“รับทราบครับ! สรุปว่าฆ่าให้ตายได้เลยสินะครับ! ฝากไว้ได้เลย!”
นัตสึกิที่ฟังเรื่องราวจากคายะจนเข้าใจทั้งหมดก็ยิ้มกว้าง
ในใจเขารู้สึกโล่งอกอยู่ลึกๆ ที่ดูเหมือนว่าไม่มีใครจะมาต่อว่าอะไรแม้เขาจะฆ่าเทพเข้าให้ก็ตาม
“……ท่านยูระ ท่านคายะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังแล้ว แต่ท่านยังยิ้มตอบออกมาแบบนั้นได้ ช่างน่ายกย่องจริงๆ ค่ะ”
เสียงของฮิรากิที่เอ่ยจากเบาะหน้าผ่านกระจกมองหลัง ไม่แน่ใจว่าเป็นการประชดหรือชมกันแน่ จนคายะต้องปราม
“ฮิรากิ อย่าพูดอะไรที่ไม่จำเป็น”
“ขออภัยค่ะ ท่านยูระ ไว้วันหลังข้าจะขอเวลาลงโทษตัวเองเป็นการชดใช้”
“ไม่เอาดีกว่าครับ~”
นัตสึกิปฏิเสธคำขอ “ขอลงโทษ” ที่อีกฝ่ายดูจะเสนอด้วยท่าทีตื่นเต้นแปลกๆ อย่างชัดเจน (TN: สาว M ชัดๆ)
(โดยส่วนตัวแล้ว ถ้าอีกฝ่ายอยากตายจริงๆ การฆ่าให้ตายก็ถือว่าเมตตาแล้วล่ะ ถึงเป็นเทพประจำถิ่น ถ้าต้องอยู่ต่อโดยแลกกับชีวิตลูกสาว ก็คงไม่อยากอยู่หรอก)
“ขอถามอะไรอย่างนึงได้มั้ยครับ?”
“เชิญค่ะ”
“ทำไมต้องเป็นผู้หญิงวัยรุ่นถึงจะใช้เป็นเครื่องสังเวยได้ล่ะครับ?”
ถึงเขาไม่พูดออกไปตรง ๆ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าไม่กำหนดว่าต้องเป็นหญิงสาววัยเยาว์ล่ะก็ เอานักโทษหรือคนแก่ที่ไม่มีใครต้องการมาก็จบแล้ว
ยิ่งพอได้ยินว่าพวกเขากำลังจะเอาลูกสาวของหัวหน้าตระกูลไปสังเวย นัตสึกิก็ไม่รู้ว่าควรจะชมที่ยังรักษาหลักการไม่ให้คนอื่นเดือดร้อน หรือควรสลดใจกับประเพณีเฮงซวยที่ยังหลงเหลืออยู่กันแน่
“พูดกันง่ายๆ ก็เพราะว่ายิ่งเด็ก ยิ่งมีความ ‘บริสุทธิ์’ มากกว่าน่ะค่ะ ส่วนจะต้องเป็นผู้หญิงหรือไม่นั้น ไม่จำเป็นเสมอไปหรอก แต่ในตอนนี้ คนที่ยังอยู่ในตระกูลมินาซึกิก็มีแค่มิโอะกับมิยากิเท่านั้น”
“ไม่เคยคิดจะฉุดใครมาจากที่อื่นเหรอครับ?”
“ในยุคนี้มันทำแบบนั้นไม่ได้อยู่แล้วค่ะ และพวกเราก็ไม่คิดจะทำด้วย ตระกูลมินาซึกิเป็นตระกูลที่ปกป้องผู้คนนะคะ…แต่ก็เถอะ ฉันเองก็คิดมาตลอดว่าตระกูลที่ต้องเอาลูกสาวตัวเองไปสังเวยให้พ่อแท้ๆ แบบนี้ มันสมควรจะถึงกาลอวสานแล้วล่ะ”
“เห็นด้วยครับ”
“……ท่านยูระพูดว่าจะฆ่าเทพได้สบายๆ แบบนั้น ฉันจะหวังไว้ได้หรือไม่คะ?”
