สุดท้ายผมก็ถูกภรรยาลากมาถึงห้องเรียนจนได้
“พอจะปล่อยมือฉันได้รึยัง?”
“เอ๋? ก็ได้อยู่หรอกนะ แต่จะไม่หนีไปไหนใช่ไหม?”
ภรรยาเอียงคออย่างน่ารัก
“…ไม่หนีหรอกน่า”
พอผมพูดแบบนั้นเธอก็ดูเหมือนจะวางใจ ยิ้มออกมาแล้วก็ปล่อยมือ
“งั้นจะนั่งตรงไหนดีน้า ที่ไหนดีล่ะ อุฟุฟุ”
แค่เลือกที่นั่งก็ดูสนุกสนานเหลือเกิน เป็นคนที่สบายๆ ไม่คิดอะไรแล้วก็ยิ้มแย้มอยู่เสมอ เรื่องแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ ไม่สิ แต่ช่วงที่เริ่มคบกันใหม่ๆ ก็ไม่ค่อยจะเป็นแบบนี้เท่าไหร่สินะ ตอนนั้นมีบรรยากาศที่ดูลึกลับ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่พอรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นผู้หญิงป้ำๆ เป๋อๆ ที่ดูโง่ๆ ไปซะแล้ว
“ทำไมถึงดูสนุกขนาดนั้นล่ะ?”
“ตอนมัธยมปลายน่ะฉันนั่งอยู่ริมทางเดินใกล้ๆ กับคุณครูตลอดเลย ไม่ใช่ที่นั่งที่สนุกเลยสักนิด! เพราะงั้นการที่ได้นั่งในที่ที่ชอบในมหาลัยมันก็เลยสนุกดีน่ะสิ”
“งั้นเหรอครับ แต่เพราะแบบนั้นแหละ พวกที่ไม่มีเพื่อนก็จะยิ่งไม่มีเพื่อนเข้าไปใหญ่ ถ้าหาเพื่อนไม่ได้ก็ต้องนั่งเรียนคนเดียวไปตลอดนะ”
เป็นเรื่องปกติของมหาลัยเลย พวกที่ไม่มีเพื่อนจะนั่งข้างหน้า ส่วนพวกที่ป๊อปๆ จะนั่งรวมกันเป็นกลุ่มอยู่ข้างหลัง
“นั่นสินะ แต่ว่าตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วนี่นา ไม่ต้องนั่งคนเดียวแล้วนะ! ดีใจด้วยนะโทคิวะคุง! นายไม่ใช่คนไม่มีเพื่อนแล้วนะ!”
“ฉันกับเพื่อนสมัยเด็กของเธอน่ะโคตรจะไม่ถูกกันเลยนะรู้ไหม?”
ผมลองพูดอ้อมๆ ว่าเราไม่ใช่เพื่อนกัน แต่ว่า
“เอ๊ะ? การที่ฮิโรโตะกับโทคิวะคุงไม่ถูกกันมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยเหรอ?”
กลับกันเลย ทำไมถึงคิดว่ามันไม่เกี่ยวกันได้ลงคอวะ โคตรจะงงเลย เลิกคิดดีกว่า อย่างน้อยก็แค่ช่วงเวลาเรียนนี้แหละที่จะยอมอยู่กับภรรยาไปก่อน แล้วค่อยหาทางผลักไสยัยนี่ไปให้พวกผู้ชายในสาขาหรือกลุ่มผู้หญิงคนอื่นก็แล้วกัน เอาเป็นว่าตอนนี้ผมเลือกนั่งที่ริมหน้าต่างแถวหลังสุดที่ยังว่างอยู่ ภรรยาก็นั่งลงข้างๆ ผมแล้วก็มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างสนุกสนาน
“วิทยาเขตของมหาลัยเราสวยดีนะ มีต้นไม้เยอะแยะเลย ให้ความรู้สึกอ่อนโยนดี”
“ก็จริงนะ แต่มันกว้างเกินไปจนเดินไปไหนมาไหนลำบากจะตาย”
“นั่นสิ! หรือว่าจะเอาจักรยานมาดีนะ? ตอนที่จะไปซ้อมชมรมที่สนามน่ะเดินไปมันขี้เกียจจะตาย!”
