ดูเหมือนว่าการมีอยู่ของฮาโทกิริ ฮิโรโตะ จะเป็นสิ่งที่ผมไม่อาจเมินเฉยได้แม้จะตัดเรื่องของภรรยาออกไปแล้วก็ตาม ในโลกที่แล้ว การมีอยู่ของเขาเพิ่งจะเข้ามาในสายตาของผมก็หลังจากที่เรื่องนอกใจของภรรยาถูกจับได้แล้ว ดังนั้นภาพจำของฮาโทกิริที่ผมมีจึงเป็นแค่คนที่หยิ่งยโส มั่นใจในตัวเอง และเป็นคนที่แย่งภรรยาไปจากผมเท่านั้น หลังจากที่เรื่องนอกใจถูกจับได้ ภรรยาก็เอาแต่เมินฮาโทกิริ ไม่แม้แต่จะมองหรือพูดคุยด้วย ดังนั้นผมจึงไม่เคยได้รู้เลยว่าภรรยารู้สึกอย่างไรกับเขากันแน่ ไม่สิ แค่เรื่องที่นอกใจมันก็เป็นคำตอบในตัวอยู่แล้วล่ะนะ แต่ที่แน่ๆ คือฮาโทกิริเป็นคนที่น่ารังเกียจอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งที่เป็นประธานบริษัทร่วมลงทุน เศรษฐีพันล้าน หน้าตาดี และเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ ในฐานะผู้ใจบุญก็เป็นที่รู้จักกันดีในสังคม เป็นคนดังของสังคม จะเรียกว่าเป็นตัวท็อปของตัวท็อปเลยก็ว่าได้ แต่ในยุคนี้เขาเป็นยังไงกันแน่นะ? ผมเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่ ในโลกที่แล้ว เขาดูยึดติดกับภรรยาของผมมาก ดูเหมือนว่าตั้งใจจะทำให้ผมกับภรรยาหย่ากันแล้วตัวเองก็จะแต่งงานกับเธอแทน ในยุคนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้นอยู่รึเปล่านะ? ผมไม่รู้เลย
“มิรัน จากที่เธอเคยอยู่ในกลุ่มนั้นมา เธอเห็นว่าฮาโทกิริเป็นคนแบบไหนเหรอ?”
พอผมถามแบบนั้น สีหน้าของมิรันก็หมองลง เธอทำสีหน้าที่ดูไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง ราวกับผสมปนเปไปด้วยความรังเกียจและความหวาดกลัว
“สัตว์ประหลาด พูดได้แค่นั้นแหละ ตอนแรกก็คิดว่าเป็นแค่หัวหน้ากลุ่มสายพัฒนาตนเองธรรมดาๆ แต่ว่าไม่ใช่ เขาเป็นสัตว์ประหลาดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย”
