มิรันได้แสดงตัวอย่างการแสดงให้ดูแล้ว ที่เหลือก็แค่เลียนแบบเท่านั้นแหละ หลังจากกลับบ้านเมื่อวานผมก็ได้ลองศึกษาเรื่องวิธีการแสดงจากในเน็ตมาบ้างแล้ว แค่ทำตามนั้นก็พอ ผมยืนอยู่ตรงหน้าอายาชิโระ ยูซึริฮะ และมิรัน สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวังของทั้งสามคนพุ่งตรงมาที่ผม นี่คงจะเป็นสายตาที่นักแสดงบนเวทีรู้สึกสินะ ผมรู้สึกประหม่าขึ้นมาเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นในชีวิตรอบแรกผมก็เคยผ่านสมรภูมิในฐานะคนทำงานมาพอสมควรแล้ว ไม่เป็นไรหรอก ผมทำได้ เคล็ดลับของการแสดงคือการดึงเอาความรู้สึกของตัวเองออกมาใช้ อะไรทำนองนั้นแหละ ไม่ใช่การสวมบทบาทเป็นตัวละคร แต่เป็นการแสดงความรู้สึกที่ตัวละครต้องการออกมาด้วยร่างกายในแต่ละสถานการณ์ นั่นแหละคือการแสดง อะไรทำนองนั้นแหละ ดูเหมือนว่าวิธีการแสดงจะมีอยู่หลายแขนง ผมก็เลยไม่ค่อยจะรู้รายละเอียดเท่าไหร่ เอาเป็นว่าผมเข้าใจแบบนั้นก็แล้วกัน ดังนั้นผมจึงต้องดึงเอาความรู้สึกที่จำเป็นสำหรับบทบาทที่ผมจะแสดงออกมา ความทรงจำนั้น บทบาทของผมคือผู้ชายที่ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งแล้วก็ตกหลุมรักเธอในทันที เป็นบทบาทที่เรียบง่าย เพราะงั้นผมจึงนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ผมได้คบกับภรรยาในโลกที่แล้ว ตอนนั้นเป็นบาร์ที่ไปกับเพื่อนร่วมงาน ผมกับเพื่อนร่วมงานกำลังดื่มอยู่ที่เคาน์เตอร์ แต่ที่โต๊ะบ็อกซ์อีกโต๊ะหนึ่ง ภรรยาของผมกับเหล่าผู้ประกาศข่าวหญิงกำลังนัดบอดอยู่กับดาราตลกหนุ่มดาวรุ่ง ตอนนั้นภรรยาทำได้แค่ยิ้มแหยๆ อย่างเย็นชา เป็นใบหน้าที่เย็นชาทั้งที่เป็นการพบกันครั้งแรกนับตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย ไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นร่างกายของผมถึงได้ขยับไปเอง แล้วพอรู้ตัวอีกทีผมก็ดึงมือของภรรยาแล้วก็เดินออกจากร้านไปแล้ว ตอนนี้มาคิดดูแล้วก็ยังรู้สึกว่าทำไมถึงได้ทำอะไรแบบนั้นลงไปนะ แต่ตอนที่พวกเราสองคนวิ่งออกมาจากร้าน ภรรยาก็ยิ้มให้ผมอย่างอบอุ่นจริงๆ ความรู้สึกนั้นมันยังคงหลงเหลืออยู่ในอกของผมอย่างแน่นอน แล้วผมก็เริ่มแสดง
แล้วการแสดงก็จบลง เป็นการแสดงที่สั้นมาก ไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำ พอจบแล้วผมก็โค้งคำนับหนึ่งครั้งแล้วก็มองไปที่ใบหน้าของอายาชิโระและคนอื่นๆ ทุกคนต่างก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“เป็นการแสดงที่ดีเลยนะ! มีทั้งความเข้มข้นและความงดงามของตัวตนที่เหมือนกับนักแสดงบรอดเวย์เลย! แต่เสียงห่วยแตกมาก!!”
“จริงด้วยค่ะ! วิเศษมากเลยค่ะ! มีกลิ่นอายของรักร้าวที่น่าเศร้าเหมือนกับมาเฟียในชิคาโกที่ตกหลุมรักลูกสาวของตำรวจคู่ปรับเลยค่ะ! แต่ว่าเสียงห่วยแตกมากค่ะ!! ไปหานักพากย์มาพากย์ทับเถอะค่ะ!!”
