“ยินดีต้อนรับสู่ตระกูลมินาซึกิค่ะ ขอต้อนรับจากใจจริงค่ะ ท่านยูระ นัตสึกิ”
“ขอบคุณที่ให้เกียรติเชิญผมมาครับ”
ณ ห้องหนึ่งในคฤหาสน์ตระกูลมินาซึกิ——
นัตสึกินั่งอยู่ในห้องเสื่อทาทามิที่มีหิ้งบูชาเทพเจ้าเรียงรายอย่างเรียบร้อย
ที่ตำแหน่งเบื้องบนสุด มีหญิงสาวผมดำหน้าตาอ่อนโยนในวัยประมาณปลายสามสิบ นั่งยิ้มละไมอยู่
“ฉันชื่อมินาซึกิ คายะ เป็นหัวหน้าตระกูลนี้ ก่อนอื่นต้องขออภัยด้วยค่ะ… ทราบมาว่าลูกสาวของดิฉัน ‘มิยาโกะ’ ได้เสียมารยาทกับคุณอย่างร้ายแรง ต้องขออภัยจากใจจริง มิยาโกะ ขอโทษเสียสิ”
“ขออภัยอย่างสูงค่ะ!”
หญิงสาวนามมินาซึกิ คายะในชุดกิโมโน นั่งหลังตรงโค้งศีรษะลงลึกอย่างสุภาพ จากนั้นลูกสาวของเธอ——มินาซึกิ มิยาโกะ ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ตำแหน่งใกล้ที่นั่งบนสุดก็โค้งศีรษะขอโทษตามอย่างรวดเร็ว
แม้จะไม่รู้ว่าในใจเธอคิดยังไง แต่เมื่อขอโทษมาแล้ว นัตสึกิก็ไม่มีเหตุผลจะเก็บเรื่อง
“ไม่เป็นไรครับ แค่ได้ยินคำขอโทษก็พอแล้ว ผมเองก็…เผลอตอบโต้ไปนิดหน่อยเหมือนกัน” (TN: ก็นิสนึง)
(แม้จะพูดแบบนั้น แต่การผ่าร่างอีกฝ่ายเป็นสองซีกไม่น่าจะเรียกว่า ‘แค่ตอบโต้นิดหน่อย’ ได้หรอก… แต่ในเมื่อรักษาเขาให้หายสนิทแล้ว ตอนนี้ดูท่าจะไม่มีปัญหาอะไร ก็ถือว่าแล้วกันไป)
เขาไม่อยากพูดอะไรให้สถานการณ์แย่ลง จึงเลือกทำตัวเป็นฝ่ายรับคำขอโทษอย่างสงบเสงี่ยม
“ท่านพูดเช่นนั้นก็ช่วยให้พวกเราสบายใจขึ้นมากเลยค่ะ อย่างไรก็ตาม หากคุณเข้าใจว่า พวกเราเพียงตกใจเพราะจู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งเช่นท่าน ก็คงจะดีมาก”
“ครับ ผมเข้าใจอยู่ครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ ฉันทราบว่าท่านเรียนอยู่มัธยมต้นปีสามเช่นเดียวกับมิยาโกะ แต่ท่านกลับสามารถสนทนาอย่างสุขุมเยือกเย็นได้ ต้องขอชื่นชมจริงๆ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”
——บอกตามตรง นัตสึกิรู้สึกเหมือนปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อ
เขาเคยคิดไว้ว่าตระกูลนี้อาจรุมกันเข้ามาเล่นงานเขาพร้อมหน้าทั้งตระกูล แต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่โง่ขนาดนั้น
แม้เหล่าผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ในห้องจะจ้องเขาอย่างจับผิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรให้เสียเรื่อง
“ขออภัยนะครับ ท่านหัวหน้า… ขอพวกเราคนเฒ่าคนแก่ได้พูดคุยกับเขาสักหน่อยจะได้มั้ย?”
“ถ้าท่านยูระไม่ขัดข้อง ฉันก็ไม่มีปัญหาค่ะ”
“แน่นอนครับ เชิญเลย คุณตา?”