สัตว์ประหลาด ถ้ามองในแง่ของความสามารถก็คงจะจริงนั่นแหละ สามารถก่อตั้งบริษัทได้ตั้งแต่อายุยังน้อย สร้างทรัพย์สินได้มากมายจนติดอันดับเศรษฐี เรียกได้ว่าเป็นวีรบุรุษผู้สร้างตัวเลยทีเดียว บริจาคเงินมหาศาลจนเป็นที่นับหน้าถือตาของสังคม แต่หลังจากที่เรื่องนอกใจถูกจับได้ คำพูดที่เขาพ่นใส่ผมมันมีแต่เรื่องไร้สาระของพวกใจเสาะทั้งนั้น เอาแต่พูดซ้ำๆ ว่าภรรยาเป็นของเขา คนที่ควรจะคู่กับเธอคือเขา…ตัวเองๆๆๆ ภรรยาๆๆๆ ไม่รู้ว่าเขาพูดคำพวกนั้นซ้ำไปซ้ำมากี่ครั้ง ต่อให้สร้างทรัพย์สมบัติและเกียรติยศได้มากมายขนาดนั้น เขาก็ยังคงยึดติดกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับภรรยาอยู่ดี มันน่าขยะแขยงสิ้นดี
“กลุ่มนั้นน่ะพูดตามตรงเลยว่ามันอันตราย เป็นอาณาจักรที่สัตว์ประหลาดอย่างฮาโทกิริสร้างขึ้นมา มีฮาโทกิริเป็นราชาและคนอื่นๆ เป็นทาส ผมมองเห็นเป็นแบบนั้นนะ”
“พูดจารุนแรงจังนะ ที่ว่าเป็นทาสน่ะ”
แล้วภรรยาของผมก็เป็นหนึ่งในทาสเหล่านั้นด้วยรึเปล่านะ? ผมไม่รู้ ข้อมูลเกี่ยวกับเธอในยุคนี้ที่ผมรู้มันมีจำกัดมาก อย่างมากก็แค่ชมรมที่เธอเคยเข้า หรือไม่ก็เรื่องแฟนเก่าที่ผมไม่อยากจะรู้เท่าไหร่ ก็คงมีแค่นั้นแหละ
“ไอ้พวกหุ่นเชิดนั่นน่ะเป็นทาสถูกแล้ว ทุกคนเป็นแค่พวกโง่ที่รอคอยส่วนบุญที่ฮาโทกิริจะโยนมาให้เท่านั้นแหละ ผมเบื่อหน่ายเต็มทีแล้วนะ กับการที่นักศึกษามหาวิทยาลัยมันจะโง่เง่าได้ขนาดนี้”
มิรันทำเสียงขึ้นจมูกอย่างดูถูกเหยียดหยาม แค่นึกถึงก็ทำหน้าแบบนี้แล้วสินะ คงจะเป็นความทรงจำที่เลวร้ายน่าดู แต่ผมก็ต้องถามให้ได้ ยูซึริฮะเองก็อยู่ในสายตาของฮาโทกิริแล้วเหมือนกัน ผมมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีว่าผมอาจจะโดนเจ้านั่นแย่งอะไรไปอีก
“เห้อ…แค่นึกถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกแย่อยู่เลย ไอ้พวกนั้นมันโง่จริงๆ นักศึกษามหาวิทยาลัยน่ะคือช่วงเวลาของการพักรอ ที่ในช่วงเวลานั้นคนส่วนใหญ่ต้องการก็คือเหล้า เซ็กส์ ความนิยม และเงิน”
“น่าเสียดายที่มันเป็นความจริงนะ ถึงจะไม่อยากจะยอมรับก็เถอะ แต่นักศึกษามหาวิทยาลัยส่วนใหญ่มันก็ต้องการแค่นั้นแหละ ฉันเองก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกัน”
“ถึงอย่างนั้นมันก็ควรจะมีขอบเขตบ้าง แต่กลุ่มนั้นไม่มีเลย ฮาโทกิริน่ะนะ เขาสร้างระบบที่น่าขยะแขยงสุดๆ ขึ้นมา จะเรียกว่าเป็นเครื่องจักรผลิตความใคร่ที่ไม่สิ้นสุดโดยใช้หุ่นเชิดที่สวยงามแต่เพียงภายนอกก็คงจะได้ล่ะมั้ง?”
