เช้าวันที่ห้าหลังจากยูระ นัตสุกิกลับมาจากต่างโลก
แม้จะมีช่วงเวลาอลเวงแบบสุดสุด—ทั้งเจอตัวตนจากนอกโลก ทะเลาะกับเทวดา ไล่ฆ่าเทพประจำถิ่น—แต่โต๊ะอาหารเช้าวันนี้กลับสงบจนน่าตกใจ
เมื่อคืนแม่เขาไปดื่มกับเพื่อน แล้วก็ค้างที่บ้านเพื่อนเลย ดังนั้นอาหารเช้าก็เลยเป็นอะไรแบบง่ายๆ ที่นัตสุกิกับกิงโกะช่วยกันทำ แล้วทุกคนก็นั่งกินด้วยกันแบบชิลๆ
“ว่าแต่นัตสุกิคุง จากนี้จะเอาไงต่อดีล่ะคะ?”
“หืม?”
นัตสุกิกำลังวางไข่ดาวแบบยางมะตูมบนข้าวสวยร้อนๆ ก่อนจะราดโชยุลงไป ขณะที่กิงโกะ—ที่วันนี้หยุดงานเลยกินแค่ขนมปังกับแยม แล้วก็จิบกาแฟ—หันมาถาม
“ก็รู้อยู่นะว่านัตสุกิยังอยู่ม.ต้น แต่ก็ต้องมีสอบเข้าม.ปลายใช่มั้ยล่ะคะ?”
“จริงด้วยแฮะ~”
“รู้รึเปล่าว่ามีโรงเรียนที่ฝึกพลังวิญญาณอยู่ด้วย?”
“เฮ้ย จริงดิ?”
“อยากไปมั้ยคะ?”
“ไม่อยากไปซักนิด!”
“นั่นไงล่ะ ว่าแล้วเชียว!”
กิงโกะดูเหมือนจะรู้คำตอบอยู่แล้วแหละ เลยถามไปแบบขำๆ มากกว่า
“ถึงนัตสุกิจะไปเรียนโรงเรียนพวกนั้นตอนนี้ก็ไม่ช่วยให้เก่งขึ้นหรอกว่ะ จะไปเรียนกับพวกอ่อนกว่าแล้วจะได้อะไรล่ะ”
“ที่โคอุเมะจังพูดก็จริง แต่บางทีคนที่เก่งไม่มากก็อาจจะสอนเก่งก็ได้นะคะ”
“ว่าแต่นี่กิงโกะเคยเรียนที่นั่นป่ะ?”
“แน่นอนค่ะ! ฉันน่ะพรสวรรค์เหลือล้นจนได้โควต้าเข้าเลยนะ……แต่ก็โดนไล่ออกตอนเปิดเทอมหลังฤดูร้อนนี่แหละค่ะ”
“ทำอะไรของเธอไปล่ะนั่น…”
“ก็แบบ ฉันอยากได้ดาบวิญญาณไงคะ เลยไปอัดอาจารย์พิเศษที่มาสอน แล้วแย่งมาซะเลย”
“นั่นมันโจรชัดๆ”
“เป็นการดวลแบบถูกต้องตามกฎค่ะ! แต่ดันซวยตรงที่หมอนั่นเป็นลูกคนใหญ่คนโต แล้วมันก็ไปฟ้องพ่อ ฉันก็เลยซัดพ่อมันไปด้วย เลยโดนไล่ออกไงคะ! แม่งโคตรไม่แฟร์เลยค่ะ!”
“ฉันก็ว่าฉันก็แสบแล้วนะ แต่เธอก็ใช่ย่อยเลยว่ะ…”
“แล้วดาบที่ได้มาก็คือ ‘ดาบวิญญาณฮานาโกะ’ นี่ล่ะค่ะ!”