คายะเอ่ยถามอย่างเหมือนจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เขา นัตสึกิจึงพยักหน้าตอบ
“ฝากไว้ได้เลยครับ แต่มีข้อแม้แค่อย่างเดียว”
“อะไรเหรอคะ?”
“ถ้าบ้านตระกูลมินาซึกิโดนพังจนราบไปด้วยล่ะก็ ขอโทษไว้ก่อนนะครับ”
“……พลังของท่านยูระถึงขนาดนั้นเลยหรือคะ?”
“ฮะๆๆๆ อันนั้นไว้มีโอกาสจะเล่าให้ฟังแล้วกันครับ”
นัตสึกิรู้อยู่แก่ใจว่าตนเอง “แข็งแกร่ง” แค่ไหน
แต่จะแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่ ก็ยังไม่รู้ชัดนัก
ในต่างโลกเขาสามารถล้มทั้งจอมมารและเทพมารได้ ไม่ผิดนักถ้าจะเรียกว่าระดับ “สุดยอด”
แต่บนโลกนี้ล่ะ?
ถึงจะเคยต่อสู้กับเทวทูตที่ชื่อเดียวกับลูซิเฟอร์ แต่ก็ไม่ได้งัดพลังทั้งหมดใส่กันจริงๆ
โคอุเมะเองก็ไม่ได้จริงจังเต็มที่ เพราะยังคำนึงถึงโลกมนุษย์อยู่ ส่วนเขาเองก็ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดเช่นกัน จะว่าไม่ได้จำเป็นต้องสู้จริงจังนักก็คงใช่
เทพประจำถิ่นจะมีพลังระดับไหน เขาเองก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เรียกว่า “เทพ” ล่ะก็ คงไม่ธรรมดาแน่
พร้อมกันนั้น ถ้าต้องพึ่งเครื่องสังเวยถึงจะรักษาพลังไว้ได้ ก็ไม่พ้นขอบเขตจินตนาการของเขานัก
เขาไม่ได้ประมาท แต่พลังที่รู้สึกได้จากในคฤหาสน์มินาซึกิก็บอกเขาว่า ถ้าไม่ใช่พลังเต็มพิกัด ก็ยังพอฆ่าได้อยู่
ปัญหาเดียวคือ “การควบคุมพลัง”
ถ้ามีเวลาหลายปี เขาคงปรับจูนได้แน่ แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่มีเวลาให้เลือกมากนัก
จริงๆ แล้วเขาอยากจะบุกไปจัดการให้จบตรงนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องยับยั้งไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าความเสียหายจะขนาดไหน
“อ๊ะ ขอโทษครับ ขอถามอีกเรื่อง”
“เชิญเลยค่ะ”
“ถึงจะเป็นแค่เทพประจำถิ่น แต่ก็มีคำว่าเทพอยู่ ถ้าฆ่าไป จะไม่เป็นปัญหาเหรอครับ?”
“จะบอกว่าไม่มีเลยก็ไม่ใช่ค่ะ แต่เทพประจำถิ่นคือสิ่งที่กลมกลืนกับธรรมชาติ หากหายไป ธรรมชาติก็จะหาวิธีปรับตัวเอง ในช่วงแรกอาจมีบางสิ่งที่ชั่วร้ายเคลื่อนไหวง่ายขึ้น แต่พวกเรามินาซึกิจะพยายามรับมือให้มากที่สุดค่ะ”
คายะหยุดเล็กน้อยก่อนกล่าวต่อ
“แต่มีเรื่องหนึ่งที่ต้องเรียนให้ทราบ…ถ้าเทพท้องถิ่นตนนั้นหายไป อาจทำให้เทพอื่นๆ รู้ถึงการมีอยู่ของท่านนัตสึกิได้ โปรดใช้วิจารณญาณก่อนตัดสินใจค่ะ”
“……ถ้าผมบอกว่าไม่เอา แล้วจะทำยังไงล่ะครับ?”
