ก็คิดไว้อยู่ว่าอีก 3 ตอนก็จบบทแล้ว จะปล่อยให้รอไปต่ออาทิตย์หน้าก็ยังไง +มีคนขอด้วย ก็จัดไปเล้ย!!
____________
“เรียบร้อยแล้ว… ต่อไปก็เธอบ้างล่ะนะ”
นัตสึกิไม่แม้แต่จะชายตามองยูโตะที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
ถึงจะยังไม่หมดสติ แต่เจ้าตัวคงรู้สึกอ่อนแรงไปหมดทั้งตัวเพราะผลข้างเคียงจากศาสตร์ผนึก
เขาเคยได้ยินมาว่าจะเป็นแบบนั้น…แต่ก็ไม่สนอยู่ดี
“โอนี่จัง…”
“อย่ามาเรียกฉันอย่างสนิทสนมจะได้มั้ย? เช้านี้ฉันพูดอะไรกับเธอไปบ้าง เธอฟังไม่เข้าใจเลยรึไง?”
“นั่นมัน…”
“ยังจะทำให้คาสึโตะเดือดร้อนอีก บุกมาถึงบ้าน แล้วยังไปสมรู้ร่วมคิดกับยูโตะอีก ถ้าเธอคิดจะทำแบบนั้นจริงล่ะก็ บอกตามตรง ฉันรังเกียจเธอสุดใจเลยนะ…จะพูดไว้ก่อน ฉันน่ะ ‘ดูถูก’ เธอไปแล้วด้วยซ้ำ”
จะใช้พลังข่มขู่ก็พอทำได้
แต่เขาไม่โง่พอจะเผยไพ่ให้ใครเห็นง่ายๆ โดยไม่จำเป็น
โดยเฉพาะเมื่อยูโตะยังอยู่ใกล้ๆ แบบนี้
“อะ… อันสึขอโทษ…”
“ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว นี่คือ ‘คำเตือน’ สุดท้ายของฉัน อย่ายุ่งกับฉันอีก ฉันมีครอบครัว มีเพื่อน ฉันไม่มีเวลามาสนใจเธอ”
แม้อันสึจะมีสีหน้าช็อก แต่คำพูดทำนองนี้เขาก็เคยบอกไปแล้วตอนเช้า
ถ้าเธอฟังไม่รู้เรื่อง หรือแค่เลือกจะไม่รับฟังสิ่งที่ไม่ถูกใจ
…งั้นมันก็เป็นปัญหาตั้งแต่ก่อนจะถูกยูโตะใช้เสน่ห์ใส่เสียอีก
“ถ้าเรื่องมันเกิดขึ้นเพราะความเป็นเด็กของเธอล่ะก็ ฉันยังพอเข้าใจได้ แต่เธอไม่เคยใส่ใจคนอื่นเลยหรือไง?”
“หา?”
“――ฉันหมายถึง ‘พ่อ’ ของเธอไงล่ะ เพราะเธอ เขาต้องหย่าร้าง ต้องมาใช้ชีวิตกันแค่สองคน แต่เธอกลับยังเอาแต่ก่อเรื่องไม่หยุด… ก่อนจะมาขอโทษฉัน ลองไปขอโทษพ่อก่อนดีมั้ย?”
“……อะ”
เมื่อได้ยินคำนั้น อันสึถึงได้เหมือนเพิ่งนึกถึงพ่อของตัวเองขึ้นมาได้
ตามที่คาสึโตะเคยเล่าไว้
อันสึกับพ่อแทบไม่คุยกันแล้ว
ไม่สิ…ต้องบอกว่า พ่อของเธอเหมือนตั้งใจจะทำแค่หน้าที่ขั้นต่ำสุดของความเป็นพ่อ
บางทีอาจจะเป็นเพราะหมดหวัง…หรือไม่ก็หมดใจ
แต่จะเพราะอะไรก็ตาม นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของนัตสึกิ
“เธอควรขอโทษคาสึโตะด้วย ไม่สิ ต้อง ‘ขอบคุณ’ เขาต่างหาก”
“แต่ว่า…”
“ฉันไม่อยากฟัง ‘แต่ว่า’ ของเธอหรอก เธอควรกลับไปคิดทบทวนเรื่องทั้งหมด ตัดขาดจากพวกเพื่อนแย่ๆ อย่างยูโตะ แล้วลองคิดถึงอนาคตตัวเองบ้าง”
แม้จะพูดด้วยถ้อยคำเฉียบขาด แต่นี่คือคำเตือนสุดท้ายของนัตสึกิ
ที่ยังเหลือไว้ให้อันสึ—เพราะเขารู้สึกสงสารพ่อของเธอ ที่เคยเป็นพ่อของเขาเช่นกัน
อันสึยังแค่เด็กสาวอายุ 13
ยังมีโอกาสแก้ตัว ยังมีโอกาสเริ่มต้นใหม่
ถ้ารีบตอนนี้ ยังพอจะเรียกว่า ‘ความผิดพลาดของวัยเยาว์’ ได้อยู่
“ทั้งหมดที่ฉันอยากพูดก็มีแค่นี้… อ้อ แต่สุดท้ายแล้ว
เธอมีอะไรอยากพูดกับฉันมั้ย?”
