มินาซึกิ มิโอะ สวมชุดมิโกะ เดินมุ่งหน้าไปยังสถานที่พำนักของเทพประจำถิ่น
ข้างกายของเธอ มีมิยาโกะน้องสาวที่แนบอยู่ไม่ห่าง สีหน้าหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด
“หากไม่ได้รับอนุญาต ท่านจะไม่สามารถเข้าเฝ้าเทพประจำถิ่นได้”
“……ฉันมาเป็นเครื่องสังเวย”
“หากไม่มีคำอนุญาตจากท่านประมุข ย่อมไม่อาจกระทำการโดยพลการได้”
มิโอะ ตั้งใจจะฆ่าเทพประจำถิ่น
แม้เป็นเพียงมนุษย์ ไม่อาจชนะได้แน่นอน
ทว่าเธอรู้ดีว่าในสายเลือดตนเองมีเชื้อสายของเทพอยู่
ที่ผ่านมานั้น เธอไม่เคยดึงพลังนั้นออกมาใช้เลย
แต่หากเอาจริง อย่างน้อยเธอก็มั่นใจว่าจะทำให้เทพที่กำลังอ่อนแรงสูญเสียพลัง
แม้ไม่ถึงกับสังหารได้ ก็อาจทำให้มันเลือนหายจากสภาพเป็นเทพไปชั่วคราว
เมื่อวาน แม่ของมิโอะได้บอกกับเธอว่า
พ่อของเธอคือเทพเจ้ามิสึจิ—เทพประจำถิ่นแห่งเมืองมุโคจิมะ
และมิโอะเองก็ถือกำเนิดขึ้นจากความรักที่แท้จริงของทั้งสอง
มิโอะรู้สึกโล่งใจ
เธอเกิดมาด้วยความรัก—นั่นคือสิ่งที่เธอปรารถนาจะเชื่อเสมอมา
เธอจึงเข้าใจได้ทันที ว่าทำไมเมื่อตอนเด็กที่ได้พบเทพเป็นครั้งแรก
อีกฝ่ายถึงมองเธอด้วยสายตาอบอุ่นอ่อนโยนราวกับจะละลายเธอได้
แต่หลังจากนั้น สิ่งที่ได้ยินกลับยิ่งทำให้เธอตกตะลึง
เทพเจ้ามิสึจิปรารถนาที่จะตาย—และชายหนุ่มชื่อ ยูระ นัตสึกิ ผู้เป็นเพื่อนร่วมชั้นของมิยาโกะ น้องสาวของเธอ จะเป็นผู้ลงมือ ‘ฆ่าเทพ’
เหล่าผู้อาวุโสในตระกูลกลับยอมรับเรื่องนี้อย่างไร้การต่อต้าน ดูเหมือนพวกเขาให้ความสำคัญกับความประสงค์ของเทพมากกว่าความจริงอื่นใด
ในขณะที่คนรุ่นเดียวกับแม่ของมิโอะกลับคัดค้านสุดตัว พวกเขาเชื่อว่า เทพก็ควรได้รับการเคารพบูชา
ถ้าจำเป็นต้องมีการสังเวย ก็แค่ส่งมอบผู้ที่ถูกเลือกไป
การคิดจะฆ่าเทพนั้นผิดเพี้ยนเกินไป และเป็นการลบหลู่ที่อาจนำภัยมาสู่ตระกูล
แต่เมื่อผู้เป็นประมุขของตระกูล—แม่ของมิโอะ—และเหล่าผู้อาวุโสมีคำสั่งแน่ชัด ทุกเสียงก็ไม่อาจค้านได้อีก และตอนนี้ ก็คงกำลัง ‘ต้อนรับ’ ยูระ นัตสึกิ อย่างเสียไม่ได้อยู่แน่ๆ
“แต่…นี่คือหน้าที่ของฉัน”
