มิรันมองมาที่ผมซึ่งกำลังยิ้มอยู่ แล้วก็ยิ้มออกมาบางๆ
“พอได้ฟังเรื่องชมรมที่น่าขนลุกขนาดนั้นแล้วยังยิ้มออกมาได้อีก เธอนี่พึ่งพาได้จริงๆ นะ ที่คุณอายาชิโระกับคุณโคโยติดเธอน่ะฉันเข้าใจดีเลย”
“ฉันพอจะมีดีอยู่บ้างไหมนะ? ได้รับคำชมก็เป็นเกียรติล่ะนะ มีเรื่องหนึ่งที่อยากจะรู้ การที่เธอออกจากกลุ่มน่ะมันมีผลเสียอะไรบ้าง?”
“ใช่ นั่นแหละคือปัญหาล่ะนะ เห้อ…มนุษย์เรานี่มันทำไมถึงได้เป็นแบบนี้นะ…เฮ้อ…”
มิรันถอนหายใจออกมาแล้วก็ทำหน้าเบื่อหน่าย ผมรู้สึกสงสารและเห็นใจเธอขึ้นมาเล็กน้อย ผมเองก็เป็นเหยื่อของชายชู้คนนั้น เด็กคนนี้ก็เหมือนกัน ผมรู้สึกถึงความเป็นพวกเดียวกัน
“โดนฮาโทกิริกลั่นแกล้งอยู่รึไง?”
“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ผู้ชายคนนั้นน่ะมีความคิดเชิงธุรกิจสุดๆ เขาไม่มาเสียแรงกับคนที่หนีไปแล้วหรอก กลุ่มนั้นน่ะใกล้เคียงกับบริษัทมากกว่ามาเฟียซะอีก ถ้าไม่ใช่บริษัทมืดล่ะก็ ปกติแล้วพอลาออกไปเขาก็ไม่ตามแล้วใช่ไหมล่ะ?”
“นั่นสินะ ถ้าให้ความสำคัญกับธุรกิจเป็นอันดับแรก ตราบใดที่ความลับไม่รั่วไหล ก็คงจะไม่ตามล่าคนที่ออกไปหรอก”
“ก็อย่างนั้นแหละ แต่ว่าคนที่เหลืออยู่จะคิดยังไงล่ะ? กลุ่มนั้นน่ะจะว่าไปแล้วก็เป็นหนึ่งในชมรมที่เป็นชนชั้นสูงสุดในมหาวิทยาลัยนี้เลยนะ การที่ได้สังกัดอยู่มันก็เป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง ผมคงจะดูเหมือนกับพวกเนรคุณที่ได้รับความโปรดปรานจากบอสแล้วก็ยังหนีออกมาสินะ ก็เลยโดนคนอื่นที่ไม่ใช่ฮาโทกิริคอยขัดขวางอย่างหนักน่ะสิ โดยเฉพาะจากพวกผู้หญิงน่ะนะ อย่างเช่นตอนที่ผมพยายามจะเข้าชมรมการแสดงของมหาลัยเรา ก็โดนปฏิเสธแบบอ้อมๆ เลยล่ะ สภานักเรียนน่ะกำลังค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในหมู่รุ่นพี่ด้วย แน่นอนว่าก็ยังมีชมรมอีกเยอะที่ต่อต้านสภานักเรียนแล้วก็ยอมรับผมเข้าชมรมเหมือนกับชมรมเต้นเมื่อตอนกลางวันนั่นแหละนะ แต่ถึงอย่างนั้นไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะเห็นเงาของสภานักเรียนอยู่รำไร ที่แย่คือแม้แต่ในสาขาเดียวกันก็ยังหาเพื่อนไม่ได้เลย ทุกคนต่างก็กลัวที่จะโดนสมาชิกสภานักเรียนเกลียด สมาชิกสภานักเรียนคือชนชั้นสูงสุด ถ้าเป็นที่ชื่นชอบของพวกเขาก็จะสามารถใช้ชีวิตนักศึกษาได้อย่างราบรื่น แต่ถ้าตรงกันข้ามก็จะกลายเป็นคนโดดเดี่ยวเหมือนกับผม ถึงตอนนี้จะมีรุ่นพี่เคไคคอยปกป้องผมอยู่ก็เถอะนะ แต่เขาก็ต้องเรียนจบไปในสักวัน การที่จะมีชีวิตในโรงเรียนที่สนุกสนานน่ะมันยากนะ ขนาดงานเลี้ยงสังสรรค์ของสาขายังโดนปฏิเสธเลยนะผม ฮะๆ…ฮะฮะฮ่า”
