“หา? เดี๋ยวนะ… พวกตำรวจรู้จักมินาฮาระ ยูโตะด้วยเหรอ?!”
“…อ่า ก็ต้องตกใจแบบนั้นล่ะนะ งั้นเดี๋ยวอธิบายเรียงตามลำดับให้ก็แล้วกัน ก็นัตสึกิคุงไม่ได้มีพลังวิญญาณ และก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโลกของพลังพิเศษเลย… จริงๆ คนทั่วไปก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ก็มีอยู่บ้างนะที่คนธรรมดาเกี่ยวข้องกับโลกด้านนี้ อย่างพวกผู้สนับสนุนหรืออะไรเทือกนั้น—พูดให้ชาวบ้านหน่อยก็คงประมาณนี้ล่ะ”
“พอฟังแบบนี้แล้วก็เข้าใจแฮะ แม้ในตำรวจจะเป็นความลับ แต่มีแผนกเฉพาะทางก็หมายความว่ามีคนที่รู้เรื่องอยู่ไม่น้อยสินะ”
“มันเป็นโลกที่ไม่รู้ก็อยู่ได้ล่ะนะ แต่ถ้าโดนลูกหลง หรือเผลอไปยุ่งเกี่ยวเข้า หรือจู่ๆ ก็พลังตื่นขึ้นมา มันก็อีกเรื่อง… แล้วก็ มีลูกสาวของคนรู้จักของคุณพ่อ—ฝ่ายนั้นก็อยู่ในสายงานนี้เหมือนกัน—เหมือนว่าไปหลงผู้ชายแปลกๆ เข้า แต่ดูแล้วผู้ชายคนนั้นโดนเด็กผู้หญิงรุมรักแบบไม่ปกติ ก็เลยสงสัยว่าอาจจะมีพลังพิเศษอะไรบางอย่าง…”
“อ๋อ…”
นัตสึกิพยักหน้าอย่างเข้าใจ ดูเหมือนว่าครอบครัวของผู้ที่เกี่ยวข้องกับพลังพิเศษก็โดนเสน่ห์ของยูโตะเล่นงานเข้าเสียแล้ว
“หลังจากนั้นก็มีการสืบอยู่นิดหน่อย… จริงๆ คุณพ่อน่ะ หมายตาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้วล่ะ”
“จริงเหรอ?”
“อย่าโกรธกันนะ แต่น้องสาวของเธอก็มีเรื่องวุ่นๆ ใช่มั้ยล่ะ ตอนนั้นน่ะ พวกเราก็สืบเรื่องยูโตะเหมือนกัน และถึงขนาดให้ทาง ‘สถาบัน’ ช่วยตรวจสอบด้วย ใช้คนที่ถนัดพวกสัมผัสทางจิตเลยนะ”
“แ-แล้ว ผลล่ะ?”
“…ไม่มีปัญหา”
“…ห๊ะ?” (TN: ห๊ะ?)
นัตสึกิถึงกับทำให้แน่ใจว่าไม่ได้หูฝาด
เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่ามีพลังเสน่ห์บางอย่างจากยูโตะ เพียงแค่แตะตัวเท่านั้น
ถึงพลังหลักของยูโตะจะไม่ใช่เสน่ห์ และพลังที่แสดงออกมาก็ไม่ได้รุนแรง แต่ “พลังในการดึงดูด” นั้นมีอยู่จริงแน่นอน
ทว่าสถาบันกลับลงความเห็นว่า ‘ไม่มีปัญหา’
(ไอ้สถาบันบ้านี่มันไร้ความสามารถเป็นบ้าเลยโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!)
“ดูจากสีหน้าเธอก็คงไม่พอใจสุดๆ เลยล่ะนะ… แต่ตามรายงานที่ได้มาน่ะ ไม่พบพลังพิเศษใดๆ ทั้งสิ้น เสน่ห์บังคับจิต หรือพวกควบคุมจิตใจก็ไม่มีเลย ทดลองให้ผู้หญิงบางคนเข้าไปใกล้ ตีสนิท นัดเดทด้วยซ้ำ ผลก็ยังเหมือนเดิม—ไม่มีอะไรผิดปกติเลย”
“…ถึงขั้นนั้นเลยเหรอ”
“เพราะเกี่ยวกับลูกสาวของผู้ใหญ่ระดับสูงด้วยน่ะสิ ก็เลยจัดเต็มนิดหน่อย แต่…”
“แต่?”