ภรรยาเข้าชมรมเชียร์ลีดดิ้ง ได้ยินมาว่าทำมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้ว ตอนมัธยมปลายก็เคยไปแข่งระดับประเทศ แถมยังเคยไปเชียร์เพื่อนสมัยเด็กที่เป็นชายชู้ของเธอตอนที่เขาไปแข่งฟุตบอลระดับประเทศด้วย ส่วนผมแน่นอนว่าไม่เคยได้รับการเชียร์จากภรรยาเลยสักครั้ง ตอนที่ขอให้เธอใส่ชุดเชียร์ลีดเดอร์ตอนมีอะไรกันตอนกลางคืนก็โดนปฏิเสธด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยเหมือนกับหน้ากากโนห์ ความทรงจำในวัยหนุ่มสาวมันคงจะสำคัญสินะ ผมที่เป็นพวกเก็บตัวเลยไม่ค่อยจะเข้าใจความสำคัญของชมรมเท่าไหร่หรอก
“เหรอ ชมรมเชียร์ลีดดิ้งคงจะลำบากน่าดูนะ”
คำตอบของผมกลายเป็นคำตอบแบบส่งๆ ไปโดยไม่รู้ตัว ผมรู้จักภรรยาดีอยู่แล้ว ไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องมาคุยกันใหม่ การสนทนาจึงค่อยๆ จางหายไป…น่าจะเป็นแบบนั้น
“เอ๊ะ? ทำไมถึงรู้ล่ะว่าฉันเข้าชมรมเชียร์ลีดดิ้ง? เพิ่งจะไปยื่นใบสมัครเมื่อวันศุกร์เองนะ?”
ชิบหายล่ะ?! เผลอพูดเรื่องที่รู้ไปซะแล้ว! แย่แล้ว ต้องหาทางแถ!
“อ่า…คือว่า…นั่นมัน…”
“เรื่องนั้นน่ะผู้ชายทุกคนก็รู้กันทั้งนั้นแหละ! ก็ริริน่ะเป็นคนดังจะตายไป!”
มีเสียงผู้หญิงดังขึ้น พอหันไปมองก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ เธอใส่เสื้อแจ็คเก็ตเบสบอลกับกางเกงยีนส์ขาสั้น มัดผมด้านหลังเป็นจุกบัน เป็นผู้หญิงที่ดูร่าเริง ใบหน้าก็จัดว่าสวยเลยทีเดียว และผมก็รู้จักผู้หญิงคนนี้ดี
“หวัดดี โทโมเอะ! มาทำอะไรที่นี่เหรอ? เรียนคนละสาขาไม่ใช่เหรอ”
“ริรินี่ความจำไม่ดีเหมือนเดิมเลยนะ วิชาเนี้ยเป็นวิชารวมของคณะวิศวกรรมศาสตร์นะ ไม่ใช่แค่สาขาสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่พวกเราสาขาวิศวกรรมชีวภาพก็เรียนด้วยกัน!”
ผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าโทโมเอะนั่งลงข้างๆ ภรรยา แล้วก็มองมาที่ผมด้วยสายตาเคลือบแคลง
“เจ้านี่เป็นใคร? ดูยังไงก็เหมือนกับนักเลงกระจอกที่ดูอันตรายเลยนะ?”
“นักเลงกระจอกมันก็เกินไปหน่อยนะ! คนนี้คือโทคิวะคุง! เป็นเพื่อนใหม่ในสาขาเดียวกันของฉันเอง!”
ผมคิดว่ามิตรภาพระหว่างชายหญิงมันไม่มีอยู่จริงหรอกนะ โดยเฉพาะกับภรรยายิ่งเป็นไปไม่ได้ ต่อให้ตายไปแล้วเกิดใหม่ก็คงจะเป็นไปไม่ได้อยู่ดี
“แต่ดูยังไงก็เหมือนนักเลงกระจอกนี่นา ขอโทษนะโทคิวะคุง! พอดีฉันเป็นคนคิดอะไรก็พูดออกมาเลยน่ะ!”
“โทโมเอะเป็นพวกสายห้าวไง! ยกโทษให้เขาด้วยนะโทคิวะคุง คนนี้เป็นเพื่อนสนิทคนสำคัญของฉันเลยนะ!”
