัวเองสูงเหมือนกัน คงจะไม่ถูกชะตากันเท่าไหร่
“การที่ได้มาอยู่ในสถานที่แห่งนี้ในวันนี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในชีวิตของผม ในสถานที่แห่งนี้ บัดนี้ได้รวบรวมเหล่าเยาวชนผู้เปี่ยมไปด้วยศักยภาพที่จะเป็นผู้นำของญี่ปุ่น และยิ่งไปกว่านั้นคือของโลกในอนาคตเอาไว้ ความโชคดีนั้น…”
เป็นแค่การเรียงร้อยถ้อยคำที่สวยหรูไร้สาระ ขบวนพาเหรดของคำพูดฉาบฉวย การโอ้อวดที่แสร้งทำเป็นถ่อมตน ถึงจะเป็นสุนทรพจน์ที่เต็มไปด้วยคำพูดกลวงๆ แต่กลับได้รับการตอบรับจากในงานเป็นอย่างดี ฮาโทกิริมีบางอย่างที่เหมือนกับพรสวรรค์ในการดึงดูดผู้คน
“แหมๆ ปากหวานขนาดนี้นี่อนาคตคงได้เป็นนักการเมืองแน่ๆ เลยนะ แต่รู้สึกเหมือนขาดความกระตือรือร้นไปหน่อยนะ มีแต่กลิ่นอายของความหยิ่งจองหองที่กลวงโบ๋”
“ก็เป็นคนช่างสังเกตเหมือนกันนะ”
“หืม? เหรอ? ที่ฉันวิจารณ์คนน่ะมันถูกเหรอ? ว่าแต่นายรู้จักเจ้านั่นด้วยเหรอ?”
“…เคยเจอกันน่ะ แต่ฝ่ายนั้นคงไม่รู้จักฉันหรอก”
“เหรอ อืม”
อายาชิโระมองมาที่ผมด้วยสายตาเคลือบแคลง แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่รู้จักเกรงใจคนอื่นอยู่เหมือนกันนะ บางทีสไตล์จิไรนั่นอาจจะเป็นแค่ภายนอกก็ได้ ในเวลาแบบนี้ ช่างน่าเสียดายจริงๆ ที่ประสบการณ์กับผู้หญิงของผมมีแค่กับภรรยาคนเดียว เลยทำให้มองคนไม่ออก ผมคิดแบบนั้น
พอพิธีปฐมนิเทศจบลงและเดินออกมานอกสถานที่จัดงาน ก็เห็นว่าการเรียกคนเข้าชมรมกลับมาคึกคักอีกครั้ง พวกเราค่อยๆ เดินฝ่าฝูงชนที่จอแจออกมา
“นายจะเข้าชมรมไหนเหรอ?”
“ชมรมเทนนิสกับชมรมสายอีเวนต์อะไรทำนองนั้น แล้วก็ชมรมศิลปะเป็นงานอดิเรกน่ะ”
“ขยันจังเลยนะ โลภมากจริงๆ แต่ก็ดีไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยก็ดีกว่าพวกที่บอกว่าจะไปชมรมสายมั่วสุมล่ะนะ”
“ไม่อยากไปที่แบบนั้นหรอก สกปรกจะตายไป อยากจะให้ความสำคัญกับความรู้สึกใจเต้นหรือความเปล่งประกายอะไรแบบนั้นมากกว่า แล้วอายาชิโระล่ะ?”
“ฉันเหรอ ก็คงเป็นชมรมวิจัยแฟชั่น หรือไม่ก็ชมรมที่ดูเป็นงานอดิเรกของผู้หญิงๆ ล่ะมั้ง แล้วก็พวกชมรมที่ดูจริงจังอย่างชมรมที่เกี่ยวกับปัญหาสังคมอะไรแบบนั้น ส่วนเทนนิสก็สนใจอยู่หรอกนะ แต่ฉันมีภาพว่าคงโดนชวนไปเล่น ‘ดับเบิ้ลคู่ภาคกลางคืน’ อย่างเดียวแน่ๆ คงต้องขอบายล่ะมั้ง?”
