“วันนี้ต้องขออภัยจริงๆ ค่ะ ทั้งที่ตั้งใจจะมาขอโทษและสานสัมพันธ์กันต่อ แต่กลับพาท่านมาเจอกับความวุ่นวายของคนในตระกูลเข้าเสียได้”
“อ่า เปล่าครับ ทางผมเองก็พูดอะไรเกินไปเหมือนกัน ขอโทษด้วยครับ”
หลังจากตระกูลมินาซึกิเกิดเรื่องโกลาหลจนพูดคุยอะไรต่อไม่ได้ มินาซึกิ คายะก็ให้รถหรูของฮิรากิ ซึ่งเธอเป็นคนขับเอง มาส่งนัตสึกิ
เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่หัวหน้าตระกูลลงมือมาส่งด้วยตัวเอง แต่อย่างน้อยก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้คุยอะไรหลายอย่าง
“ไม่ต้องใส่ใจหรอกค่ะ เพราะอย่างน้อยเหตุการณ์วันนี้ก็ช่วยให้เราชะลอเวลาการสังเวยของมิโอะได้อีกหน่อย”
“แต่ผมไม่คิดว่าการยื้อเวลาออกไปจะเป็นเรื่องดีเท่าไหร่นะครับ”
“นั่นสินะคะ การที่ลูกสาวต้องอยู่กับความกลัวต่อไปอีกวัน มันจะมีความหมายอะไร… แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังอยากให้เธอมีชีวิตอยู่ได้นานที่สุด เห็นแก่ตัวใช่มั้ยล่ะคะ?”
“น่าจะใช่นะครับ”
นัตสึกิไม่เคยเป็นพ่อคนมาก่อน แต่หากเขาอยู่ในจุดเดียวกับคายะ ก็คงจะคิดไม่ต่างกันนัก ส่วนมิโอะจะคิดอย่างไรนั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“มิโอะคงจะโกรธมากเลยล่ะครับ”
“ค่ะ ก็เด็กคนนั้นพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อปกปิดพลังของตัวเองเพื่อน้องสาว”
“…คุณก็รู้?”
“แน่นอนค่ะ ฉันเป็นแม่ ถึงจะไม่ใช่แม่ที่ดีนัก แต่ก็พอจะเดาใจลูกได้บ้าง”
“แล้วปล่อยไว้เฉยๆ อย่างนั้นเหรอครับ?”
“ฟังดูเป็นแม่ที่แย่ใช่ไหมล่ะคะ? แต่ถ้าในเมื่อยังไงก็ต้องมีใครสักคนต้องถูกสังเวย ฉันก็ไม่อยากให้ความพยายามของมิโอะต้องสูญเปล่า”
“ยุ่งยากจังเลยนะครับ”
“ใช่ค่ะ ยุ่งยากจริงๆ”
แทนที่จะทำหน้าไม่พอใจกับความตรงไปตรงมาของนัตสึกิ คายะกลับยิ้มอย่างเห็นด้วยเสียอีก
“พูดตรงๆ นะคะ…จริงๆ แล้วฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องท่านยูระอยู่เรื่องหนึ่ง”
“ขอร้องงั้นเหรอครับ?”
“ค่ะ จะคิดว่าหน้าด้านก็ไม่ผิดหรอกนะคะ ทั้งที่คุณยูระก็โดนทางเราล่วงเกินสารพัด แต่ฉัน…ไม่มีใครให้พึ่งพาได้เลยจริงๆ”
“หา? ถ้าผมช่วยอะไรได้ก็ว่ามาเลยครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ ถ้าอย่างนั้น…ขออนุญาตใช้คำพูดนั้นของท่านเลยนะคะ”
ว่าพลาง คายะก็ก้มหัวให้เขาภายในรถ
“ช่วยฆ่าเทพประจำถิ่นของตระกูลมินาซึกิให้หน่อยได้มั้ยคะ?”