เริ่มจะยุ่งยากขึ้นมาแล้วสิ ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเจอกับเพื่อนสนิทของภรรยาด้วย ในชีวิตรอบแรกผมเกลียดยัยนี่รองลงมาจากชายชู้เลย
“โทคิวะคุงสินะ? ฉันชื่อมาชิบะ โทโมเอะ เรียกโทโมเอะก็ได้นะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณมาชิบะ”
ผมเกลียดผู้หญิงสายห้าว ความรู้สึกที่พยายามจะทำตัวสนิทสนมเกินเหตุแบบนั้นแหละที่ผมเกลียดเป็นอันดับแรก เพราะงั้นผมจะไม่เรียกชื่อต้นของยัยนี่เด็ดขาด
“อะไรกัน? อ๋อ หรือว่าอายที่จะคุยกับผู้หญิงเหรอ? อะฮะฮ่า ดูไม่เหมือนกับหน้าตาเลยนะเนี่ย”
เปล่า แค่เกลียดเธอเท่านั้นแหละ ถ้าพูดออกไปได้ก็คงจะดีสินะ มีเหตุผลมากมายที่ทำให้ผมเกลียดพวกสายห้าว การที่ชอบมาล้อเลียนคนอื่นแบบนี้ก็ด้วย
“แต่ว่าแปลกดีนะ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกเลยก็ได้ที่เห็นริริอยู่ข้างๆ ผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ฮิโระ!”
แต่ผมต่างหากที่เห็นภรรยาอยู่ข้างๆ ผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ผมมานับไม่ถ้วนแล้วนะ? แฟนเก่าของเธอรวมกันเป็นทีมฟุตบอลได้เลย ส่วนผมก็คงจะเป็นได้แค่ม้านั่งสำรอง ชายชู้คงจะเป็นกัปตันทีมสินะ อยากจะไปอยู่บนอัฒจันทร์เชียร์บ้างจังเลย
“แต่ว่านายอย่าเข้าใจผิดไปล่ะ! ไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะเอาชนะเพื่อนสมัยเด็กของริริได้หรอกนะ! เป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้นแหละ แฟนน่ะไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด! ตอนมัธยมปลายฉันเห็นคนที่มาสารภาพรักกับยัยนี่แล้วก็โดนปฏิเสธจนจมดินไปนับไม่ถ้วนแล้วล่ะ! อะฮะฮ่า!”
ภรรยาที่ผมรู้จักน่ะถ้ามีคนมาสารภาพรัก ส่วนใหญ่แล้วก็จะคบด้วยได้ไม่ยาก ถึงแม้ว่าจะขึ้นชื่อเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่เคยยืดเยื้อก็เถอะ ทุกคนต่างก็โดนภรรยาบอกเลิกฝ่ายเดียวทั้งนั้น
“โธ่! หยุดเลยนะโทโมเอะ! พูดแบบนั้นแล้วฉันก็ดูเหมือนเป็นผู้หญิงใจร้ายสิ! ก็ฉันไม่เข้าใจเรื่องความรักนี่นา แล้วก็จินตนาการไม่ออกด้วยว่าจะคบกับใคร ก็เลยต้องปฏิเสธไปอย่างช่วยไม่ได้นี่นา!”
“ไม่ใช่สักหน่อย เพราะในใจของเธอมีแต่ฮิโระอยู่ตลอดเวลาไงล่ะเลยไม่มีที่ว่างให้ผู้ชายคนอื่นเข้ามา นั่นแหละคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ผู้หญิงน่ะสามารถรักผู้ชายได้แค่คนเดียวเท่านั้นแหละ! โดยเฉพาะริริเสะยิ่งเป็นคนที่รักเดียวใจเดียวคิดถึงแต่เรื่องของฮิโระคนเดียวเท่านั้นแหละ!”
ความเห็นของผมกับมาชิบะไม่ตรงกันเลยสักนิด จะรักเดียวใจเดียวได้ยังไงในเมื่อภรรยานอกใจผม แล้วอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมโกรธภรรยาก็คือหลังจากที่ไปนอนกับชายชู้กลับมาแล้วก็ยังมามีอะไรกับผมได้หน้าตาเฉย ผู้หญิงที่รักเดียวใจเดียวไม่ทำแบบนั้นหรอก ผมไม่เข้าใจเรื่องแบบนั้นเลยจริงๆ แล้วผมก็เกลียดผู้หญิงสายห้าว การที่พูดจาเหมือนกับว่าเป็นเรื่องจริงทั้งที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย แล้วก็ทำตัวเหมือนกับเป็น ‘ผู้หญิงที่เข้าใจโลก’ นั่นแหละ มาชิบะไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับภรรยาเลยสักนิด
“ผมไม่ได้คิดจะเป็นแฟนหรือสามีอะไรทั้งนั้นแหละครับ คุณมาชิบะ สิ่งที่เธอคิดน่ะมันเป็นแค่ความกังวลที่ไร้สาระ”
“แต่ว่าก็คงจะคิดว่าพอสนิทกับริริแล้วก็กะว่าจะได้แอ้มล่ะสิ! ที่เรียกว่าหวังฟลุคน่ะ? คิกคิก!”