เสียงหัวเราะที่แห้งเหือดนั้นชวนให้รู้สึกเศร้าสร้อย เด็กคนนี้ถึงจะเป็นคนดัง แต่ดูเหมือนว่าชีวิตประจำวันจะไม่ใช่แบบนั้นสินะ เด็กคนนี้คงจะมีแฟนคลับทั้งในและนอกมหาลัยอยู่เยอะแยะ แต่คนพวกนั้นก็คงจะทำได้แค่มองเธอจากที่ไกลๆ และชื่นชมอยู่ห่างๆ เท่านั้นแหละ คงจะไม่มีใครเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรอก เพราะงั้นเธอถึงได้ถูกปฏิบัติเหมือนกับแพนด้าในสวนสัตว์ไงล่ะ ถึงจะมองแพนด้าแล้วรู้สึกสนุก แต่ก็ไม่มีใครไปทานข้าวกลางวันหรือไปดื่มด้วยกันหรอกนะ ชีวิตส่วนตัวของเธอถูกทำลายจนป่นปี้เลย การที่อยากจะเข้าคณะละครระหว่างมหาวิทยาลัยก็คงจะมีความหมายว่าอยากจะหนีจากความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงในมหาลัยด้วยสินะ ทั้งที่เป็นคนดังแต่กลับโดดเดี่ยว น่าสงสารเกินไปจนไม่อาจทนดูได้
“ฉันเองก็เป็นพวกเก็บตัวที่เพิ่งจะเดบิวต์มหาลัยเหมือนกัน ก็พอจะเข้าใจชีวิตที่โดดเดี่ยวอยู่นะ ให้ฉันช่วยเธอเถอะ”
“ขอบใจนะ ช่วยได้มากเลยจริงๆ…ขอบใจนะ ขอบคุณจริงๆ!”
ผมตัดสินใจที่จะร่วมมือกับมิรัน ไม่ว่าจะยังไงก็น่าสงสารเกินไปจริงๆ การที่คนที่ออกจากชมรมกับคนที่ยังอยู่จะมีความสัมพันธ์ที่กระอักกระอ่วนกันมันก็เป็นเรื่องปกติของมหาลัยอยู่หรอกนะ แต่ว่ามันก็มีขอบเขตอยู่เหมือนกัน นี่เป็นการกระทำที่ไม่ควรมองข้าม ถ้าผมหนีจากเรื่องของมิรันในตอนนี้ล่ะก็ ผมก็คงจะต้องหนีจากอะไรต่างๆ ไปตลอดชีวิตแน่ๆ นั่นเป็นโลกที่ห่างไกลจากชีวิตวัยรุ่นที่เปล่งประกาย ผมตัดสินใจแบบนั้นแล้ว
“ไง พวกเธอ คุยกันเสร็จรึยัง?”
มีเสียงดังมาจากข้างบน รุ่นพี่เคไคโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างของหอพักชาย คุณคิรินเกาะอยู่ที่หลังของเขา เรื่องการแต่งกายผมจะไม่ขอพูดถึงก็แล้วกัน มิรันถึงกับหน้าแดงกับความโจ่งแจ้งของทั้งสองคนเลยทีเดียว บอกตามตรงว่าผมเองก็อายเหมือนกัน
“ที่รุ่นพี่เคไคเรียกผมมาวันนี้ก็เพราะเรื่องนี้สินะครับ”
“ด…เดี๋ยว อย่าเข้าใจผิดสิ!! ก็แค่จะให้มากินพิซซ่าด้วยกันเท่านั้นแหละน่า!! …หรือจะให้พูดแบบนั้นก็แล้วกัน ก๊ากๆๆ!”
