เทพประจำถิ่นอาศัยอยู่ในห้องเล็กๆ ภายในเขตศักดิ์สิทธิ์
เป็นพื้นที่ของเทพโดยเฉพาะ
และห้องพำนักของเทพก็เป็นจุดที่ ‘มัวหมอง’ หนักที่สุดในบรรดาพื้นที่ทั้งหมด
“ขอรบกวนนะคร้าบ”
โดยไม่แม้แต่จะเคาะประตู นัตสึกิก็เปิดบานเลื่อนพร้อมกล่าวทักทายอย่างง่ายดาย
“ยินดีต้อนรับ ท่านยูระ นัตสึกิ”
ห้องเรียบง่ายที่ปูด้วยเสื่อทาทามิ มีเพียงเตาไฟเล็กๆ ตั้งอยู่กลางห้อง
เทพประจำถิ่น มิสึจิ มีผมสีน้ำเงิน อยู่ในวัยราวยี่สิบ นั่งอยู่บนเบาะรองนั่งในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเช่นกัน
“ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าชื่อมิซุจิ ข้าเฝ้ามองท่านมาตลอด”
“ขอบคุณครับ ผมยูระ นัตสึกิ มาฆ่าคุณครับ”
“……ต้องขอโทษด้วยที่ต้องรบกวน แต่ถ้าเป็นท่านแล้วล่ะก็ คงทำได้แน่นอน ฝากขอบคุณคนที่ช่วยเหลือท่านด้วยนะ”
มิสึจิค้อมศีรษะลงกับพื้นอย่างสุภาพ เขายังมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์แบบอยู่ชัดเจน นัตสึกิรู้สึกเหงื่อเย็นไหลตามแนวหลัง
(ซวยละ…คนคนนี้…ไม่สิ เทพองค์นี้…แข็งแกร่งกว่าที่คิดอีก)
พลังของเทพประจำถิ่นนั้น ขึ้นอยู่กับศรัทธาและระยะเวลา
นัตสึกิรู้ดีว่าเทพองค์นี้คุ้มครองเมืองมุโคจิมะมานานนับร้อยปี
และแม้จะคิดว่าเพราะศรัทธาที่ริบหรี่ พลังน่าจะอ่อนลงแล้ว อันที่จริง—นอกจากตระกูลมินาซึกิก็แทบไม่มีใครนับถือเทพองค์นี้แล้วด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้น…
(นี่คือ…พลังของความรักเหรอ…)
มันชัดเจนโดยไม่ต้องคิดให้ซับซ้อน ความรักของ “มินาซึกิ คายะ” คือสิ่งที่หล่อเลี้ยงพลังของเทพมิสึจิ ความรักที่ยิ่งใหญ่เกินจะวัดได้
(เปลี่ยนแผน ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ละกัน)
เดิมทีเขาคิดจะหลีกเลี่ยงความเสียหายรอบข้าง
แต่ตอนนี้…จะต้อง “ฆ่า” ให้ได้เป็นเป้าหมายหลัก
หากยังคงใช้ร่างของเด็กม.สามในสภาพควบคุมพลังได้ไม่เต็มที่ เขาจะไม่มีวันชนะโดยยังสนใจบริเวณรอบข้างได้
เทียบกันแล้ว แม้แต่โคอุเมะยังแข็งแกร่งกว่าทางกายภาพ
แต่กับมิซุจิ แทบไม่มีหนทางอื่นนอกจาก บดขยี้ด้วยพลังแบบสัมบูรณ์ สัญชาตญาณบอกให้เขาใช้พลังทั้งหมดที่มี
“ในเมื่อคุณรู้อยู่แล้วว่าผมมาเพื่ออะไร งั้นก็ไม่ต้องยืดเยื้อแล้วกัน แต่ก็…มีคำสั่งเสียอะไรจะฝากมั้ยครับ?”
“นั่นสินะ”
“ขอบคุณทุกคนในตระกูลมินาซึกิ และบอกคายะกับมิโอะว่า—ข้ารักพวกเขาจากใจจริง”
“รับทราบครับ”
(โว้ย! ทำไมบรรยากาศมันอึดอัดแบบนี้ฟะ! ฆ่าไม่ลงเลยโว้ย! ใครก็ได้! ให้กิงโกะซังโผล่มาทำให้มันตลกกว่านี้หน่อยดิ้!)