“…ห้ะ?”
นัตสึกิคิดว่าเขาหูฝาดไป แต่เปล่าเลย—เขาเริ่มสงสัยสติของคายะต่างหาก
ก็หัวหน้าตระกูลที่ถึงขนาดจะยอมส่งลูกสาวตัวเองไปเป็นเครื่องสังเวยน่ะเหรอ? อยู่ๆ จะพูดว่า “ช่วยฆ่าเทพเจ้าที่บูชาให้หน่อย” แบบนั้นน่ะ?
(…หรือว่านี่เป็นบททดสอบ? ถ้าตอบรับไปแบบ “ด้วยความยินดีครับ!” จะถือว่าแพ้สินะ? พวกตระกูลมินาซึกินี่นอกจากมิยาโกะซังแล้ว ทุกคนคาดเดาไม่ได้เลยแฮะ…)
นัตสึกิที่ยังตั้งตัวไม่ติดเงยหน้าขึ้นสบตากับคายะอีกครั้ง เธอจ้องกลับมาด้วยแววตาจริงจัง ไม่ได้ล้อเล่นหรืออยากลองเชิง—เธอ เอาจริง กับคำขอให้เขาฆ่าเทพ
“แม้คุณจะพยายามปิดบัง แต่ฉันสามารถสัมผัสได้จากคุณ ไม่ใช่แค่พลังเวทเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลิ่นอายแห่งเทพด้วย—คุณต้องเคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับเทพชั้นสูงมาแน่ และสำคัญที่สุดคือ กลิ่นอายของเทพที่ถูกฆ่า ก็ติดอยู่กับคุณ ฉันพูดผิดมั้ยคะ?”
“ขอให้คุณจินตนาการเอาเองแล้วกันครับ”
“วางใจได้ค่ะ คนธรรมดาคงไม่มีทางสัมผัสได้เหมือนฉันหรอก”
“แบบนี้ยิ่งอยากรู้เลยครับ ว่าทำไมคุณถึงรับรู้ได้”
“เพราะฉันเคยสมสู่กับเทพมาก่อนค่ะ”
“…ว่าไงนะครับ?”
“ฉันเคยรักกับเทพ…และให้กำเนิดลูกจากท่าน เพราะอย่างนั้น ฉันจึงมีสัมผัสไวต่อพลังเทพมากเป็นพิเศษ”
(…สมสู่กับเทพแล้วมีลูกงั้นเหรอ? เดี๋ยวนะ—อย่าบอกนะว่า…)
“ขอถามเป็นข้อมูลประกอบหน่อยนะครับ…อย่าบอกนะว่า มิโอะซังคือ—”
“ค่ะ เธอคือลูกของฉันกับเทพประจำถิ่นตนนั้นเอง”
“เหหหหหหหหหหหหห!?”
แม้แต่ผู้กล้าจากต่างโลกยังต้องร้องลั่นกับความจริงที่ได้ยินจากปากคายะ
ไม่ว่าจะคิดยังไงก็เกินความคาดหมายไปไกลเกินแล้ว!
ถึงจะรู้ว่ามิโอะมีพลังแฝงที่ไม่ธรรมดา แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นลูกครึ่งเทพกับมนุษย์มาก่อน—รู้สึกเลยว่าพลังรับรู้ของตัวเองยังพัฒนาไม่พอ
เขาไม่มีเจตนาจะยุ่งเรื่องรักใคร่ของใครอยู่แล้ว แต่ก็มีคำถามหนึ่งที่อดสงสัยไม่ได้
“เอ่อ…ถ้าอย่างนั้น เทพที่คุณอยากให้ผมฆ่าก็คือ…สามีของคุณ แล้วก็พ่อของคุณมิโอะใช่มั้ยครับ?”
เมื่อถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ คายะก็ตอบกลับด้วยการ พยักหน้าอย่างหนักแน่น โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย—
MANGA DISCUSSION