ก็เรียกผมมาแล้วก็รีบพาสาวเข้าห้องไปเลยนี่นา จะว่าไปแล้วการเตรียมการมันก็หละหลวมจริงๆ นั่นแหละ ผมเดาว่าคงจะเป็นการสร้างโอกาสให้มิรันได้เริ่มลงมือทำอะไรบางอย่างด้วยตัวเองล่ะมั้ง แต่ก็เป็นคนที่ดูแลคนอื่นเก่งจริงๆ นะ รู้สึกว่าโชคดีจริงๆ ที่ตอนแรกใช้ลูกไม้เล็กๆ น้อยๆ เข้าไปทำความรู้จักกับเขา
“อีกไม่นานฉันก็ต้องเลิกยุ่งเกี่ยวกับชมรมหรือกิจกรรมในมหาลัยแล้วล่ะนะ ฉันไม่สามารถปกป้องพวกเธอไปได้ตลอดหรอกนะ เพราะงั้นพวกเธอก็ต้องไปสร้างความสัมพันธ์กับคนดีๆ ของตัวเองซะล่ะ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือแฟนหรืออะไรก็ได้ แต่ก็พยายามที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นต่อไปเถอะ ถ้าอยู่คนเดียวล่ะก็คนเรามันจะต้องแย่ลงแน่ๆ มหาลัยน่ะคือสถานที่สำหรับฝึกฝนเพื่อที่จะไม่โดดเดี่ยวก่อนที่จะออกไปสู่สังคมนะ จงกลัดกลุ้มให้เต็มที่เถอะเหล่าวัยหนุ่มสาวเอ๋ย! ก๊ากๆๆๆ!”
“ว้าย เคจังเท่จังเลย! อ๊ะจะว่าไปแล้วสองคนจะกินข้าวไหม? ถ้าไม่เกี่ยงว่าเป็นของเหลือล่ะก็เดี๋ยวจะทำอะไรให้กินนะ?”
ผมกับมิรันมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“”ขอรับประทานด้วยครับ/ค่ะ!!””
แล้วผมกับมิรันก็ได้ทานโดเรียที่ทำจากวัตถุดิบทำพิซซ่าที่เหลือซึ่งคุณคิรินเป็นคนทำให้ อร่อยมากเลยทีเดียว แต่ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่นะ? สุดท้ายแล้ววันนั้นก็ผ่านไปโดยที่ผมก็ยังไม่รู้ว่าคุณคิรินเป็นใครมาจากไหน
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย: ที่มาของชื่อ ‘มิรัน’
“ว่าแต่ชื่อจริงๆ คือมิซากิใช่ไหม? ทำไมถึงถูกเรียกว่ามิรันล่ะ?”
“มิรันเป็นชื่อในวงการน่ะ แต่ชื่อจริงของผม มิซากิ เขียนด้วยคันจิคำว่า ‘งาม’ (美) กับคำว่า ‘ผู้นำ’ (魁) น่ะ อ่านอีกแบบหนึ่งก็จะกลายเป็นมิรัน”
“อ่า อย่างนี้นี่เอง เก๋ไก๋ชะมัดเลยนะ”
“ใช่ไหมล่ะ! ไม่ใช่แค่นั้นนะ! ผมน่ะชอบบทผู้ชาย แล้วมิรันในยุโรปก็เป็นชื่อผู้ชายด้วยนะ ทั้งที่ในภาษาญี่ปุ่นกลับฟังดูเหมือนเป็นชื่อผู้หญิง นั่นก็เป็นสิ่งที่ผมตั้งใจไว้เหมือนกัน!”
“เหรอ…สมกับเป็นคณะอักษรศาสตร์เลยนะ เท่ดี”
“ใช่ไหมล่ะ ใช่ไหมล่ะ! ผมจะต้องเป็นนักแสดงที่ไม่ทำให้อับอายชื่อนี้ให้ได้เลย! เพราะงั้นขอบใจนะที่ช่วย โทคิวะคุง”
“ไม่เป็นไรน่า พรุ่งนี้มาพยายามด้วยกันเถอะ!”
“”ชนแก้ว!!””