“ศักยภาพแฝงดูจะสูงมากล่ะ จะสูงแค่ไหน หรือจะตื่นขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้แน่ชัดเลย”
“…แต่ผมรู้สึกถึงเสน่ห์จากยูโตะจริงๆ นะ”
นัตสึกิพูดขึ้นอย่างแน่วแน่ ทำให้กิงโกะยกมือลูบคางครุ่นคิด
“ถ้านัตสึกิคุงบอกแบบนั้น ก็คงมีอะไรสักอย่างล่ะมั้ง อีกอย่าง การตรวจสอบก็ผ่านมาแล้วตั้งสองปี อะไรก็เปลี่ยนแปลงได้ทั้งนั้น… ถึงอย่างนั้น ตอนนั้นก็มีการลง อาคมผนึกพลัง ไว้ด้วยนะ”
“…เดี๋ยว เดี๋ยวนะ นั่นหมายความว่าไง?!”
“ก็หมายความตามนั้นแหละ ถึงจะไม่มีพลังอันตรายอย่างเสน่ห์หรือควบคุมจิต แต่ก็ตรวจพบว่ามีพลังที่หลับใหลอยู่ ก็เลย ‘ล็อกไว้’ ไม่ให้ตื่นขึ้นน่ะ—แน่นอนว่ามันไม่ใช่ของตายหรอกนะ อย่างสมมุติว่าฉันลงอาคมผนึกให้นัตสึกิคุง ก็คงไม่มีผลเพราะพลังเราต่างกันมาก ตามรายงาน คนที่ลงอาคมผนึกให้ยูโตะเป็นผู้เชี่ยวชาญรุ่นเก๋าอยู่ แต่ถ้าศักยภาพของยูโตะสูงเกินไปก็อาจจะหลุดผนึกได้ หรือไม่ก็… ตอนแรกก็ผนึกไม่อยู่ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้”
แม้จะบอกว่าเป็นช่วงสองปีก่อน แต่ยูโตะในตอนนั้นก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
เหมือนเดิม—ที่มีสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังจนหนุ่มๆ หมั่นไส้ ถึงขั้นแย่งหญิงของรุ่นพี่มาได้ ทำให้เกิดเรื่องทะเลาะกับนัตสึกิเองด้วยซ้ำ
เทียบกับเวลาในต่างโลกแล้ว รู้สึกเหมือนแปดปีก่อน—รายละเอียดบางอย่างก็ลางเลือน
(อืม… จะว่าผนึกไม่ได้ผล หรือไม่มีความหมายเลยดีนะ ถึงจะไม่รู้สึกถึงพลังอะไรชัดเจน แต่ก็ไม่ได้ตรวจสอบจริงจังซะด้วย ถ้าทั้งตำรวจกับสถาบันสรุปว่า ‘ไม่มีปัญหา’ แล้วจะปล่อยไว้ก็ได้มั้ง… แต่ถ้ามีปัญหา ฉันก็ไม่อยากรับผิดชอบนะ โอย ลำบากใจชะมัด)
“ดูเหมือนว่า ก่อนและหลังจากตรวจสอบก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย จึงเป็นเหตุผลสนับสนุนว่า ‘ไม่มีปัญหา’ ล่ะนะ ที่มีสาวๆ รุมล้อมก็แค่เพราะเจ้าตัว ‘เนื้อหอม’ เท่านั้นเอง… ฉันเองก็คิดนะ ว่าต่อให้ไม่มีพลัง แต่คนแบบนั้นมันก็มีปัญหาในฐานะมนุษย์อยู่ดี แต่ถ้าผู้เชี่ยวชาญบอกว่าไม่เป็นไรก็… ไม่มีอะไรจะทำได้ล่ะนะ”
“ก็จริงแฮะ…”
“ดูจากรายงานแล้ว คนที่สัมผัสกับยูโตะให้ความเห็นแรกว่า ‘ดูเป็นเด็กดี’ เท่านั้นเอง จะว่าเป็นเพราะพลังเสน่ห์หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ไม่มีใครคิดว่าแปลก ส่วนที่ฉันว่าต้องสนใจก็คือ ยูโตะรู้ตัวดีว่า ‘ตัวเองเนื้อหอม’ เลยพยายามจีบสาวๆ ที่มีใจให้ทีละคน ส่งข้อความเอาใจ บอกรัก แจกของขวัญ ทำทุกอย่างที่คิดว่าสาวจะชอบ—เรียกว่าพยายามทุกวิถีทางเลยล่ะ ไม่ใช่เรื่องพลังพิเศษหรอก—แต่คือเจ้าตัวมันกะล่อนเจ้าชู้เอง!”