“…คุณตาเลยเรอะ… เฮ้อ ก็ไม่แปลกหรอกเพราะข้าก็แก่จริงๆ แหละ อะแฮ่ม! บางครั้งคนที่มีพลังตั้งแต่อายุน้อยก็มักจะหลงตัวเอง ข้าเองก็เคยมีประสบการณ์ขมขื่นในช่วงวัยหนุ่ม แต่ดูจากเธอแล้ว… เห็นได้ว่ามีสติรู้ตัวดีว่าตัวเองมีพลังนะ”
“ขอบคุณครับ”
“ฉันอยากแน่ใจว่าเธอเป็นคนไม่เป็นภัย จึงขอถามอะไรบางอย่าง——แน่นอน จะไม่ตอบก็ไม่เป็นไร——แต่พลังที่เธอถือครองอยู่นั้น…คืออะไรกันแน่?”
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถตอบออกไปว่า “พลังของผู้กล้า” ได้แน่ และถ้าบอกไปก็คงไม่มีใครเชื่อ
อีกอย่าง ลุงอาโอยามะก็กำชับไว้แล้วว่าอย่าพูดเรื่องโลกต่างมิติ เพราะมันจะยุ่งยาก
“…ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ”
“…ขอโทษนะ นั่นหมายถึงไม่อยากตอบ? หรือหมายถึงไม่รู้จริงๆ กันแน่?”
“ก็น่าจะไม่รู้แหละครับ อยู่ดีๆ มันก็หล่นตุ้บลงมาจากฟ้าเลย ประมาณนั้นน่ะครับ”
“จะมีเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกันเล่า!”
เหล่าผู้อาวุโสหัวเราะแห้งๆ แต่มีคนหนึ่งทนไม่ไหว——มินาซึกิ มิยาโกะนั่นเอง
เพราะเธอคือคนที่ลิ้มรสพลังของนัตสึกิโดยตรง จึงรู้ว่าเขากำลังตอบแบบกวนๆ อยู่
และนั่นทำให้เธอโกรธ
“——มิยาโกะ หยุดพูดซะ”
“แต่คุณแม่!”
“อย่าให้แม่ต้องพูดซ้ำสอง”
เสียงเตือนครั้งแรกของคายะยังอ่อนโยน แต่ครั้งที่สองกลับเข้มขรึมกดดันจนแม้แต่นัตสึกิยังต้องนั่งหลังตรงโดยไม่รู้ตัว
มิยาโกะเงียบปากลง แม้แววตายังดูไม่พอใจขณะมองนัตสึกิก็ตาม
“ต้องขอโทษด้วยค่ะ ท่านยูระ ลูกสาวของฉันควบคุมตัวเองไม่เก่งเหมือนท่าน หวังว่าท่านจะให้อภัย”
“ไม่ครับ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจล้อเล่น แต่ถ้าทำให้รู้สึกแบบนั้น ก็ขอโทษด้วยครับ”
เมื่อคายะกล่าวขอโทษ นัตสึกิก็โค้งศีรษะรับผิดตามมารยาท
แล้วชายชราก็ถามต่อ
“บางครั้ง ก็มีที่พลังอาจตื่นขึ้นกะทันหันก็จริง ฉันเข้าใจได้ แต่ปัญหาคือ——เธอจะทำอะไรกับพลังนั้น?”