นี่มันคำวิจารณ์แบบไหนกันเนี่ย ทั้งอายาชิโระและยูซึริฮะต่างก็ชื่นชมจนน้ำตาคลอ แต่ก็ยังไม่วายที่จะด่าผมไปด้วย ผมที่รู้สึกคาใจอยู่ไม่น้อยเลยหันไปมองมิรัน ซึ่งเธอดูเหมือนจะประทับใจอยู่
“อืมๆ! ดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนะ! ตกใจเลย! ถ้าเป็นยุคหนังเงียบล่ะก็คงจะได้เป็นนักแสดงระดับตำนานเลยล่ะมั้ง? ที่เรียกว่าพรสวรรค์ของดารารึเปล่านะ? จะว่าไปแล้วก็เป็นการแสดงที่ดูเล็กๆ เหมาะกับหนังมากกว่าละครเวทีนะ แต่ก็เกินพอแล้วล่ะ!! แบบนี้ผ่านการคัดเลือกแน่นอน!! ในที่สุดโชคก็เข้าข้างผมบ้างแล้ว!!”
มิรันก็ชมผมเหมือนกัน แต่ว่าอะไรนะ? หนังเงียบ?
“นี่ๆ ทุกคน? ทำไมถึงได้ด่าเรื่องเสียงของฉันกันหมดเลยล่ะ? หืม?”
ทุกคนต่างก็ค่อยๆ หลบสายตาไป มิรันพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะขอโทษอยู่หน่อยๆ
“เอ่อ…จะว่ายังไงดีล่ะ การแสดงออกทางร่างกายน่ะสุดยอดไปเลยนะ! ทั้งความยิ่งใหญ่ของตัวตน ความเข้มข้น แล้วก็ความเท่ที่เหนือเหตุผลมันทำให้ใจเต้นเลยล่ะ แต่ว่านะ เสียงน่ะ…จะว่ายังไงดีล่ะ…ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่มันเป็นเสียงที่อ่านบทแบบทื่อๆ ที่เต็มไปด้วยความประหม่าของหนุ่มซิงที่ไม่คุ้นเคยกับผู้หญิงน่ะสิ…ฮะๆ…”
“เอ๊ะ? อะไรนะ?! เสียงฉันมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?!”
“จะว่าแย่ก็ไม่เชิง…แต่ว่า…อืม…นิดหน่อยน่ะนะ…น่าขยะแขยงไปหน่อยล่ะมั้ง…ฮะๆ…”
มิรันยิ้มแหยๆ มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? พอคิดแบบนั้นอายาชิโระก็เดินเข้ามาใกล้ๆ ผมแล้วก็ยื่นหน้าจอสมาร์ทโฟนมาให้ดู
“อย่าเพิ่งช็อคไปนะ ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก…อุ๊บ…”
ยัยนี่หัวเราะเยาะฉันนี่หว่า?! แล้ววิดีโอการแสดงของผมก็เริ่มเล่นขึ้น แล้วผมก็ได้ยินเสียงของตัวเองในตอนนั้น
‘ผมรักคุณ!’
น่าขยะแขยงจริงๆ ด้วย เสียงก็สั่นๆ แถมยังให้ความรู้สึกเหมือนหนุ่มซิงสุดๆ ไปเลย จะว่าไปแล้วตอนที่เจอกับภรรยาผมก็ยังซิงอยู่นี่หว่า!! เพราะใช้ความรู้สึกนั้นก็เลยทำให้เสียงกลายเป็นเสียงของหนุ่มซิงไปด้วยเหรอ?! กลับกันแล้วมันสุดยอดไปเลยไม่ใช่รึไง?!
“ไม่ต้องไปใส่ใจหรอกค่ะ! ถ้าเป็นแค่ร่างกายล่ะก็คุณคานาตะสุดยอดที่สุดแล้วค่ะ!!”
ยูซึริฮะตบไหล่ของผมพลางพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูแปลกๆ
“อย่าทำนะ! อย่ามาประเมินฉันเหมือนกับเป็นผู้หญิงน่าสงสารที่ถูกปฏิบัติเหมือนเป็นเซ็กเฟรนที่แสนดีสิ!!”
ช็อคเลยว่ะ พรสวรรค์ในการแสดงของตัวเองน่ากลัวจริงๆ (เสียงสั่น)
“อะฮะฮ่า แต่ไม่ต้องไปใส่ใจมากหรอกนะ การแสดงของคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์การแสดงมาก่อนน่ะจะถูกพิจารณาเป็นพิเศษตอนคัดเลือกอยู่แล้วล่ะนะ ประกาศไว้อย่างชัดเจนเลยด้วยซ้ำ จะว่าไปแล้วนอกจากเรื่องเสียงแล้วก็อยู่ในระดับที่ไม่ต้องซ้อมเลยด้วยซ้ำ! เรื่องเสียงน่ะลืมไปก่อนเถอะ! งั้นมาลองซ้อมกับผมดูเถอะ! แบบนี้น่าจะลองแสดงจริงเลยก็ได้นะ! มาลองกันเถอะ!! อะฮะฮ่า!”