พักกลางวันของวันต่อมา ที่ลานสนามหญ้าในวิทยาเขต ผมกับมิรันปูเสื่ออาหารกลางวันแล้วก็เริ่มซ้อมเพื่อการคัดเลือกตัวเข้าคณะละคร การแสดงน่ะมันต้องมีผู้ชมถึงจะมีความหมาย เพราะงั้นผมก็เลยอัญเชิญพวกนั้นมา
“อย่างนี้นี่เอง เข้าใจสถานการณ์แล้วล่ะ แสดงว่าเธอพยายามที่จะสร้างความประทับใจให้สาวน่ารักๆ คนนี้ในระหว่างการคัดเลือกเพื่อหวังผลจากปรากฏการณ์สะพานแขวนแล้วก็ถ้ามีโอกาสก็กะว่าจะลากขึ้นเตียงสินะ แต่ว่าคนเดียวคงจะไม่พอใจก็เลยเรียกฉันมาเพื่อจะเล่น 3P ด้วย…ขอโทษนะ พอดีฉันไม่นิยม 3P กับผู้หญิงที่สูงกว่าตัวเองน่ะ ไปขอร้องยูซึริฮะเถอะย่ะ”
“ใครพูดแบบนั้นกันวะ? แล้วอะไรนะ? ในหมู่ผู้หญิงตอนนี้ 3P มันกำลังฮิตกันเหรอ?”
มิรันก็พูดเรื่อง 3P เหมือนกัน หรือว่ามันจะฮิตกันจริงๆ นะ? ไม่เอาด้วยหรอกนะเทรนด์แบบนั้น…!
“คานาตะซัง! ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะคะ!! สาวหล่อคนนั้นก็มีหน้าอกแถมยังมีหัวนมอยู่สองข้างด้วย!! ให้ฉันกับคุณคานาตะช่วยกันดูดพร้อมกันเลยนะคะ!!”
ยูซึริฮะที่พูดเรื่อง 3P ออกมาด้วยรอยยิ้มที่สดใสสุดๆ คงจะถูกความมืดของเมืองกรุงย้อมไปเสียแล้วสินะ สาวน้อยผู้บริสุทธิ์แห่งซัตสึมะไม่มีอีกต่อไปแล้วโว้ย! ข้าน้อยเศร้าใจยิ่งนัก!!
“คนอกโตอย่างแกจะไปดูดนมคนอื่นน่ะมันเป็นพฤติกรรมที่ฟุ่มเฟือยเกินไปแล้วนะ!!”
ถ้าติดเชื้ออายาชิโระไปแล้วครั้งหนึ่งล่ะก็ไม่มีทางรักษาหายได้อีกแล้ว จะว่าไปแล้วเชื้ออายาชิโระน่ะมันแข็งแกร่งมากจนแอลกอฮอล์ก็ฆ่าเชื้อไม่ได้ แถมยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้มันดุร้ายขึ้นไปอีกต่างหาก
“ม…ไม่จริงน่า…ซ้ายขวาพร้อมกันเลยเหรอ?!…แล้วหลังจากนั้นก็บนล่างพร้อมกันเหรอ?! หรือว่าจะหน้าหลังพร้อมกัน?! ผม…อ๊ะ…อื้อ…อืม…เฮือก…”
มิรันถึงกับบิดตัวไปมาด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก อ๊ะ ไม่ไหวแล้ว เชื้ออายาชิโระแพร่กระจายไปแล้ว ความชอบเรื่องใต้สะดือของนักศึกษาสาวนี่มันผิดปกติจริงๆ พวกเก็บตัวที่เป็นผู้ชายตามไม่ทันแล้วครับ!
“เอาล่ะ คงจะอุ่นเครื่องกันได้ที่แล้วสินะ? ช่วยแสดงบทที่ต้องใช้ในการคัดเลือกนั่นให้ดูหน่อยสิ?”
อายาชิโระกลับเข้าสู่เรื่องอย่างหน้าตาเฉย เธออ่านสำเนาบทที่ได้รับมาล่วงหน้าแล้วก็กระตุ้นให้พวกเราแสดง ยูซึริฮะมองมาที่พวกเราด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
“เดี๋ยวก่อนสิ จะให้โทคิวะคุงทำกะทันหันเลยก็น่าสงสารแย่ อย่างแรกเลยผมจะลองเล่นบทผู้ชายคนเดียวก่อนนะ ดูให้ดีนะ!”