“ไม่ใช่ว่าทุกคนจะคิดแต่เรื่องความรักกับเรื่องเซ็กส์เหมือนกับเธอไปซะหมดหรอกนะ”
“อะไรนะ? จะบอกว่าฉันเป็นนังบ้าผู้ชายเหรอ? น่าโมโหชะมัดเลยนะ?”
ก็เป็นนังบ้าผู้ชายจริงๆ นั่นแหละ ในชีวิตรอบแรกน่ะนะ หลังจากที่เรื่องที่ภรรยานอกใจถูกจับได้ ยัยนี่ก็เอาแต่พูดกับผมว่า “ริริน่าสงสารจะตายไป กลับไปคืนดีกับเธอซะเถอะ ที่จริงแล้วนายก็ยังรักเธออยู่ไม่ใช่เหรอ? การที่ให้อภัยผู้หญิงได้น่ะคือความใจกว้างของผู้ชายที่ดีนะ!” พูดแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมา ผู้ใหญ่ที่เรียกตัวเองว่า ‘ผู้หญิง’ นี่มันน่าสมเพชจริงๆ! แล้วภรรยาก็คงจะสังเกตได้ว่าผมโกรธจริงๆ ที่มาชิบะเอาแต่มาตอแยแล้วก็พยายามจะเกลี้ยกล่อมผม เธอก็เลยตัดขาดกับมาชิบะไปเลย การที่ไม่สนใจคนในเหตุการณ์แล้วก็เข้ามาแทรกแซงจนทำให้สถานการณ์มันยุ่งเหยิงขึ้นไปอีกน่ะมันคือความน่าละอายของพวกสายห้าวโดยแท้
“โทโมเอะ! หยุดเลยนะ! เมื่อกี้นี้โทโมเอะไม่ดีเลยนะ! โทคิวะคุงเป็นคนดีนะ! การที่ไปสงสัยว่าเขามีเจตนาไม่ดีน่ะมันไม่ถูกต้องเลยนะ! ขอโทษเขาซะ!”
ภรรยาพูดด้วยน้ำเสียงที่เงียบขรึมแต่ก็จริงจัง ระดับความโกรธนี้ค่อนข้างจะสูงเลยทีเดียว ถ้าจะให้เทียบก็คือระดับเดียวกับตอนที่ผมกับภรรยายังไม่ได้แต่งงานกันแล้วพาชิบะมาที่ห้องที่พวกเราอยู่ด้วยกัน แล้วก็เมาจนปากสว่างเล่าเรื่องแฟนเก่าของภรรยาให้ฟังจนภรรยาโกรธนั่นแหละ พอมาชิบะสังเกตได้แบบนั้นก็หงอลงไป แต่ก็ไม่ยอมพูดคำว่าขอโทษ เพราะเป็นพวกสายห้าวยังไงล่ะ
“ฉันเองก็ยั่วยุมากเกินไปหน่อย ใจเย็นๆ เถอะน่า ฉันไม่ถือสาหรอก”
ผมปรามภรรยาที่กำลังจ้องมาชิบะเขม็ง
“ถ้าโทคิวะคุงไม่ถือสาก็แล้วไป…”
บรรยากาศที่น่าอึดอัดใจไหลผ่านระหว่างคนสามคน นี่เป็นโอกาสดีเลยนะ จะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างแล้วก็ปลีกตัวออกไปดีไหมนะ?
“คือว่า…ถ้าฉันอยู่ด้วยแล้วสองคนคงจะอึดอัดกันสินะ ขอไปสูบบุหรี่แป๊บนึงแล้วกันนะ ระหว่างนั้นก็คืนดีกันซะ…”
“โทคิวะคุง! วันนี้ฉันชงกาแฟใส่กระติกน้ำมาด้วยนะ ดื่มไหม?”