การเปรียบเปรยแบบกวีมันช่างเข้ากับมิรันดีจริงๆ แต่ตอนนี้ที่ผมอยากจะรู้คือเนื้อหาที่เป็นรูปธรรมต่างหาก มิรันคงจะอยากเล่าแต่ก็ไม่อยากเล่าสินะ คงจะละอายใจที่เคยอยู่ในกลุ่มนั้น
“มิรัน เธออกมาจากกลุ่มนั้นแล้วใช่ไหมล่ะ เพราะงั้นฉันจะไม่มองว่าเธอกับฮาโทกิริเป็นพวกเดียวกันหรอกนะ ไม่ได้คิดว่าเธอเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเจ้านั่นหรอก”
มิรันยิ้มเยาะตัวเองแต่ก็เป็นรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด
“ขอบใจนะ อาจจะฟังดูเหมือนเป็นข้อแก้ตัว แต่ว่าผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำที่เลวร้ายจริงๆ ของกลุ่มนั้นเลยนะ เรื่องนั้นน่ะอยากจะให้เชื่อใจ”
“เชื่อสิ เพราะงั้นเล่าให้ฟังหน่อย”
“ขอบใจนะ…ไอ้พวกสภานักเรียนนั่นน่ะจะว่าไปแล้วก็คือชมรมลูกผสมระหว่างชมรมสายอีเวนต์กับบริษัทจัดหาคู่ดีๆ นี่เองแหละ ชมรมที่ใช้แบรนด์นักศึกษามหาวิทยาลัยโคโตะไปตกผู้หญิงจากมหาวิทยาลัยอื่นหรือมหาวิทยาลัยหญิงล้วนน่ะมีอยู่ถมไปในมหาวิทยาลัยนี้ แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องปกติไปแล้ว ถ้าจะคิดแบบนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เด็กผู้ชายโคโตะกับเด็กผู้หญิงมหาลัยอื่นต่างก็มีผลประโยชน์ร่วมกันก็เลยมาทำกิจกรรมระหว่างมหาลัยด้วยกัน แต่ฮาโทกิริน่ะมันไม่จบแค่นั้นไงถึงได้อันตราย เจ้านั่นรวบรวมหนุ่มหล่อสาวสวยของโคโตะแล้วก็ไป ‘จัดหา’ ผู้หญิงสวยๆ จากมหาวิทยาลัยอื่นมา”
การที่ชมรมระหว่างมหาวิทยาลัยเป็นสถานที่สำหรับหาคู่มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรหรอกนะ ถึงแม้ว่าถ้าจะพูดให้หยาบคายหน่อยก็คือผู้ชายใช้แบรนด์มหาวิทยาลัยชั้นนำและอนาคตที่รายได้สูง ส่วนผู้หญิงก็ใช้ความงามและเสน่ห์ทางเพศมาแลกเปลี่ยนกันก็เถอะ
“แล้วก็ไม่ได้แนะนำผู้หญิงที่จัดหามาให้รู้จักกับนักศึกษามหาวิทยาลัยโคโตะนะ แต่กลับไปแนะนำให้กับพวกคนรวยที่อาศัยอยู่ในคอนโดหรูๆ แทน”
“เฮ้ยๆ จริงดิ? ฮาโทกิริมีเครือข่ายที่เชื่อมต่อกับคนรวยด้วยเหรอ?”
“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ แถมยังเป็นเครือข่ายที่ลึกอย่างน่ากลัวด้วย หลังจากงานปฐมนิเทศ พวกเราก็ไปที่ทาวเวอร์แมนชั่นในรปปงงิ ไม่ใช่ร้านอาหารใกล้ๆ อะไรทั้งนั้น โกหกทั้งเพ ที่ชั้นบนสุดของทาวเวอร์แมนชั่นมีฟลอร์สำหรับแขกวีไอพีอยู่ เจ้านั่นเหมาทั้งฟลอร์เลย ทุกคนต่างก็เคลิบเคลิ้มไปในทันที ที่นั่นฮาโทกิริก็ได้บัลลังก์ราชามาครองแล้ว ฟลอร์นั้นเป็นสมบัติของเศรษฐีคนหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าคนคนนั้นจะชอบฮาโทกิริมากเลยล่ะ ทั้งให้รถของตัวเอง ทั้งให้กุญแจแมนชั่น เรียกได้ว่าเอ็นดูเป็นพิเศษเลยทีเดียว แล้วก็ผ่านทางคนคนนั้นแหละที่เขาทำธุรกิจจัดหาเมียน้อยโดยการแนะนำนักศึกษาสาวๆ ให้กับพวกนักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จ”
“ฮะๆ…แมงดาสินะ…ช่างเป็นเรื่องที่…น่ารังเกียจจริงๆ”