“ขอบคุณมาก แต่…ข้าก็จะไม่ยอมตายง่ายๆ หรอกนะ”
“ก็คิดไว้อยู่แล้วครับ”
“ตัวข้าน่ะไม่เป็นไร แต่…อีกคนในตัวข้านั่นแหละจะออกมาสู้แน่ และ…ตอนนี้เขาก็เริ่มจะปรากฏตัวแล้ว”
พลังศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ออกมาจากมิสึจิเริ่มขุ่นมัวและกลายเป็นสีดำ
แม้จะยอมรับความตายในฐานะเทพ
แต่ ‘ด้านที่มัวหมอง’ ของเขากำลังต่อต้านอย่างชัดเจน
“ตอนที่ยังมีสติ ข้าก็แค่อยากให้ผู้คนมีความสุขเท่านั้น แต่เมื่อตัวข้าไร้สติ—ก็จะมีแต่ความโกรธ ‘ทำไมต้องเป็นข้า?’ ‘ทำไมต้องแปดเปื้อนเพื่อมนุษย์ด้วย?’ มันคอยกรีดร้องอยู่ตลอด”
“…เป็นความโกรธที่สมเหตุสมผลครับ ถ้าเป็นผมก็คงโกรธเหมือนกัน”
“ท่านเป็นเด็กที่แปลกดีนะ ถ้าเป็นไปได้ ข้าก็อยากคุยกับท่านให้นานกว่านี้อีก”
“ผมก็เหมือนกันครับ”
“ทั้งที่สามารถฆ่าข้าได้ตั้งแต่เมื่อครู่นี้แท้ๆ…แต่ยังยอมพูดคุยกันเป็นครั้งสุดท้าย ขอบคุณจริงๆ ”
มิสึจิยิ้มอย่างสงบ และโค้งศีรษะลงลึกอีกครั้ง
แต่พอเงยหน้าขึ้น—
สิ่งที่ปรากฏคือสายตาแฝงไปด้วยโทสะรุนแรงราวคนละคน
“เจ้าคิดจะฆ่าเทพงั้นเหรอ!? ถ้ามั่นใจนักก็ลองดูสิ! เจ้าคนหยิ่งยโส! จงรับความพิโรธของข้าซะ! ข้าจะฆ่าเจ้า! กลืนกินเจ้า! และกลืนกินพวกมินาซึกิให้หมดทั้งตระกูล!!”
“โอ้โห…เปลี่ยนโหมดอย่างไว”
“ตายซะ ไอ้มนุษย์!”
สายธารอันขุ่นมัวพวยพุ่งจากมิสึจิสู่ตัวนัตสึกิ
—ระดับมันต่างจากพวกปีศาจหรือผู้ใช้พลังวิญญาณทั่วไปอย่างเทียบไม่ติด
“น่าเสียดายจัง! แต่ผมน่ะ…เป็น ผู้กล้าแห่งห้วงสมุทร นะครับ พูดง่ายๆ คือ…คุณไม่ใช่คนเดียวที่ ‘ควบคุมน้ำ’ ได้ไง!”
ทันทีที่สายน้ำสัมผัสตัวนัตสึกิ มันก็กลายเป็นน้ำแข็งในชั่วพริบตา
ณ ตอนนี้ ในทางพลัง…นัตสึกิดูจะเป็นฝ่ายชนะ
“หนอย!”
มิสึจิเห็นว่าโจมตีจากระยะไกลไม่ได้ผล ก็เปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นดาบ
แม้จะสติแตกไปแล้ว แต่สัญชาตญาณนักสู้ยังคงเฉียบคมอยู่
“อยากจะสู้กับร่างเต็มพลังของคุณจังเลยนะ”
มิสึจิเข้าโจมตีโดยไม่มีช่องว่าง
—ฟาดดาบลงด้วยความเร็วเหนือมนุษย์—
แต่ก่อนนั้นเอง นัตสึกิได้ชักดาบออกมาจากความว่างเปล่า
—ดาบที่มีสายฟ้าสีขาวระเบิดออก—
แม้ร่างกายจะอ่อนแอ แต่การเคลื่อนไหวที่ผ่านการฝึกมาหลายสิบ—ไม่ หลายร้อย—ไม่ใช่ หลายหมื่นครั้งได้กลายเป็นสัญชาตญาณของร่างกายไปแล้ว
ไม่มีความลังเล—มีเพียงเจตนาฆ่าอย่างชัดเจน
“――ดาบอัสนี”
เสียงฟ้าคำรามสะเทือนท้องฟ้า
ฉีกทะลวงเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ควรจะมี ‘ม่านบาเรียป้องกันสองชั้น’ และฟาดฟันเทพประจำถิ่น มิสึจิ เป็นแนวเฉียงจากไหล่ซ้ายลงมา—!
~คำท้ายบทของคนเขียน~
โคอุเมะ: “อ๊าาาาาาาาาาาาาา!?”
แจ็ค: “ยานมัน…”
MANGA DISCUSSION