อ๊ะ…แผนหนีไปสูบบุหรี่ถูกขัดขวางทางอ้อมซะแล้ว เธอยิ้มให้ผมแล้วก็ดึงแขนเสื้อแจ็คเก็ตของผมไว้แน่น ยัยนี่มันฉลาดขึ้นนี่หว่า!!
“พอคิดดูดีๆ แล้ว ก็แค่คิดไปเองว่ากระหายน้ำน่ะ เฮ้อ…สองคนคบกันมานานแค่ไหนแล้วเหรอ?”
ผมรู้ว่าสองคนนี้คบกันมานานแค่ไหนแล้ว แต่ก็แกล้งถามไป เพื่อที่จะเริ่มหัวข้อสนทนาใหม่แล้วก็ทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจนี้
“ตั้งแต่ตอนมัธยมต้นแล้วล่ะ! ถึงจะอยู่คนละโรงเรียนแต่ก็เรียนพิเศษที่เดียวกัน ก็เลยสนิทกันเพราะตั้งใจจะสอบเข้าโรงเรียนเดียวกันด้วย! พอสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายเดียวกันได้ก็อยู่ห้องเดียวกันตลอดสามปีเลย แล้วก็ไปเที่ยวกับฮิโรโตะกันสามคนบ่อยๆ ด้วยล่ะ! อุฟุฟุ”
ไปไหนมาไหนกับชายชู้ตลอดเลยสินะ! ทำไมไม่ไปอยู่คนละห้องกันบ้างนะ เหมือนกับเป็นคู่แท้กันจริงๆ เลย
“ใช่แล้ว ริริ ฉัน แล้วก็ฮิโระเป็นเพื่อนสนิทกัน ไม่มีที่ว่างให้ใครคนอื่นเข้ามาแทรกหรอกนะ”
มาชิบะอวดอ้างถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของพวกเธออย่างภาคภูมิใจ แต่พอผ่านช่วงโกลเด้นวีคไปแล้วภรรยากับชายชู้ก็จะกลายเป็นแฟนกันไม่ใช่รึไง ถึงจะไม่มีใครคนอื่นเข้ามาแทรก แต่ก็มีคนที่อยู่แล้วถูกไล่ออกไปได้เหมือนกันนะ
“อย่างนั้นเหรอ? ฉันว่าวงเพื่อนมันน่าจะขยายใหญ่ขึ้นได้ไม่ใช่เหรอ? ฮิโรโตะเองก็เอาแต่พูดว่าคอนเนคชั่น! คอนเนคชั่น! ตลอดเลยตั้งแต่เข้ามหาลัยมาน่ะ อ๊ะ จริงสิ! มื้อกลางวันวันนี้ฮิโรโตะเป็นคนเลี้ยงนะ สองคนไปด้วยกันไหม? ไปถลุงเงินที่ฮิโรโตะถูกลอตเตอรี่มากันเถอะ!!”
ภรรยาทำหน้าภูมิใจเหมือนกับว่าเพิ่งจะคิดไอเดียดีๆ ออกมาได้ แต่ว่าเมื่อกี้ชายชู้ถูกลอตเตอรี่ไปแค่สองพันเยนเองนะ ที่โรงอาหารร้านแพงๆ นั่นคงจะไม่พอหรอก จะว่าไปแล้วก็ไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าแกล้งทำเป็นไม่สนใจกันแน่ว่าผมกับฮาโทกิริไม่ถูกกันน่ะ สำหรับชายชู้แล้วนั่นมันควรจะเป็นเดทมื้อกลางวันไม่ใช่รึไง แต่เธอกลับชวนคนอื่นไปทำลายมันได้อย่างง่ายดายแบบนี้ หรือว่าจริงๆ แล้วภรรยาต่างหากที่เป็นพวกสายห้าวกันแน่?
“เอ๊ะ…ตอนแรกกะว่าจะไป…กินข้าวกลางวันกันแค่สองคนเหรอ?”
สีหน้าของมาชิบะดูเศร้าลงเล็กน้อย ภรรยาดูเหมือนจะไม่ทันสังเกตแล้วก็พูดต่อไป
“อืม เมื่อเช้าเราไปซื้อลอตเตอรี่ที่ร้านหน้าสถานีโคมาบะ-โคไดมาเอะกันมา แต่ฮิโรโตะถูกคนเดียวเลย…แย่มากเลยใช่ไหมล่ะ?! ทำไมฉันถึงไม่เคยถูกเลยนะ? เศร้าจังเลย”
“…เอ๊ะ…? หรือว่าวันนี้สองคนนั่งรถไฟขบวนเดียวกันมาเหรอ?”