มิรันยืนอยู่ตรงหน้าพวกเราแล้วก็โค้งคำนับหนึ่งครั้งก่อนจะเริ่มแสดงบทผู้ชายในบทคนเดียว เป็นบทที่ผมต้องเล่นในการแสดงจริง การแสดงนั้นยอดเยี่ยมมากจริงๆ ไม่ว่าจะยังไงก็เท่ไปหมดเลย เธอสวมบทบาทผู้ชายในอุดมคติได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นภาพลักษณ์ของผู้ชายที่ผมเองก็อยากจะเป็นเหมือนกัน แล้วการแสดงก็จบลงอย่างรวดเร็ว บทมันสั้นน่ะนะ การแสดงจริงๆ ก็คงจะใช้เวลาแค่ 2-3 นาทีเท่านั้นแหละ แต่ก็ประทับใจมากพอแล้ว และไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่รู้สึกแบบนั้น
“ว้าย! เท่มากเลยค่ะ! เหมือนกับนั่นเลยค่ะ! นั่นไง! เหมือนกับทาคาระซึกะเลย! อยากดูอีกค่ะ! อังกอร์! อังกอร์!!”
สาวน้อยแห่งซัตสึมะหลงใหลในความหล่อเท่ของมิรันไปซะแล้ว แต่ว่าการแสดงละครมันไม่มีอังกอร์ไม่ใช่รึไงนะ?
“การแสดงเมื่อกี้นี้วิเศษไปเลยนะ ถ้าจะให้ตกหลุมรักล่ะก็ต้องเป็นผู้ชายแบบนี้แหละ เป็นการแสดงออกที่ยอดเยี่ยมที่สามารถจับและกระตุ้นความปรารถนาของผู้ชมได้อย่างตรงไปตรงมาเลยนะ เธอสามารถหาเลี้ยงชีพด้วยการแสดงละครได้เลยนะเนี่ย อันที่จริงแล้วทำไมถึงมาเรียนที่มหาลัยเราล่ะ? เธอไม่จำเป็นต้องไปมหาวิทยาลัยเลยไม่ใช่เหรอ?”
เป็นคำวิจารณ์ที่เฉียบคมและมีความเหน็บแนมในแบบของอายาชิโระ ที่จริงแล้วก็ดูเหมือนว่าเธอจะอยู่ในระดับที่สามารถหาเลี้ยงชีพได้แล้วจริงๆ นั่นแหละ การแสดงเมื่อกี้นี้ถ้าจะให้จ่ายเงิน 1,000 เยนก็ยังได้เลย ถ้าเป็นการแสดงเต็มรูปแบบล่ะก็ต่อให้ต้องจ่าย 10,000 เยนก็ยอมจ่าย เป็นการแสดงความบันเทิงที่ทำให้เคลิบเคลิ้มได้ขนาดนั้นเลย
“อะฮะฮ่า เงื่อนไขในการมาโตเกียวน่ะคือต้องไปมหาวิทยาลัยน่ะสิ แล้วก็ถ้าจะทำงานในวงการบันเทิงล่ะก็ต้องจบจากมหาวิทยาลัยดีๆ นั่นคือเงื่อนไขที่พ่อแม่ยื่นมาน่ะ เพราะงั้นก็เลยมาที่นี่ ถ้าเรียนจบได้ล่ะก็เป็นวุฒิการศึกษาที่เอาไปอวดได้ตลอดชีวิตเลยนะ”
เรื่องที่เส้นทางชีวิตต้องถูกจำกัดเพราะเรื่องของครอบครัวน่ะเป็นเรื่องที่ได้ยินบ่อยๆ อายาชิโระคงจะมีเรื่องให้คิดกับเรื่องเมื่อกี้อยู่บ้างล่ะมั้ง เธอทำหน้าเศร้าลงเล็กน้อย
“อย่างนั้นเหรอ เข้าใจแล้วล่ะ ถ้างั้นฉันเองก็จะขอช่วยอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้ก็แล้วกันนะ”
แววตาของอายาชิโระเข้าสู่โหมดจริงจัง สายตาในการมองคนของเด็กคนนี้น่ะเชื่อถือได้แน่นอน การติชมและความคิดเห็นเกี่ยวกับการแสดงก็คงจะเฉียบคมแน่ๆ การฝึกซ้อมต่อจากนี้ไปคงจะเข้มข้นน่าดู
MANGA DISCUSSION