“เธอเนี่ยพูดเรื่องใต้สะดือตลอดเลยนะ! เลิกพูดแบบนั้นสักทีมันน่ารำคาญ! ชมรมเทนนิสก็มีตั้งแต่แบบหาคู่ไปจนถึงแบบเล่นเพื่อความสนุก ถ้าค่อยๆ ดูก็มีให้เลือกเยอะแยะน่า”
“นั่นสินะ เวลาก็ยังมีอีกเยอะนี่นา ว่าแต่เมื่อกี้ เหมือนจะรู้สึกว่าโดนมองเยอะเป็นพิเศษเลยแฮะ คิดไปเองรึเปล่า?”
พอเธอบอกแบบนั้น ก็รู้สึกว่ามีคนมองมาทางพวกเราเยอะจริงๆ ด้วย ดูเหมือนจะกำลังซุบซิบอะไรกันอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ความรู้สึกในแง่ร้ายหรือดูถูกนะ ออกแนวอยากรู้อยากเห็นมากกว่า?
“ก็คงเพราะชุดแนวเมนเฮระของเธอนั่นแหละมั้ง ถึงจะน่ารักก็เถอะ แต่มันก็ไม่เข้ากับกาลเทศะนี่นา”
“ขอบคุณที่ชมนะ แต่ดูเหมือนว่าคนที่โดนมองจะไม่ใช่ฉันนะ เพราะสายตาของทุกคนมันดูมีความชื่นชมปนอยู่ด้วย เวลาที่คนมองฉันน่ะ มันมีแค่สายตาอิจฉาหรือไม่ก็สายตาเหมือนมองแพนด้าเท่านั้นแหละ”
“แพนด้ากับความอิจฉามันไปด้วยกันได้ด้วยเหรอ? แต่ก็นั่นสินะ พวกเขามองมาที่ฉันนี่นา? ทำไมล่ะ?”
“หรือว่า อ๊ะ จริงๆ ด้วย”
อายาชิโระค้นหาอะไรบางอย่างในสมาร์ทโฟน แล้วก็ยื่นผลลัพธ์มาให้ผมดู มันเป็นหน้าจอ SNS ซึ่งมีรูปเซลฟี่ที่ผมถ่ายกับรุ่นพี่เมื่อกี้นี้โพสต์อยู่
หนังสือพิมพ์มหาวิทยาลัยโคโตะ
สกู๊ปพิเศษนักศึกษาใหม่ ฉบับที่ 1คุณโทคิวะ คานาฮิสะ!
เป็นภาพเซลฟี่สุดสนิทสนมของนักศึกษาใหม่กับรุ่นพี่! ได้ยินมาว่าหนุ่มปีหนึ่งหน้าฮอลลีวูดคนนี้ได้เข้าไปช่วยรุ่นพี่อย่างเท่ๆ เป็นธรรมชาติ และสง่างามด้วยล่ะ! หรือว่านี่คือว่าที่มิสเตอร์มหาวิทยาลัยโคโตะในอนาคต?!
ไอ้หน้าฮอลลีวูดนี่มันอะไรกันวะ…
“นายน่ะกลายเป็นคนดังในชั่วพริบตาเลยนะ ก็ใช้ได้นี่นา”
“อืม ไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นไวรัลย่อยๆ แบบนี้ เขินเหมือนกันนะเนี่ย เฮะๆ”
ที่จริงแล้วเซลฟี่นั่นผมเตรียมไว้ใช้ข่มพวกเพื่อนรุ่นเดียวกันทีหลังว่า ‘ดูสิ ฉันสนิทกับรุ่นพี่แล้วนะ’ ต่างหาก ไม่คิดเลยว่าจะมาดังในทางนี้ ว่าแต่ ดูเหมือนว่ารุ่นพี่คนนั้นจะชอบผมจริงๆ สินะ
“นี่ๆ ขออะไรหน่อยได้มั้ย?”
“อะไรเหรอ?”
“ช่วยโอบเอวฉันเหมือนเมื่อกี้หน่อยสิ”
“เอ๊ะ? ทำไมล่ะ?”