มิรันแกะผมหางม้าออกแล้วก็ปล่อยผมสยายลงมา บรรยากาศที่ดูเหมือนเด็กผู้ชายเมื่อกี้ก็หายไป กลายเป็นบรรยากาศที่ดูสง่างามเหมือนกับเจ้าหญิงขึ้นมาแทน คงจะเปลี่ยนโหมดเพื่อรับบทผู้หญิงสินะ สุดยอดไปเลยเด็กคนนี้ สามารถควบคุมบรรยากาศหรือออร่าที่ดูจับต้องไม่ได้ของคนได้ด้วยเหรอ? นี่มันคือพรสวรรค์ของนักแสดงตัวจริงเหรอ?! แพ้ไม่ได้แล้ว!! คนที่จะยืนอยู่กลางเวทีคือฉันคนนี้!!
“โทคิวะ จะบอกไว้ก่อนนะว่าตัวเอกของการคัดเลือกครั้งนี้น่ะไม่ใช่นายนะยะ เลิกคิดที่จะไปแข่งกับมิซากิซะเถอะ”
ผมโดนอายาชิโระที่คงจะอ่านใจผมออกตบมุกใส่ แย่ล่ะสิ เผลอเข้าโหมดเลือดร้อนแบบมังงะกีฬาไปซะได้ ในการคัดเลือกครั้งนี้ผมเป็นแค่ตัวประกอบที่จะทำให้มิรันดูโดดเด่นขึ้นมาเท่านั้น ต้องทำตามบทบาทของตัวเองให้ดี!
“งั้นจะถ่ายวิดีโอแล้วนะ พยายามเข้าจนกว่าฉันจะพูดว่าคัทนะ”
“เฮ้ย เดี๋ยวก่อนสิ อายาชิโระ เธอทำเป็นผู้กำกับตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ก็อยากจะลองพูดดูสักครั้งไม่ใช่เหรอ? คำว่าคัทน่ะ น่าสนุกดีออก”
“นี่มันละครเวทีนะ”
ผมทำเป็นไม่สนใจคำพูดไร้สาระของอายาชิโระ แล้วผมกับมิรันก็เริ่มแสดงจริงโดยไม่มีการซ้อม
การแสดงของพวกเราสองคนจบลงแล้ว ในฐานะคนแสดงแล้วก็ไม่ได้มีอะไรติดขัดหรือสะดุดเลยสักนิด ผมคิดว่าสามารถแสดงได้อย่างราบรื่น แต่สีหน้าของผู้ชมทั้งสองคนกลับดูเคร่งเครียดอย่างน่าประหลาด
“…นี่มันอะไรกันนะ? ถึงเสียงของโทคิวะจะช่างมันเถอะ แต่การแสดงของทั้งสองคนก็ดีนี่นา…”
“นั่นสินะคะ ถึงจะไม่นับเรื่องเสียงของคุณคานาตะ แต่ทั้งสองคนก็แสดงได้ดีมากเลยค่ะ แต่ว่า…”
ทั้งสองคนทำหน้าเหมือนกับเคี้ยวของขมเข้าไป แล้วก็พูดออกมาว่า
“”น่าเบื่อ (ค่ะ)””
เป็นคำวิจารณ์ที่เจ็บแสบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เลย
“อ๊าก!!! น่าเบื่อ?! การแสดงของผมมันน่าเบื่อเหรอ?! เป็นไปได้ยังไง?!”
มิรันทรุดตัวลงกับพื้นทันที เขาสั่นไปทั้งตัวแล้วก็หน้าซีดเผือด สำหรับคนในวงการบันเทิงแล้ว การที่ถูกบอกว่าน่าเบื่อคงจะเป็นสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดสินะ
“ขอโทษนะ แต่ถ้าจะให้พูดตรงๆ ล่ะก็ การแสดงของสองคนมัน ‘น่าเบื่อ’ น่ะ ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ดีเท่าไหร่หรอกนะ ทั้งสองคนก็แสดงได้ดี ลมหายใจก็เข้ากันดี แต่ว่ามันน่าเบื่อ พูดได้แค่นั้นแหละ”
อายาชิโระดูเหมือนจะสับสน เธอทำหน้าเครียด
“…มันคืออะไรกันนะ? แบบว่า…อันนั้นรึเปล่าคะ? ตอนที่ไลท์โนเวลหรือมังงะที่ชอบถูกทำเป็นอนิเมะ แล้วเสียงที่จินตนาการไว้กับเสียงของนักพากย์จริงๆ มันไม่ตรงกันอะไรแบบนั้น? ไม่สิ ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ…มันคืออะไรกันนะ? ความไม่เข้ากัน? ความบิดเบี้ยว? อืม?”