“……พี่สาว…”
“ไม่เป็นไร พี่จะจัดการทุกอย่างเอง”
แม้ดีใจที่รู้ว่าเทพไม่ต้องการเครื่องสังเวยอีก
อย่างน้อยก็ดีใจที่พ่อของเธอไม่ได้เป็นเทพที่เลือดเย็น
แต่ขณะเดียวกัน เธอก็รู้ว่าการมีอยู่ของ ‘เครื่องสังเวย’ ยังเป็นสิ่งจำเป็น
เพราะเหตุนี้—ก่อนที่พ่อของเธอจะต้องยอมรับเครื่องสังเวยในแบบที่เขาไม่ต้องการอีกต่อไป
เธอจึงตัดสินใจจะลงมือฆ่าเขาด้วยตนเอง
หากทำไม่ได้ ก็จะยอมถูกกินแทนน้องสาวเสียเอง
มิโอะซุกซ่อนยันต์หลายสิบแผ่นไว้ในอกเสื้อ
ล้วนเป็นยันต์ลับเฉพาะของตระกูลมินาซึกิ
แม้จะเป็นเทพ หากยันต์เหล่านี้ระเบิดจากภายในพร้อมกัน คงไม่อาจรอดได้
(…รู้หรอกนะ ว่านี่มันโง่แค่ไหน แต่ถ้าเขาล้มเหลว แล้วมิยาโกะต้องถูกสังเวย งั้นฉันยอมถูกกินซะเองยังจะดีกว่า)
แน่นอนว่า มิโอะไม่ได้มั่นใจเลยว่าการฆ่าเทพนั้นเป็นไปได้
แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัด—เธอไม่มีทางยอมให้น้องสาวต้องเสียสละ
ขณะที่เธอเตรียมจะลอบเข้าไป แม้ต้องจัดการยามเฝ้า
เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน
“หือ? มีคนมาก่อนแล้วเหรอ?”
ชายหนุ่มในชุดนักเรียน—ยูระ นัตสึกิ ปรากฏตัว
เดินมาพร้อมกับท่านประมุขคายะในชุดฮากามะ
“――แม่…”
“คุณแม่…”
ก่อนที่ท่านประมุขจะได้เอ่ยคำใด
หญิงชราอุนไครีบตรงเข้ามา ควานเข้าไปในอกเสื้อของมิโอะอย่างรวดเร็ว คว้าชุดยันต์ทั้งหมดออกมาทันที
เธอคงเข้าใจในทันทีว่า มิโอะคิดจะทำอะไร
แววตาเกรี้ยวกราดปรากฏขึ้น พร้อมกับเงื้อมือขึ้นสูง…
แต่แทนที่จะตบ มือนั้นกลับโอบรัดร่างมิโอะไว้แน่น
“มิโอะ…อย่าทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้อีกนะ ต่อให้เธอสละชีวิตไป ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้”
“แต่หนู…!”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอต้องตายคนเดียวหรอก ถ้าเธอถูกสังเวย ฉันจะตามเธอไปด้วย”
“คุณย่า…!”
“ฉันเสียใจ ที่ต้องทำใจแข็งใส่เธอมาตลอด หากไม่ทำเช่นนั้น ฉันคงพาเธอหนีไปนานแล้ว… และตอนนี้ ฉันก็เริ่มคิดว่าควรทำเช่นนั้นตั้งแต่แรก”
“คุณย่าาา!”