“บอกให้ทำก็ทำไปเถอะน่า”
คุณอายาชิโระไม่แม้แต่จะรอคำตอบของผม เธอขยับตัวเข้ามาใกล้เองเลย ผมเลยต้องทำตามที่เธอบอกอย่างช่วยไม่ได้ พอโอบเอวเธอเสร็จ อายาชิโระก็ยืดไม้เซลฟี่ออกมาแล้วถ่ายรูปพวกเราด้วยสมาร์ทโฟนของเธอ จากนั้นก็ยื่นรูปที่ถ่ายได้มาให้ดู
“ดูสิ ดูสิ ดูดีไม่ใช่เหรอ? รูปนี้เอาไปใช้ได้เลยใช่มั้ย? ถ้าโดนพวกโง่ๆ ที่หล่อแค่บรรยากาศมาจีบอีกล่ะก็ จะเอารูปนี้ให้ดูเลย! ต้องเป็นเครื่องรางชั้นดีแน่ๆ เลย! คิกคิก”
คุณอายาชิโระดูสนุกจังเลยนะ ผมคิดว่าการไปขัดจังหวะความสุขของเธอมันคงจะเสียมารยาทน่าดู
“งั้นก็ดีแล้วล่ะ”
“ใช่ไหมล่ะ คิกคิก ถ้าฉันบอกว่า ‘ฉันเป็นเซ็กเฟรนของหมอนี่’ ล่ะก็ ทุกคนต้องหน้าซีดเผือดแล้วก็ตัวสั่นด้วยความอัปยศแน่ๆ เลยเนอะ คิกคิก”
“อย่าทำนะ! ภาพลักษณ์ของฉันป่นปี้หมด! อย่างน้อยก็ช่วยบอกว่าเป็นแค่เพื่อนก็พอ!”
“เอ๋~ เอาไงดีน้า~? อืม~?”
อายาชิโระที่กำลังแกล้งยั่วผมอยู่นั้นดูน่ารักสมวัย การหยอกล้อกันแบบนี้เป็นครั้งแรกสำหรับผม มันทำให้หัวใจอบอุ่นและรู้สึกดีอย่างประหลาด แต่ความรู้สึกนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน
“ขอโทษนะคะ ขอเวลาสักครู่ได้ไหมคะ?”
เสียงหวานที่ฟังดูราวกับจะแทรกซึมไปถึงแก่นกลางของร่างกายดังมาจากข้างหลัง ผมรู้สึกได้ว่าร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ พอหันไปก็พบผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เป็นผู้หญิงที่สวยมากในชุดฟุริโซเดะฮากามะลายดอกซากุระอันงดงาม หัวใจของผมเริ่มเต้นผิดจังหวะ
“หล่อนเป็นใครยะ? พวกเรากำลังคุยกันอยู่นะ”
อายาชิโระทำปากยื่นแสดงความไม่พอใจออกมา ผู้หญิงในชุดฟุริโซเดะฮากามะดูเหมือนจะลำบากใจกับท่าทีนั้นเล็กน้อย
“อ…เอ่อ ขอโทษนะคะ แต่ว่าฉันอยากจะคุยกับเด็กผู้ชายคนนั้นหน่อยน่ะค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นหันมามองทางผม ยังคงเป็นใบหน้าที่งดงามอย่างยิ่งเช่นเคย ผมสีน้ำตาลที่ดูเหมือนกับควันบุหรี่และดวงตาสีเดียวกัน สีนั้นทำให้ผู้หญิงคนนี้มีความงามอันลึกลับที่ดูราวกับภาพมายาหรือความเปราะบาง ไม่ว่าจะมองยังไง เธอก็ยังคงสวยเกินไป
“เอ๊ะ? มาจีบเหรอ? ไวรัลย่อยๆ นี่มันสุดยอดไปเลยนะ ขนาดผู้หญิงสวยขนาดนี้ยังตกได้ สังคมยุคนี้มันเพี้ยนไปแล้วรึไง”
“เอ๊ะ? เปล่าค่ะ ไม่ใช่การจีบอะไรแบบนั้น อะแฮ่ม! คือว่านะ คุณโทคิวะ คานาฮิสะคะ หลังจากนี้จะมีการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์กันเฉพาะนักศึกษาปีหนึ่งน่ะค่ะ สนใจไหมคะ? วันนี้ไม่มีงานเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่ของชมรมอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าจะจัดขึ้นเพื่อสร้างความสัมพันธ์กันในแนวนอนโดยไม่จำกัดคณะหรือภาควิชาน่ะค่ะ…”