กิงโกะหัวเราะขำขัน แล้วพูดต่อ
“แต่ก็แค่ในระดับเด็กม.ต้นนะ เด็กมันก็พยายามทำตัวน่ารักดีแค่นั้นแหละ ถึงจะพยายามขนาดไหน ผู้ใหญ่เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเกินเลย แถมตรวจสอบผลกระทบจากพลังก็ไม่พบอะไรเลยเหมือนกัน”
“สรุปก็คือ ถ้ามีพลังจริงก็อาจจะมีผลแค่ตอนเจอกันครั้งแรก ทำให้เกิดความประทับใจเฉยๆ หลังจากนั้นก็เป็นความพยายามล้วนๆ ในการสร้างฮาเร็มเอง?”
“แม้จะสรุปว่าไม่มีพลัง แต่พูดแบบนั้นก็พอได้อยู่ ฉันเองก็ไม่รู้รายละเอียดหรอก ฉันถนัดแค่ ‘ฟัน’ น่ะนะ—แถมจากที่ฟังแล้ว ฉันก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วยเลยด้วยซ้ำ จำได้ก็เพราะพ่อเคยตรวจสอบไว้ ถ้าอยากให้ช่วยค้นเพิ่มก็ได้นะ?”
“ถ้าได้ก็อยากนะ… แต่จะว่าไปแล้ว ผมก็ไม่ได้สนใจขนาดนั้นน่ะสิ”
“ฮะๆๆ อะไรของเธอเนี่ย… แต่เอาจริงนะ ต่อให้ไม่มีพลังเสน่ห์ ก็มีคนที่แค่ ‘ดึงดูดคนอื่น’ ด้วยลักษณะทางกายภาพอยู่จริง ทั้งคาริสม่า หรือฟีโรโมน—ไม่ได้มาจากพลังพิเศษ แต่เป็น ‘ลักษณะเฉพาะตัว’ ต่างหาก ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม—แต่มันก็มีขีดจำกัดนะ อย่างคนที่มีพลังเสน่ห์จริงๆ ก็ใช่ว่าจะได้ผลตลอดเวลา ถ้าเป็นพวกซัคคิวบัสหรือปีศาจก็ว่าไปอย่าง แต่มนุษย์น่ะ ยังไงก็แค่ ‘มนุษย์’ แหละ”
สิ่งที่กิงโกะพูด นัตสึกิเข้าใจดี
เขาเองก็เคยโดนเสน่ห์ของซัคคิวบัสในต่างโลกมาแล้ว ถึงสัมผัสได้ว่า ‘ยูโตะมีเสน่ห์จางๆ’ ก็ต่อเมื่อแตะตัวโดยตรงเท่านั้น ถ้าไม่ตั้งใจสังเกตเลยก็คงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“แต่ถ้า—แค่ถ้านะ ยูโตะรู้ตัวว่าตัวเองมีพลังแม้เพียงเล็กน้อย และใช้มันสร้างฮาเร็มจริง อย่างน้อยผู้หญิงพวกนั้นก็ต้องรู้สึก ‘สนใจ’ หรือ ‘ชอบ’ เขาอยู่บ้างแหละ”
“ก็สรุปไปทางนั้นอยู่ดีสินะ…”
“วัยรุ่นหญิงน่ะ ถ้าเจอหนุ่มหล่อ สุภาพ ดูโตแล้ว ใช้เงินเก่ง แล้วมีมารยาทแบบผู้ใหญ่ ก็ไม่แปลกหรอกที่จะชอบ—แม้จะไม่ถึงขั้นรัก ก็ไม่มีทางรู้สึกไม่ดีล่ะน่า แล้วยูโตะนั่นก็พยายามตั้งเยอะนี่นา”
“ก็จริงแหละ หมอนั่นขยันจริงๆ ด้วย”
“ไม่ได้อยากให้มีอคติหรอกนะ แต่ถ้าพลังแฝงของเขาอยู่ในระดับที่สูง ก็อาจจะควรจับตาดูไว้บ้าง เพราะบางทีบรรพบุรุษอาจไม่ใช่มนุษย์ แล้วเกิด ‘สายเลือดย้อนกลับ’ ก็ได้นะ”