“โอเค สรุปชื่อนั่นจริงจังสินะ…เซนส์การตั้งชื่อนี่สิ้นหวังขั้นสุดเลยเว้ย”
ในขณะที่กินข้าวไป นัตสุกิก็ฟังสองสาวแซวกันไปด้วย
โรงเรียนที่ฝึกพลังวิญญาณฟังดูแฟนตาซีดี แต่เขาคิดว่าไม่มีอะไรให้เรียนอีกแล้วล่ะ ตอนนี้เขาถนัดเวทมนตร์มากกว่าพลังวิญญาณ
แผนการต่อสู้ของเขาเรียบง่ายมาก: ใช้พลังผู้กล้ากับดาบศักดิ์สิทธิ์บวกเข้าไปด้วยพลังโจมตีโคตรแรง แล้วเป่าศัตรูให้กระเด็นจบ
พื้นฐานต่างๆ นัตสุกิก็เรียนจาก “ปราชญ์” ในต่างโลกมาแล้ว แต่สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปเดียวคือ—“ขยับให้เร็วกว่า แล้วอัดให้แรงกว่า จบ”
ถ้าใครจะบอกว่าใช้แต่กล้ามมากกว่าสมองก็ใช่ แต่แบบนั้นแหละเร็วสุดแล้ว
แม้แต่ตอนสู้กับจอมมาร เวลาก็แค่สิบกว่านาทีเอง ส่วนพวกเทพมารก็ไม่ถึงสองนาที
จริงๆ แล้วเขาไม่เคยสู้แบบยืดเยื้อเลย เพราะไม่จำเป็น—ไม่มีใครเก่งกว่าจอมมารอีกแล้ว
(ฉันจะไหวมั้ยนะถ้าต้องสู้แบบลากยาว?)
คำถามนี้แวบเข้ามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่เขาก็ปัดทิ้งไป เพราะคิดไปก็ไม่มีประโยชน์
ยังไงซะ ชีวิตที่ได้กลับมาใช้แบบสงบๆ ขนาดนี้แล้ว จะให้ไปโรงเรียนฝึกพลังอะไรอีก ไม่มีทางอ่ะ
ยังไงมันก็ต้องมีพวกคุณชายตระกูลใหญ่หาเรื่อง เพื่อนร่วมชั้นที่มีปมลับๆ แล้วก็โดนองค์กรลับบุกห้องเรียน
สุดท้ายก็โดนลากไปสู้แบบงงๆ แน่นอน
แค่โดนอัญเชิญไปต่างโลกครั้งนั้นครั้งเดียวก็พอแล้ว
“อิ่มแล้ว! งั้น ฉันไปโรงเรียนก่อนนะ แล้วพวกเธอล่ะ?”
“ฉันจะไปดูสถานะการซ่อมยานหน่อย จะได้ติดต่อครอบครัวด้วยน่ะ”
“ฉันก็เหมือนกันค่ะ”
“งั้นเหรอ หวังว่าจะซ่อมเสร็จเร็วๆ นะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก เพื่อนรัก แพลนทริปก่อนแต่งนี่ก็ตั้งใจไว้ว่าจะกินเวลาอย่างต่ำสิบปีอยู่แล้ว ซ่อมเสร็จก่อนจบทริปแน่นอน”
“นั่นมันไม่ใช่ระยะเวลาทริปแล้ว!”
“จริงเหรอ? ก็เพื่อนฉันคนหนึ่งยังไปเที่ยวมา 20 ปีเลยนะ?”
นัตสุกิพยายามทำใจเชื่อว่ามันเป็นเพราะอายุขัยที่ต่างกัน วิธีใช้เวลาก็เลยต่างกัน
ยังไงแม่เขาก็คงไม่ว่าอะไรถ้าแจ็คกับแนนซี่จะอยู่บ้านนี้อีกซักสิบปี
หรือพวกเขาอาจจะย้ายไปเมืองหรือประเทศอื่นก็ได้
ก่อนจะถึงวันนั้น เขาแค่อยากใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุขก็พอแล้ว
“ฉันอยากนอนกลิ้งทั้งวันเลยค่ะ เพราะพรุ่งนี้ต้องไปช่วยบ้านมินาซึกิแล้ว”
“ช่วยอะไรเหรอ?”