พอมองดูดีๆ ก็เห็นว่าทางที่ผู้หญิงคนนี้เดินมามีกลุ่มนักศึกษาใหม่หน้าตาดีรวมตัวกันอยู่ จากระยะห่างของพวกเขาดูเหมือนว่าเพิ่งจะเคยเจอกันเป็นครั้งแรก แต่ทุกคนก็ดูภูมิใจอยู่หน่อยๆ คงจะเป็นกลุ่มที่ใครสักคนเพิ่งจะรวบรวมขึ้นมาเมื่อกี้นี้แหละมั้ง เป็นทีมพิเศษที่รวมแต่คนหน้าตาดีเพื่อดึงดูดสายตาอิจฉาจากคนรอบข้าง และผมก็ถูกชวนให้เข้าร่วมทีมนั้น จะว่าไปแล้วมันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีอยู่หรอกนะ…
ถ้าในกลุ่มนั้นไม่มี ‘ฮาโทกิริ ฮิโรโตะ’ อยู่ด้วยล่ะก็…!
ผมเผลอกัดฟันกรามแน่น เพราะผมมั่นใจว่าถ้าไม่ทำแบบนั้น ร่างกายคงจะขยับไปเองโดยอัตโนมัติและก่อเรื่องที่คาดไม่ถึงขึ้นมาแน่ๆ และผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าก็พูดต่อ
“ไม่ได้เหรอคะ? จริงๆ แล้วการที่ถูกชวนกะทันหันแบบนี้ก็คงจะสับสนอยู่บ้าง ฉันเข้าใจความรู้สึกนั้นดีค่ะ แต่ว่าฮิโรโตะที่จัดงานนี้ขึ้นมาน่ะเป็นคนดูแลคนอื่นเก่งมาก เพราะฉะนั้นจะต้องเข้ากับทุกคนได้แน่นอนค่ะ!”
ใช่แล้ว ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผมเรียกฮาโทกิริ ฮิโรโตะ ด้วยชื่อต้น ในช่วงเวลานี้ เขากับเธอเป็นเหมือนเพื่อนสมัยเด็ก บ้านอยู่ติดกัน พ่อแม่ก็สนิทกัน ว่ากันว่าโตมาด้วยกันเหมือนพี่น้อง ทั้งสองคนมีความผูกพันที่ไม่อาจทดแทนได้จากการที่ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่และเวลาเดียวกันมาตลอดตั้งแต่ประถม มัธยมต้น และมัธยมปลาย ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ หลังจากผ่านช่วงโกลเด้นวีคไปแล้ว ทั้งสองคนก็จะกลายเป็นคู่รักกัน เป็นคู่รักในอุดมคติที่ใครๆ ก็ต่างอิจฉา แต่ตอนนี้ยังเป็นแค่เพื่อนกัน
“เรื่องนั้นเข้าใจแล้ว แล้วหล่อนเป็นใครล่ะ? จะมาชวนคนอื่นก็แนะนำตัวเองก่อนสิยะ”
“อ๊ะ! แย่จริง! นั่นสินะคะ! ฉันชื่อ…”
ไม่ต้องบอกก็ได้ เพราะผมรู้จักดีอยู่แล้ว ไม่อยากได้ยิน เพราะมันจะทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่ไม่มีวันลืม ผมพยายามที่จะไม่คิดถึงมันมาตลอด เรื่องที่ว่าเธอก็เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วย
“…อิงาราชิ ริริเสะค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยน รอยยิ้มนั้นครั้งหนึ่งผมเคยได้ครอบครองมันไว้แต่เพียงผู้เดียว ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม ก็เพราะว่าผู้หญิงคนนี้ คือผู้หญิงที่เคยเป็น ‘ภรรยา’ ของผมในชีวิตรอบแรกยังไงล่ะ
“เหรอ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันชื่ออายาชิโระ ฮิเมน่า”
“ฮิเมน่า? เรียกว่าฮิเมะจังได้ไหมคะ?”