น้ำตาเริ่มเอ่อล้นจากดวงตาของมิโอะ
หญิงชราอุนไคผู้นี้ แม้จะมิใช่ญาติแท้ๆ แต่ก็รักมิโอะราวกับเป็นหลานแท้ๆ และมิโอะเองก็รักอีกฝ่ายไม่ต่างจากย่าที่แท้จริง
ที่ผ่านมา อาจดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งสองเปลี่ยนไปหลังมิโอะถูกเลือกเป็นเครื่องสังเวย
แต่ความจริงก็คือ—มันไม่เคยจางหาย
ตอนงานกีฬาสี หรือเทศกาลโรงเรียน
อุนไคมักซ่อนตัวดูอยู่ในเงามืด
ตอนที่มิโอะเรียนสอบจนดึกดื่นในช่วงมัธยมต้น
อุนไคก็มักแอบวางข้าวปั้นกับซุปมิโซะไว้หน้าห้องเงียบๆ
และเหนือสิ่งอื่นใด—เธอพยายามหาทางช่วยมิโอะจากการเป็นเครื่องสังเวยมาโดยตลอด
“มิโอะ…ท่านอุนไคอาจดูน่ากลัว แต่ตลอดมา ท่านรักลูกมาโดยตลอด…”
“รู้ค่ะ หนูรู้มาตลอดอยู่แล้ว”
“…อย่างนั้นหรือ”
ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองเกิดขึ้นก็เพราะเรื่อง ‘เครื่องสังเวย’ และทั้งหมดนั้นก็เพราะมนุษย์ในตระกูลนี้ เคยพึ่งพิงเทพมากเกินไป
“จากพลังเวทเมื่อครู่นี้ ข้าก็พอจะเข้าใจแล้วว่า ท่านยูระนั้น…แข็งแกร่งพอๆ กับเผ่าเทพหรือมารเลยทีเดียว พวกเราไม่อาจเทียบได้เลย…ขอฝากได้หรือไม่?”
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเถอะครับ ถึงผมจะดูไม่รู้สึกรู้สา แต่จริงๆ ก็มีจิตสำนึกอยู่บ้างนะ ผมดันพูดอะไรเกินเลยไป จนทำให้มิยาโกะซังต้องตกเป็นเครื่องสังเวยนี่นา …ถึงจะไม่ค่อยรู้สึกผิดเท่าไหร่ก็เถอะ แต่มันทำให้รู้สึกเหมือนฝันร้ายอยู่หน่อยๆ อย่างน้อยผมก็ไม่อยากปล่อยให้จบแบบนี้หรอกครับ”
นัตสึกิยิ้มเจื่อนให้ที่ปรึกษาเซย์อุน
และพยักหน้าให้กับมิโอะกับอุนไคที่ยังคงกอดกันแน่น
“ผมพูดอะไรแบบนี้อาจจะดูไม่เข้าเรื่อง แต่…ไว้ใจได้เลยครับ”
มิโอะยังลังเลเล็กน้อยว่าจะฝากฝังได้หรือไม่
แต่อุนไคที่ยังมีน้ำตาในดวงตากลับพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“จะถอยไม่ได้แล้วนะครับ?”
“แน่นอน ข้าก็เตรียมใจไว้แล้ว”
เมื่อได้รับคำยืนยันจากคายะ นัตสึกิก็ก้าวเท้าเข้าสู่ ‘แดนศักดิ์สิทธิ์’ สถานที่ซึ่งเทพเจ้าประจำถิ่นสถิตอยู่
เหล่ายามเฝ้าไม่ได้เข้าขวางเขาแต่อย่างใด
“อ้อ จริงสิ”
ก่อนจะก้าวเข้าเขตศักดิ์สิทธิ์
นัตสึกิหันกลับมาเล็กน้อย
“ฝากช่วยกันอพยพคนออกจากบ้านตระกูลมินาซึกิด้วยนะครับ แล้วก็ช่วยลากพวกที่ผมทำให้สลบไปหน่อยละกัน งั้น ไปละ!”
เมื่อเข้าสู่เขตศักดิ์สิทธิ์
นัตสึกิรู้สึกได้ทันทีว่า…
‘แดนศักดิ์สิทธิ์’ แห่งนี้ ไม่ศักดิ์สิทธิ์เลยสักนิด
ทุกอย่างปนเปื้อนไปหมด
แม้สายตาคนปกติจะไม่เห็น แต่ด้วยสายตาของเขา พลังเทพที่ขุ่นมัวปานโคลนตมกำลังปกคลุมพื้นที่ไปทั่ว
“ถ้าฉันมีพลังชำระล้างล่ะก็…เรื่องคงไม่จบแบบนี้ …แต่ก็เอาเถอะ ไม่มีทางเลือกแล้ว”
เสียงดีดนิ้วดังขึ้น
ในพริบตา เขตแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด ถูกห่อหุ้มด้วยชั้นบาเรียสองชั้นอันแข็งแกร่งทันที
MANGA DISCUSSION