คำถามของนัตสึกิ ทำให้คายะยิ้มบางๆ อย่างเปราะบาง
“ฉันรักเขาอย่างสุดหัวใจ ฉันจึงจะทุ่มสุดตัวแม้ต้องตาย อย่างน้อยก็อาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนอะไรบางอย่างได้”
“……เอาเถอะครับ ไม่เป็นไร ยังไงก็ช่างมันแล้ว”
ตั้งแต่รู้จักกับโคอุเมะและลูซิเฟอร์ เขาก็คิดไว้แล้วว่าสักวันเทพเจ้าจะต้องรู้ถึงการมีอยู่ของเขา การที่วันนั้นจะมาถึงเร็วขึ้น ก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรนัก
“ขอบคุณมากค่ะ ไม่ว่าอะไร ฉันก็จะตอบแทนให้ได้”
“งั้น ขออย่างนึงได้มั้ยครับ?”
“แน่นอนค่ะ ถ้าทำได้จะรีบจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย”
“งั้นคือ…มีนักเรียนชื่อมิฮาระ ยูโตะ อยู่ที่โรงเรียนผมน่ะครับ”
พอมีโอกาส เขาก็เลยถือโอกาสฟ้องยูโตะไปด้วยเลย
“มิฮาระ ยูโตะ…เหมือนเคยได้ยินที่ไหน”
“ท่านคายะ เด็กคนนั้นเป็นผู้ต้องสงสัยว่าใช้พลังสะกดจิตที่โรงเรียนของคุณมิยาโกะค่ะ”
“…พูดถึงก็เคยมีเรื่องนั้นจริง แต่ตอนตรวจสอบแล้ว ก็สรุปว่าไม่พบปัญหานี่นา”
“เมื่อวานผมเจอกับเขา แล้วก็รู้สึกได้ถึงพลังนั่นอีกครั้ง ถึงจะเบาบางมากจนแค่จุดประกายก็ยังไม่ถึง แต่ด้วยนิสัยเขา ผมว่าควรมีใครจัดการไว้บ้าง”
ดูเหมือนตระกูลมินาซึกิจะรู้จักชื่อยูโตะอยู่แล้ว
นัตสึกิได้แต่ยิ้มแห้งๆ เพราะไม่ใช่แค่รู้จัก แต่ยังเคยตรวจสอบไปแล้วอีกต่างหาก
ถึงเขาจะปล่อยผ่านก็ได้ เพราะถูกสรุปว่าไม่มีปัญหา แต่ในเมื่อยูโตะทำตัวน่ารำคาญมาตลอด เขาก็อยากจะฟ้องให้สะใจเล่นบ้าง
“คุณมิยาโกะเคยบ่นว่ามีนักเรียนบางคนทำให้เธอไม่สบายใจ หนึ่งในนั้นก็คือมิฮาระ ยูโตะค่ะ เห็นว่าเขาชอบเข้ามาแตะตัวเธอไม่เลิก”
“แล้วสัมผัสพวกนั้นก็เหมือนมีพลังสเน่ห์เล็กๆ อยู่ด้วย ถ้ามีภูมิต้านทานก็คงไม่เป็นไรหรอกครับ”
“แล้วมีใครได้รับผลกระทบจริงๆ มั้ยคะ?”
“จะว่าเสียหายก็ไม่เชิงหรอกครับ แต่เขากำลังสร้างฮาเร็มขึ้นมาเต็มที่เลย”
“……ขออภัยค่ะ แต่ตระกูลมินาซึกิไม่สามารถ ‘ลบ’ เด็กที่เคยตัดสินว่าไม่มีปัญหาแล้วได้”
“เดี๋ยวครับ! ผมไม่ได้ขอให้ลบนะครับ!”
ไม่คิดว่าคายะจะเข้าใจผิดว่าเขาต้องการให้ “เก็บ” ยูโตะ จริงๆ ถ้าได้จริงก็คงจะขอบคุณอยู่หรอก แต่ในโลกยุคปัจจุบัน คนหายตัวไปสักคนมันไม่ใช่เรื่องเล็ก โดยเฉพาะคนอย่างยูโตะที่ทั้งดีและแย่ในแบบที่โดดเด่นสุดๆ
“ขออภัยค่ะ แต่ก็มีวิธีอยู่เหมือนกันนะคะ…”
คายะเสนอแนวทางขึ้นมา ทำเอานัตสึกิยิ้มมุมปากทันที
MANGA DISCUSSION