แล้วภรรยาของผมก็เข้าไปพัวพันกับธุรกิจแบบนั้นด้วยเหรอ? ถ้างั้นการที่ฮาโทกิริกับภรรยาคบกันไม่ถึงปีก็พอจะอธิบายได้อยู่บ้าง
“ใช่แล้ว เป็นแมงดาที่น่ารังเกียจมากเลยนะ แต่ว่าก็ไม่ได้ไปข่มขู่พวกผู้หญิงที่จัดหามาหรอกนะ พวกผู้หญิงเองก็ต่อให้จะเป็นแค่คู่นอนคืนเดียว หรือเป็นได้แค่เซ็กเฟรน แต่การที่ได้หยอกล้อกับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวยมันก็สนุกจนห้ามใจไม่ได้อยู่แล้วล่ะนะ สำหรับผู้หญิงที่ไม่มีปัญญาทำอะไรนอกจากขายความสาวไปวันๆ มันก็สมองกลวงกันแบบนี้แหละ”
“พูดจาได้เจ็บแสบดีนะ”
“ไม่อยากจะถูกมองว่าเป็นผู้หญิงประเภทเดียวกัน ผมน่ะแตกต่างจากพวกนั้น ก็เลยออกมานั่นแหละ แต่ว่านะ บทบาทที่ฮาโทกิริต้องการจากผมไม่ใช่เครื่องบรรณาการให้กับคนรวยที่ไหน แต่เป็นคนสนิทของฮาโทกิริควบตำแหน่งคนดูแลเจ้าหญิงต่างหาก”
“คนสนิท? ฮาโทกิริขอให้เธอมาเป็นเมียน้อยรึไง?”
“เปล่า ไม่ได้ขอ น่าแปลกใจใช่ไหมล่ะ แต่เขาไม่ได้เรียกร้องอะไรแบบนั้นกับผู้หญิงในกลุ่มเลยสักนิด”
“เจ้าหญิงที่ว่านั่นก็คือ…”
“คุณอิงาราชินั่นแหละนะ เขาปฏิบัติต่อเธออย่างให้เกียรติมากเลยนะ ระมัดระวังอย่างที่สุดที่จะไม่ให้เธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจเบื้องหลัง แต่ก็มักจะพาเธอไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆ ผมเองก็ถูกพาไปด้วยบ่อยๆ ก็เลยรู้ ตอนที่ไปทานข้าวกับพวกผู้มีอิทธิพลตัวจริงในหมู่คนรวย ผมกับคุณอิงาราชิก็มักจะถูกพาไปด้วย คงจะเป็นเหมือนเครื่องประดับอย่างหนึ่งนั่นแหละนะ เป็นการข่มอีกฝ่ายว่าตัวเองสามารถพาผู้หญิงที่สวยขนาดนี้มาด้วยได้ แต่พวกที่อยู่บนสุดของยอดพีระมิดน่ะอ่านสัญญาณของอีกฝ่ายเก่งมาก ฮาโทกิริใช้ความงามของคุณอิงาราชิเป็นอาวุธในการเจรจาธุรกิจได้อย่างแนบเนียนเลยล่ะ”
ก็นึกอยู่แล้วว่าการไปทานข้าวกับโปรดิวเซอร์สถานีโทรทัศน์เมื่อวันก่อนมันก็เป็นแบบนั้นสินะ พาภรรยาของผมไปพัวพันกับเรื่องไร้สาระแบบนี้
“เจรจาธุรกิจที่ว่าน่ะมันหมายความว่ายังไง?”
“ก็สัญญาว่าจะลงทุนให้ตอนที่เขาก่อตั้งบริษัทในอนาคตนั่นแหละนะ อีกฝ่ายดูจริงจังมากเลยล่ะ ดูเหมือนว่าจะมีไอเดียธุรกิจอะไรบางอย่างอยู่นะ ถึงจะไม่ได้เล่าให้ผมฟังก็เถอะ”
ในอนาคตเขาก็ก่อตั้งบริษัทแล้วก็ประสบความสำเร็จจริงๆ นั่นแหละ แต่ว่าทำธุรกิจอะไรนั้นผมก็ไม่ค่อยจะรู้เท่าไหร่ รู้แค่ว่าเป็นคนรวยเท่านั้นแหละ ประวัติของเจ้านั่นก็จบลงแค่นั้น ที่เหลือก็แค่ตอนที่เรียนอยู่แล้วก็ดังในทีวีเท่านั้น
“ฮาโทกิริชวนผมไปออกทีวีด้วยกัน จะว่าไปแล้วในกลุ่มนั้นผมก็เป็นคนโปรดของราชาคนต่อไปรองจากคุณอิงาราชินั่นแหละ แต่ว่าผมดันไปรู้เรื่องธุรกิจเบื้องหลังเข้าโดยบังเอิญ แล้วก็รู้เรื่องอื้อฉาวส่วนตัวของฮาโทกิริเข้าด้วย ก็เลยกลัวแล้วก็หนีออกมาจากกลุ่มน่ะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ เจ้านั่นมีเรื่องอื้อฉาวด้วยเหรอ? เรื่องอะไรล่ะ?”