ยูซึริฮะกอดอกแล้วก็ครุ่นคิด เธอก็ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ดีเหมือนกัน
“อืม…มิรัน สาเหตุมันคืออะไรกันนะ? ฉันว่าการแสดงของเธอก็ไม่เลวนะ?”
ผมเปิดวิดีโอการแสดงของทั้งสองคนที่ถ่ายไว้แล้วก็สังเกตดู ที่จริงแล้วพอโดนพูดแบบนั้นมันก็น่าเบื่อจริงๆ นั่นแหละ ถ้ายกเว้นเสียงห่วยๆ ของผมไปล่ะก็การแสดงของทั้งสองคนก็ดูสวยงามดี แต่กลับรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
“ไม่รู้สิ แต่รู้สึกเหมือนว่าสาเหตุมันน่าจะอยู่ที่มิซากินะ”
อายาชิโระก็ชะโงกหน้าเข้ามาดูวิดีโอด้วย มือขาวๆ ของเธอปิดหน้าจอส่วนที่เป็นผมไป เหลือไว้แต่ภาพของมิรันคนเดียว การแสดงสวยงาม เป็นการแสดงที่ดูสง่างามและงดงามเหมือนกับเจ้าหญิง แต่ว่ามันก็จริงอย่างที่ว่า
“อายาชิโระ เหมือนจะเป็นอย่างที่เธอว่านะ การแสดงของมิรันน่ะ รู้สึกเหมือนมันขาดอะไรไปบางอย่าง มันขาดอะไรไปกันนะ?”
ผมหันไปมองมิรันที่กำลังท้อแท้อยู่ แล้วก็เปรียบเทียบกับมิรันในหน้าจอ มันขาดอะไรไปบางอย่างจริงๆ นั่นแหละ
“ขออนุญาตยืมวิดีโอนั่นหน่อยได้ไหมคะ?”
ยูซึริฮะพูดพร้อมกับแว่นตาที่ส่องประกายอย่างน่าสงสัย ในมือขวาของเธอมีดินสออยู่ ส่วนมือซ้ายก็มีกระดาษรายงาน A4 อยู่ เธอรับสมาร์ทโฟนของอายาชิโระไปจากผมแล้วก็วางมันลงบนเสื่ออาหารกลางวัน จากนั้นเธอก็ชันเข่าลงแล้วก็จ้องมองวิดีโออย่างตั้งใจ กระโปรงชุดเดรสที่เธอใส่อยู่มันสั้นไปหน่อย พอมามองจากข้างหลังแล้วก็จะเห็นส่วนโค้งเว้าที่เซ็กซี่ของก้นกับกางเกงในสีดำแวบๆ ยูซึริฮะเล่นวิดีโอ หยุดวิดีโอ ย้อนกลับ กรอไปข้างหน้า แล้วก็เขียนสมการปริศนาที่ขนาดผมที่เป็นสายวิทย์ยังไม่เข้าใจลงบนกระดาษรายงาน
“ดีจังเลยนะ…กางเกงในที่มองเห็นจากข้างหลังของเด็กสาวที่กำลังตั้งใจอยู่ ดูสิ! เด็กสาวที่เคยบริสุทธิ์คนนั้นถูกความมืดของเมืองกรุงย้อมจนต้องมาใส่กางเกงในสีดำแล้วนะ! วิเศษไปเลย!!”
อายาชิโระยิ้มเยาะแล้วก็แอบมองเข้าไปในกระโปรงของยูซึริฮะ แต่ยูซึริฮะกำลังตั้งใจมากก็เลยไม่รู้ตัวเลยสักนิด ผมเอามือทั้งสองข้างไปปิดตาของอายาชิโระจากข้างหลัง
“กันไว้! เกราะป้องกันสุดยอด! เชื้ออายาชิโระที่สกปรกน่ะป้องกันให้หมด!!”
“ว้าย! อยากจะดูนี่นา! ก็ฉันเป็นคนเลือกกางเกงในให้เองนะ! ฉันมีสิทธิ์ที่จะดูนะ!”