“อืม ใช่แล้ว ก็บ้านอยู่ข้างๆ กันนี่นา เมื่อเร็วๆ นี้ฮิโรโตะเพิ่งจะซื้อรถ ก็เลยขับไปส่งที่สถานีรถไฟในเมืองให้ด้วยล่ะ! สบายสุดๆ เลย! ฟุฟุ”
ภรรยาเล่าอย่างสนุกสนานตามปกติ มาชิบะก็ยิ้มพลางฟังอยู่ แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูแข็งๆ และเศร้าๆ
“อ…อย่างนั้นเหรอ…อ…ฮะฮ่า…”
ผมมองออกได้อย่างชัดเจนว่าเธอรู้สึกท้อแท้ แต่ภรรยาดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเลยสักนิด เพื่อนสนิทสองคนไปเดทขับรถเล่นกันตอนเช้า ส่วนเพื่อนสนิทอีกคนกลับถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดนเพื่อนรักทิ้งไว้ข้างหลังซะแล้ว!! น่าสงสาร! ไม่สิ น่าสงสารจริงๆ นะ
“ผมไม่ไปหรอกนะ สามคนเชิญตามสบายเลย”
แน่นอนว่าผมไม่อยากจะไปเห็นหน้าชายชู้หรอกนะ ไม่มีทางไปเด็ดขาด
“เอ๋! โทคิวะคุงไม่ไปเหรอ! เมนูร้านแพงๆ นั่นอร่อยมากเลยนะ!”
“ไปมาแล้วครับ ไม่เป็นไร”
จะว่าไปแล้วก็อร่อยดีเหมือนกันนะ คราวหน้าจะพายูซึริฮะไปกินบ้างดีกว่า
“อ๊ะ อย่างนั้นเหรอ อืม…อุตส่าห์ชวนแล้วแท้ๆ โทโมเอะ ฉันไม่ไปกินข้าวกลางวันที่ฮิโรโตะจะเลี้ยงแล้วนะ”
หา? ยัยนี่พูดอะไรออกมาเนี่ย? อ่านความคิดไม่ออกเลยจริงๆ!
“เอ๊ะ? ริริ สัญญากับฮิโระไว้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ก็ไม่ใช่สัญญาอะไรที่สำคัญขนาดนั้นสักหน่อย อีกอย่างเมื่อกี้ก็ได้ยินที่โทคิวะคุงพูดแล้วไม่ใช่เหรอ? ถ้าคนที่ชวนไม่ไปแล้วฉันไปกินข้าวกลางวันคนเดียวมันก็ดูเหมือนเป็นคนไม่ดีไม่ใช่รึไง? เหมือนกับสร้างกลุ่มแล้วก็กีดกันคนอื่นออกมา!”
จะให้ตบมุกตรงไหนก่อนดีเนี่ย ไม่ไหวแล้ว ไม่อยากจะคิดอะไรแล้ว
“แต่ว่าถ้าเงินที่ถูกลอตเตอรี่จะกลายเป็นเงินค่าขนมของฮิโรโตะมันก็น่าเจ็บใจอยู่นะ เพราะงั้นโทโมเอะไปแทนฉันก็แล้วกันนะ! มีเมนูอะไรบ้างเดี๋ยวค่อยมาเล่าให้ฟังนะ! อุฟุฟุ”
“เอ๊ะ…อ…อืม ฉันกับฮิโระสองคนสินะ…เข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะบอกฮิโระให้ก็แล้วกัน แต่ว่าแล้วมื้อกลางวันของริริล่ะ?”
แก้มของมาชิบะดูเหมือนจะแดงขึ้นมาเล็กน้อย ในทางกลับกันภรรยากลับยิ้มอย่างสบายๆ
“อืม? ถึงตอนนั้นค่อยคิดก็แล้วกัน!”
ส่งเดชเกินไปแล้ว! ผมอยากจะกุมขมับเลยจริงๆ แต่แล้วเสียงกริ่งคาบเรียนก็ดังขึ้นแล้วอาจารย์ผู้สอนก็เดินเข้ามาในห้องเรียน การพบกันของพวกเราสามคนจึงจบลงอย่างงงๆ แบบนี้แหละ
MANGA DISCUSSION