ในสายตาของผม ฮาโทกิริในยุคนี้ถึงจะยังดูไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังดูเหมือนเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมอยู่ดี ถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องภรรยาล่ะก็ผมไม่คิดเลยว่าจะเอาชนะได้ ที่พอจะรับมือได้ก็เพราะตอนที่เกี่ยวกับเรื่องภรรยาแล้วเจ้านั่นก็ขาดสติเหมือนกัน
“จะเล่าให้คนอื่นฟังก็ได้นะ แต่ห้ามบอกเด็ดขาดเลยนะว่าผมเป็นคนบอก ฮาโทกิริไม่น่าจะรู้ว่าผมรู้ความลับของเขาหรอกนะ”
“ไม่บอกหรอกน่า”
“ก็ถึงข่าวลือเรื่องอื้อฉาวนี้จะแพร่ออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อหรอกนะ…ผมเป็นเด็กซิ่วน่ะ ปีที่แล้วย้ายมาอยู่โตเกียวแล้วก็เรียนพิเศษไปด้วย ทำงานพิเศษเป็นแดนเซอร์ตามคลับกับอีเวนต์ต่างๆ ในโตเกียวไปด้วย เพื่อที่จะฝึกฝนศิลปะการแสดงน่ะ แล้วเรื่องมันก็เกิดเมื่อประมาณฤดูหนาวปีที่แล้วนี่แหละ ก่อนคริสต์มาสหน่อยนึง ตอนที่ผมเต้นเสร็จที่คลับในชิบูย่าแล้วกำลังจะกลับ ผมเดินผ่านหน้าเลิฟโฮเทลที่โดเก็นซากะ แล้วก็เห็นคู่รักในชุดนักเรียนกำลังทะเลาะกันอยู่ ทั้งสองคนเป็นหนุ่มหล่อสาวสวยก็เลยจำได้แม่นเลย แล้วพอมาเจอฮาโทกิริ ก็เลยรู้ว่าผู้ชายที่ทะเลาะกันในตอนนั้นก็คือเขานั่นแหละ ส่วนผู้หญิงที่อยู่กับเขาในตอนนั้น…ทำไมถึงเอามืออุดหูล่ะ?”
ผู้หญิงที่อยู่กับเขาจะเป็นใครไปได้นอกจากภรรยาของผมล่ะ! อย่ามาล้อเล่นนะโว้ย! ไหนว่าจะคบกันหลังโกลเด้นวีคไง! แสดงว่าที่คบกันอย่างเป็นทางการคือหลังโกลเด้นวีค แต่ว่าก่อนหน้านั้นก็มีอะไรกันแล้วสินะ! นี่มันโลกของเอโร่มังงะห่วยๆ รึไงกันวะ!! อย่ามาล้อเล่นนะ!