อายาชิโระหัวเราะคิกคักแล้วก็พยายามจะแกะมือของผมออกอย่างหยอกล้อ แน่นอนว่าผมไม่ยอมให้ดูหรอกนะ จะไม่ยอมให้มาขัดขวางยูซึริฮะเด็ดขาด
“แปลงค่าอารมณ์บนแกนเวลาแล้วนำไปพล็อต แปลงเป็นเมทริกซ์เวกเตอร์แล้วนิยามใหม่ด้วยความถี่เฉพาะของแต่ละตัว หาลิมิตแล้วทำนอร์มัลไลซ์จำนวนเชิงซ้อนและจัดเรียงค่าคงที่ใหม่ ถ้าพิสูจน์โดยการหาข้อขัดแย้งว่าฟังก์ชันนี้มีคำตอบ…ไม่จริงน่า! ประพจน์แย้งสลับที่ดันเป็นจำนวนอตรรกยะอดิศัย?! เป็นไปได้ยังไง…”
พูดอะไรของเขากันนะ? ภาษาซัตสึมะนี่มันยากจริงๆ…แต่ดูเหมือนว่าจะได้คำตอบอะไรบางอย่างแล้ว ยูซึริฮะลุกขึ้นยืนแล้วก็เดินไปทางมิรัน
“ที่จริงแล้วควรจะรู้ตัวได้ตั้งแต่แรกแล้วค่ะ ธีมที่การแสดงนี้ต้องการจะสื่อคือ ‘ความรัก’ หรือก็คือความรู้สึกที่ตกหลุมรักนั่นเอง…!”
ยูซึริฮะนั่งยองๆ ลงตรงหน้ามิรันแล้วก็พูดว่า
“หล่อน…ยังซิงอยู่เลยนี่!!!!”
พอได้ยินแบบนั้นมิรันก็เงยหน้าขึ้นมาทันที
“ม…ม…ไม่จริงสักหน่อย!! ผมน่ะนะ! ป๊อปมากเลยนะจะบอกให้!! ป๊อปสุดๆ! ไม่เคยมีปัญหาเรื่องผู้ชายเลยสักครั้ง! ฮะๆ! อะฮะฮะฮ่า!! มีอะไรกับคนมานับไม่ถ้วนแล้ว! เป็นนักแสดงก็ต้องมีประสบการณ์โชกโชนอยู่แล้วไม่ใช่รึไง! อะฮะฮ่า! อะฮะฮะฮ่า!”
เสียงสั่นไปหมดเลยนะ พอเข้ามหาวิทยาลัยแล้วการที่ไม่มีประสบการณ์เรื่องความรักมันก็มักจะกลายเป็นปมด้อยของทั้งชายและหญิงนั่นแหละ
“อะแฮ่ม…ขอประทานโทษค่ะ สายตาของดิฉันหลอกไม่ได้หรอกค่ะ!! สมการคณิตศาสตร์ไม่เคยโกหก!! ดิฉันได้พิสูจน์จากตรรกะที่ได้มาจากการแสดงของคุณแล้วว่า คุณยังไม่เคยมีประสบการณ์ทางเพศ ขอประทานโทษค่ะ! ขอใช้คำนิยามที่เข้มงวดกว่านี้ค่ะ! คุณยังไม่เคยมีประสบการณ์ที่อวัยวะเพศชายสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศหญิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว แถมยังไม่เคยมีพฤติกรรมแสวงหาคู่ครองหรือตกหลุมรักกับเพศผู้ของมวลมนุษยชาติเลยแม้แต่ครั้งเดียวด้วยซ้ำ!!”
ที่ท้ายสมการปริศนาบนกระดาษรายงานที่ยูซึริฮะถืออยู่พร้อมกับทำหน้าภูมิใจนั้นมีตัวอักษร “Q.E.D” เขียนอยู่
“หยุดเลยนะ! การเอาสมการคณิตศาสตร์มาให้สายศิลป์อย่างผมดูมันคือการคุกคามสายวิทย์นะ!! ริฮาระนะ! ริฮาระ!!”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องกลบเกลื่อนนะคะ! ปฏิกิริยาแบบนั้นแหละที่พิสูจน์ว่าคุณเป็นแค่สาวพรหมจรรย์ที่น่ารำคาญเท่านั้นเอง!!”
การคุกคามด้วยตรรกะของยูซึริฮะมันรุนแรงจริงๆ แต่การที่บอกว่าไม่รู้จักความรักมันก็ดูมีเหตุผลอยู่เหมือนกันนะ อายาชิโระเองก็พยักหน้าเห็นด้วยอยู่บ่อยๆ นี่จะเป็นทางออกได้จริงๆ เหรอ?…น่ากังวลจังเลยนะ…! ผมคิดแบบนั้น
MANGA DISCUSSION