“ก็…ช่วยเก็บกวาดบ้านหรือภูเขาที่นัตสุกิคุงเผลอฟันพังนั่นแหละ ให้มันเรียบร้อยหน่อยน่ะค่ะ”
“เอ่อ…โทษทีนะ ฝากด้วยล่ะ…”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าเป็นงานเบื้องหลังของฉันอยู่แล้ว”
นัตสุกิรู้สึกซาบซึ้งกับกิงโกะที่ยืดอกพูดพลางมีแยมติดแก้ม ถึงมันจะเป็นหน้าที่ แต่ที่เธอช่วยเก็บกวาดเรื่องที่เขาก่อไว้ก็นับว่าช่วยได้มากจริงๆ
“ฉันจะไปซื้อเหล้า! แน่นอนว่าให้กิงโกะขับนะ!”
“หาาาาา!?”
“ก็ฉันดันไปกินเหล้าของคุณแม่ฮารุโกะเข้า เลยต้องซื้อเติมให้สิ แล้วไหนๆ ก็ไปละ ฉันก็อยากลองอย่างอื่นนอกจากเบียร์ด้วย! ฉันเอาแต่เร่ร่อนไม่เคยมีบ้านมาก่อน อยากนั่งดื่มเหล้าชิลๆ ในบ้านแบบอบอุ่นดูบ้าง! อยากเมาด้วยเหล้าดีๆ บ้าง!”
“อ่า…เอาที่สบายใจเลยค่ะ…”
“งั้นเดี๋ยวซื้อวิสกี้หรือบรั่นดีราคาโคตรแพงด้วยเงินของกิงโกะด้วยเลย!”
“เมื่อกี้ยังบอกว่า ‘เหล้าดีๆ’ ทำไมจู่ๆ มันกลายเป็น ‘โคตรแพง’ ล่ะคะ!? แล้วจะมากินด้วยเงินฉันเหรอคะ!?”
“พูดอะไรของเธอ เราเป็นครอบครัวกันไม่ใช่เหรอ?”
“……เป็นครอบครัวที่โคตรสะดวกสบายเลยนะคะ เข้าใจแล้วค่ะ จะให้ห้าพันเยนละกัน”
“ยัยโง่! เดี๋ยวนี้ราคาของมันขึ้นหมดแล้วนะ!”
“ก็เพราะรู้ไงคะ ถึงอยากให้จำกัดไว้ในงบห้าพันเยนน่ะ!”
นัตสุกิที่ไม่ค่อยรู้เรื่องเหล้าเลยหยิบมือถือมาเสิร์ชดู
ก็จริงนะ…ช่วงนี้ทั้งเบียร์ วิสกี้ ไวน์ บรั่นดี ขึ้นราคากันหมด
ไม่ใช่แค่เหล้า แต่ค่าไฟ ค่าอาหารก็ขึ้นด้วย
“สรุปแล้ว—ทั้งหมดนี่ความผิดก็อดแน่นอน”
เขาสรุปเอาเองแล้วโบ้ยความผิดให้ก็อด จากนั้นก็กำลังจะเก็บมือถือ ทันใดนั้นข้อความก็เด้งเข้ามา
“หือ?”
ผู้ส่งคือคาสึโตะ
เมื่อวานมีเรื่องเยอะเหมือนกัน เขาแอบเป็นห่วงว่าฝ่ายนั้นจะได้รับผลกระทบอะไรหรือเปล่า
นัตสุกิเปิดข้อความด้วยความกังวลเล็กๆ แล้ว…
“—วะฮ่าาาาา!”
เขาระเบิดหัวเราะเสียงดัง
สายตาทุกคู่หันมามอง นัตสุกิก็ยังหัวเราะจนแทบหายใจไม่ทัน
ข้อความของคาสึโตะสั้นมาก
‘—พี่เฮงซวยที่บ้านดูจะใช้การไม่ได้แล้วครับ’
ผนึกที่นัตสุกิลงไว้ดูเหมือนจะได้ผลเกินคาด
เขาเลยหัวเราะจนหยุดไม่ได้เลยจริงๆ
MANGA DISCUSSION