“ไม่ย่ะ ต้องเรียกฉันว่าท่านฮิเมน่าสิยะ”
“อะไรกัน เด็กคนนี้ดูหยิ่งจังเลย! น่ารักเหมือนตุ๊กตาแท้ๆ แต่กลับหยิ่งยโสเกินไปแล้ว!!”
ภรรยาของผมที่ถูกอายาชิโระลากเข้าไปในวงสนทนาของเธอยังคงหัวเราะอย่างร่าเริงเหมือนเคย ผมไม่ค่อยรู้จักเธอในตอนนั้นเท่าไหร่ เพราะทำได้แค่มองอยู่ห่างๆ ผมกับภรรยาเริ่มคบกันก็ตอนที่เรียนจบมหาวิทยาลัยไปได้สักพักแล้ว ดังนั้นเธอในตอนนี้จึงดูเหมือนเป็นผู้หญิงที่ผมไม่รู้จัก
“อะไรกัน ริริเสะ ติดปัญหาอยู่เหรอ? ให้ช่วยไหม?”
“อ๊ะ ฮิโรโตะ! เปล่าๆ ฮะๆ พอดีโดนปั่นหัวนิดหน่อยน่ะ มหาวิทยาลัยนี่สุดยอดไปเลยเนอะ มีแต่คนแปลกๆ ทั้งนั้นเลย! อุฟุฟุ”
ภรรยาของผมแลบลิ้นออกมาแล้วหัวเราะอย่างน่ารัก ผมไม่เคยเห็นใบหน้าแบบนั้นของเธอมาก่อน ผมรู้จักแต่ภรรยาที่เป็นผู้ใหญ่แล้วเท่านั้น แต่ตอนนี้ คนที่รู้จักใบหน้าแบบนั้นของภรรยากำลังยืนอยู่ตรงหน้าผม
“ไง ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉัน…”
“ไม่ต้องแนะนำตัวหรอกย่ะ เมื่อกี้นี้ก็เห็นส่งเสียงเจื้อยแจ้วอยู่บนเวทีอย่างหยิ่งยโสแล้วไม่ใช่รึไง?”
อายาชิโระมองไปยังฮาโทกิริด้วยสายตาเคลือบแคลง ฮาโทกิริถึงกับชะงักไปเล็กน้อยกับแรงกดดันนั้น
“เจื้อยแจ้ว…? อะฮะฮ่า…เธอเนี่ยเป็นคนแปลกดีนะ อะฮะฮ่า…”
“ใช่ไหมล่ะ! ฉันถึงได้โดนเธอปั่นหัวจนตามไม่ทันเลยนี่ไง!”
“เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมริริเสะที่เข้ากับคนง่ายถึงได้ลำบากใจ แล้วว่าไงล่ะ? พวกเธอ ไปปาร์ตี้เล็กๆ กับพวกเรากันเถอะ”
รอยยิ้มสดใสของฮาโทกิรินั้นดูมีเสน่ห์อย่างไม่ต้องสงสัย ในบรรดาผู้หญิงรอบๆ ข้าง มีหลายคนที่มองมายังฮาโทกิริด้วยสายตาชื่นชม ยอดเยี่ยมไปเลยสินะ น่าอิจฉาจริงๆ ด้วยรอยยิ้มนี้นี่แหละ! ไอ้ชายชู้นี่! มันถึงได้แย่งชิงและทำลายสิ่งสำคัญของผมไป!
“จองสถานที่ไว้แล้วล่ะ เป็นที่สวยๆ อาหารก็อร่อยด้วยนะ รับรองว่าจะต้องสนุกแน่ๆ! ไปด้วยกันนะ?”
และแล้ว ผมก็ได้กลับมาพบกับผู้ชายที่ผมเกลียดที่สุด และผู้หญิงที่ผมเคยรักที่สุดอีกครั้ง
MANGA DISCUSSION