“เอ่อ เรื่องยังไม่จบนะ”
“ไม่ต้องฟังก็รู้แล้วน่า ผู้หญิงที่อยู่กับเขามันก็มีอยู่คนเดียวไม่ใช่รึไง”
ยิ่งรู้สึกถึงความไร้เหตุผลมากขึ้นไปอีก ถ้ามีความสัมพันธ์ทางกายกันตั้งแต่ก่อนเข้ามหาลัยแล้วล่ะก็ ความยึดติดมันก็ต้องมากเป็นธรรมดา ความผูกพันของชายหญิงที่ใช้ชีวิตวัยหนุ่มสาวด้วยกันมาส่วนใหญ่มันตัดกันไม่ขาดง่ายๆ หรอก ไม่อยากจะฟังเลย
“คนที่เธอจินตนาการอยู่คงจะเป็นคุณอิงาราชิสินะ แต่ว่าไม่ใช่หรอกนะ ไม่ใช่คุณอิงาราชิ ผมจำหน้าผู้หญิงคนนั้นได้นะ แต่ว่าไม่ได้อยู่ในกลุ่มสภานักเรียน คงจะไปเรียนต่อที่มหาลัยอื่นล่ะมั้ง? รู้สึกว่าความสัมพันธ์จะยังดำเนินต่อไปอยู่นะ ฮาโทกิริไม่เคยแสดงความต้องการทางเพศกับผู้หญิงคนไหนเลย ขนาดกับคุณอิงาราชิยังนานๆ ทีถึงจะแสดงความปรารถนาออกมาเลย เพราะงั้นคงจะไปปลดปล่อยความใคร่กับผู้หญิงคนนั้นล่ะมั้ง? เดาเอานะ”
พอรู้ว่าผู้หญิงที่เข้าเลิฟโฮเทลไปกับฮาโทกิริไม่ใช่ภรรยาของผม ผมก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แล้วก็รู้สึกละอายใจ สมเพชตัวเอง และที่สำคัญที่สุดคือเจ็บใจกับความรู้สึกนั้น ในใจของผมยังคงถูกทำลายและจองจำโดยชายชู้กับภรรยาอยู่เหมือนเดิม ต่อให้เวลาของโลกจะย้อนกลับมา แต่ในใจของผมก็ยังไม่ได้ย้อนกลับมาเลย
“นั่นมันก็เป็นเรื่องอื้อฉาวส่วนตัวจริงๆ นั่นแหละนะ เรื่องนั้นน่ะ…อิงาราชิต้องไม่รู้แน่ๆ”
“ก็คงจะอย่างนั้นแหละนะ คุณอิงาราชิน่ะถึงจะดูสบายๆ ไม่คิดอะไร แต่ถ้าจะให้พูดตรงๆ ถ้าเพื่อนสมัยเด็กไปมีความสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงคนอื่นล่ะก็ คงจะไม่มีทางทำตัวสนิทสนมกับฮาโทกิริในระยะห่างแบบนั้นได้หรอกนะ แล้วฮาโทกิริก็คงจะอยากจะปิดบังไว้ด้วย เพราะตัวจริงของเขาก็คือคุณอิงาราชินี่นา”
ตัวจริงยิ่งกว่าตัวจริงอีกต่างหาก เพราะถึงขนาดมาบีบคั้นให้ผมหย่าเลยนี่นา จริงจังสุดๆ ไปเลย หรือว่าที่ภรรยาในโลกที่แล้วเมินฮาโทกิริก็เพราะเรื่องอื้อฉาวนี้เป็นชนวนเหตุของการเลิกกันครั้งแรกรึเปล่านะ? แล้วพอเวลาผ่านไปหลังจากที่แต่งงานกับผมแล้วก็เบื่อ ก็เลยไปนอกใจกับฮาโทกิริเพื่อเป็นการเอาคืนแล้วก็ทำให้เขามาหลงใหลในตัวเธอแล้วก็เลิกกัน ถ้าเป็นแบบนั้นการที่เธอไม่พูดคุยกับเจ้านั่นหลังจากที่เรื่องนอกใจถูกจับได้ก็พอจะเข้าใจได้อยู่บ้าง เรื่องราวมันดูจะสอดคล้องกันดีนะ พอได้เข้าใกล้ความจริงของการนอกใจที่เป็นปริศนาในโลกที่แล้ว ผมก็รู้สึกโล่งใจอย่างน่าประหลาด แล้วเรื่องอื้อฉาวนี้ก็จะกลายเป็นไพ่ใบหนึ่งได้ ในอนาคตตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับเจ้านั่นมันจะต้องเป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างแน่นอน ผมรู้สึกได้ว่ามุมปากของตัวเองกำลังบิดเบี้ยวด้วยความสะใจ
MANGA DISCUSSION