“ก็ไม่คิดจะทำอะไรเลยครับ”
“…เหรอ”
“โดยส่วนตัว ผมไม่สนใจเรื่องพลังจิตอะไรนั่นหรอกครับ แค่อยากใช้ชีวิตสงบสุขธรรมดาๆ ก็พอ พอรู้จักพวกผู้มีพลังจิตบ้างแล้ว ก็ยิ่งรู้เลยว่าผมไม่ใช่คนที่จะทำอะไรเพื่อคนอื่นเงียบๆ อยู่เบื้องหลังได้หรอกครับ”
“เข้าใจล่ะ”
“ถ้าเลี่ยงได้ ผมก็อยากใช้ชีวิตเงียบๆ ไม่ให้ใครมายุ่งจะดีที่สุดเลยครับ”
ชายชราผู้สูงวัยที่สุดในห้องที่พูดคุยกับเขายาวนาน พยักหน้าด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ในเมื่อเธอไม่มีหน้าที่อะไรอยู่แล้ว ก็ถูกต้องที่เธอจะคิดแบบนั้น เราเองก็ไม่คิดเป็นศัตรูกับผู้ที่เรายังหยั่งไม่ถึง หากเธอประสงค์จะใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา เราก็จะเคารพความปรารถนานั้น”
“ขอบคุณครับ”
“แต่——เพื่อสร้างความเชื่อใจซึ่งกันและกัน เราอยากให้เธอยอมประนีประนอมบางเรื่อง”
“ประนีประนอม?”
แม้จะดูเข้าใจโลกดี แต่นัตสึกิรู้ดีว่าตระกูลมินาซึกิไม่อาจปล่อยเขาเป็นอิสระโดยไม่มีเงื่อนไข
เขาเข้าใจได้อยู่ เพราะเมื่อครู่มีคนจากนอกห้องพยายามแอบสอดแนมเขาอยู่ เขาเลยปล่อยพลังออกมาเล็กน้อยขู่กลับไป ผลคือสัมผัสได้ชัดเจนว่าคนพวกนั้นหมดสติไปทันที
แน่นอนว่าเหล่าผู้อาวุโสก็ต้องรู้เรื่องนี้เหมือนกัน
“เราอยากส่งผู้ดูแลไปอยู่ใกล้ๆ เธอน่ะ”
“ผู้ดูแล?”
“อย่าคิดว่าเป็นเรื่องไม่ดีเลย เราเพียงอยากสังเกตว่าเธอเป็นคนที่ไว้วางใจได้จริงมั้ย ระยะเวลาไม่นานก็พอ”
นัตสึกินิ่งไป
ถูกจับตาดูไม่ใช่เรื่องสนุก แต่ก็พอทนได้ และเข้าใจเหตุผลได้
แต่ปัญหาคือ——ถ้ามีคนมาเฝ้าอยู่ใกล้ๆ เขา อาจจะล่วงรู้ถึงการมีตัวตนของเกรย์กับเหล่าเทวทูตเข้า
“เราจะส่งคนไปแอบสืบก็ได้…แต่แบบนั้นก็อาจไม่เข้าใจตัวตนที่แท้จริงของเธอ อีกอย่าง…เธอก็คงไม่ชอบถูกตัดสินลับหลังใช่มั้ยล่ะ?”
“พอจะบอกได้มั้ยครับ ว่าใครจะเป็นผู้ดูแล?”
“เพื่อให้เหมาะกับสถานะเพื่อนร่วมชั้นเรียน เราคิดว่าให้มิยาโกะรับหน้าที่นี้จะดีที่สุด”
นัตสึกิหันไปมองหน้ามิยาโกะแวบหนึ่ง
สีหน้าของเธอไม่ค่อยพอใจนัก ดูท่าว่าคงแค่ทำตามคำสั่งของเหล่าผู้อาวุโส
หรือบางที…อาจคิดจะหาเรื่องเขาด้วยซ้ำ
(มินาซึกิ มิยาโกะ…เป็นพวกชอบหาเรื่อง แถมเคยพุ่งเข้ามาทำร้ายฉันอีก ถ้าต้องอยู่ใกล้กัน คงเหนื่อยน่าดู…อ๊ะ นึกออกแล้ว)
“ขอโทษนะครับ——ขอเปลี่ยนคนได้มั้ยครับ?”
คำพูดของนัตสึกิทำให้ทุกคนในห้อง——ไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสและคายะเท่านั้น แต่แม้แต่มิยาโกะ ฮิรากิ และมิโอะที่เงียบมาตลอดก็ยังเบิกตากว้าง
MANGA DISCUSSION