“เอ๊ะ? เอ่อ อะ… อันสึ… อันสึไม่ผิด… ใช่มั้ย?”
……พอกันที
เขาไม่ได้ต้องการคำขอโทษหรอก
แต่ถ้าเธอแค่พูดอะไรบางอย่างที่ ‘เหมือนจะเข้าใจ’ ออกมา
เขาก็คงรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย
…แต่มันก็ไม่เป็นแบบนั้น
และด้วยเหตุนี้ ความสัมพันธ์ของนัตสึกิกับอายาคาวะ อันสึ
“น้องสาวต่างสายเลือด” ในอดีต ก็ถูกตัดขาดอย่างสมบูรณ์
นัตสึกิหันหลังให้เธอ และตั้งใจจะเดินออกจากสวน
แต่อันสึยังไม่ยอมแพ้ พยายามจะวิ่งตามไป
“เดี๋ยวก่อน โอนี่――”
แต่ก้าวเท้าของอันสึ ก็หยุดลงเสียก่อน
เธอก้าวต่อไปไม่ได้
เหตุผลก็คือ—
ที่ทางเข้าสวน มีหญิงสาวที่งดงามจนดารายังเทียบไม่ติด ยืนโบกมือและส่งยิ้มกว้างให้กับนัตสึกิ
อันสึรู้มาว่าผู้หญิงคนนี้เคยอยู่ที่บ้านของตระกูลยูระด้วยเหตุผลบางอย่าง
เธออยากจะเข้าไปถามให้รู้เรื่องก็จริง
แต่…ขากลับสั่นไม่กล้าเข้าใกล้
เพราะถ้าเข้าไปเทียบแล้ว
ความต่างมันจะ ‘ฟ้อง’ เอง
“รอนานรึเปล่า~”
“รอจนแทบลงแดงเลยเฟ้ย! ไปกันเถอะ! ร้านราเม็งจับกังไฮแคลอรี่! หลังจากนั้นก็…ไปเดตในเมืองไงเล่า!”
โคอุเมะโอบแขนกับนัตสึกิอย่างจงใจ
แล้วยิ้มเยาะให้อันสึอย่างออกนอกหน้า
“――อึก”
อันสึรู้ดีว่าถูกโชว์ใส่เต็มๆ
หน้าของเธอขึ้นสีแดงจัด
ก่อนจะหันหลังหนี
“ไม่สนด้วยแล้ว!”
เธอทิ้งยูโตะไว้เบื้องหลัง แล้ววิ่งหนีไป
“ชัยชนะเป็นของฉัน!”
“ไม่เห็นต้องไปแกล้งเด็กเลย…แต่ก็ ขอบใจนะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ! ฉันเป็นสาวสวยอยู่แล้ว ก็แค่เรื่องปกติ! แค่สาวน้อยบ้านๆ แถวนี้น่ะ สะกดไว้ด้วยออร่าความงามของฉันได้สบาย!”
“ก็จริงนะ โคอุเมะจังน่ะ สวยมากเลย”
“อ-อะ…พูดตรงขนาดนั้น เดี๋ยวดิฉันก็เขินกันพอดีสิคะ!”
“เธอ เธอกำลังเผลอหลุดตัวจริงออกมาอยู่นะ!”
“แย่แล้ว! ฉันผิดไปแล้ว! …แต่เดี๋ยว…นี่นายกำลังจีบฉันอยู่เรอะ!? ถ้าจะจีบกันก็ต้องเริ่มจากแลกจดหมายกันก่อนสิวะ!”
“โคอุเมะจังโบราณไปแล้ว! นี่มันยุคไหนเนี่ย!? ไทโชเหรอ!?”
“โถ่เอ๋ย! ฉันคือหญิงจากยุคก่อนคริสตกาลต่างหากล่ะยะ!”
ทั้งสองคนเถียงกันอย่างสนุกสนาน
ราวกับเป็นเพื่อนเก่า…ไม่สิ ราวกับเป็น ‘มากกว่าเพื่อน แต่ยังไม่ใช่คนรัก’
พวกเขาเดินกอดแขนกัน
ค้นหาร้านราเม็งที่ดังในโซเชียลเพื่อกินมื้อเที่ยง
ร้านนั้นมีโปรโมชั่น ‘กินชามยักษ์หมดแล้วฟรี’
โคอุเมะลงแข่ง…และกินหมดอย่างภาคภูมิ
ได้ถ่ายรูปคู่กับเจ้าของร้าน และภาพนั้นก็ถูกแขวนไว้บนผนัง
หลังจากนั้น
ทั้งสองเดินเล่นในเมือง ถ่ายสติกเกอร์ที่เกมเซ็นเตอร์
ขว้างหินเล่นริมแม่น้ำ และยืมเบ็ดจากคุณลุงนักตกปลา จนตกปลาคาร์ปตัวใหญ่มาได้
ในระหว่างวันนั้น นัตสึกิไม่เคยไร้รอยยิ้มเลย
เขาลืมทั้งเรื่องยูโตะ และเรื่องของอันสึไปจนหมดสิ้น
และใช้เวลาแสนสุขร่วมกับโคอุเมะ…อย่างมีความสุขที่สุด
MANGA DISCUSSION