“…อย่างน้อยก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ล่ะมั้งนะ…”
อาจจะต้องตรวจสอบพลังของยูโตะอีกครั้ง… แต่ถ้าเผลอทำให้ยูโตะรู้ตัวว่า ‘มีพลัง’ ก็จะยิ่งลำบาก
“ขอโทษด้วยนะ แต่พวกเราต้องรับมือกับพวกที่ใช้พลังฆ่าคนก่อนเป็นอันดับแรก”
“ไม่หรอก ผมเข้าใจดี”
“ถึงจะไม่มีพลัง คนเราก็ทำให้คนอื่นหลงรักได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะใช้จิตวิทยา ใช้จุดอ่อน ทำให้คนพึ่งพา หรือแม้แต่ล้างสมอง… ที่ครองครัวของนัตสึกิคุงพังไป จะโทษว่าเป็นเพราะยูโตะทั้งหมดก็ไม่ได้หรอก พูดดูแย่หน่อยนะ แต่ถ้าตอนนั้นไม่รู้… ก็ไม่มีทางรู้ได้อีกแล้วล่ะ”
“ครับ ผมเข้าใจดี ตอนนั้นก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้ก็ไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้นแล้ว”
“ถึงพูดไปเยอะ แต่เพราะไม่รู้สถานการณ์ของยูโตะตอนนี้ ก็เลยอยากให้อย่าเพิ่งลงมือทำอะไร ถ้าเขาคิดร้ายขึ้นมาจริงๆ… ถึงจะไม่ควรพูดแบบนี้ในฐานะตำรวจ—ก็ช่วยติดต่อมาด้วยก็พอ”
“ขอบคุณมากครับ!”
สุดท้าย เรื่องของยูโตะก็ยังคลุมเครือเหมือนเดิม
แต่นัตสึกิกลับมีคำถามในใจอย่างหนึ่ง
(ถ้าตอนนี้ยูโตะมีพลังเสน่ห์ หรือไม่มีจริงๆ แล้วทำไมอันสึถึงพูดว่า ‘ยูโตะทำให้ฉันเป็นแบบนี้’ ล่ะ? แค่เพราะอกหักเหรอ? แต่ในเมื่อเป็นฮาเร็มอยู่แล้ว การที่มีสาวเพิ่มอีกคนมันจะสะเทือนขนาดนั้นเลยเหรอ? หรือยูโตะเลิกสนใจเธอ? ก็ไม่น่าใช่ เพราะหมอนั่นยังมาต่อว่าเราด้วยซ้ำ… งั้นอาจมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับอันสึ? โอย ไม่รู้แล้ว… ตอนแรกคิดจะช่วยคาสึโตะสืบอยู่หรอก แต่ดันไม่มีแรงใจจะสนใจทั้งยูโตะกับอันสึเลยนี่สิ…)
หลังมื้อเย็น คาสึโตะส่งข้อความมาว่า “เรื่องของอันสึยุ่งมาก” เขาก็เลยลองปรึกษากับกิงโกะดู… แต่ก็ยังไม่รู้จะทำอะไรต่อ
(พรุ่งนี้ต้องไปบ้านมินาซึกิด้วยสิ ถ้ามีโอกาสก็จะลองแอบบอกไว้ก็แล้วกัน)
“ขอโทษด้วยนะครับ ที่คุยเรื่องแปลกๆ แบบนี้”
“ไม่เป็นไรเลยน้า—พี่สาวรับฟังเสมอจ้า! เอาล่ะ คุยเรื่องซีเรียสกันไปเยอะแล้ว—งั้นลองตรวจห้องกันหน่อยมั้ย เปลี่ยนบรรยากาศ!”
“เดี๋ยว… ตรวจห้องอะไรนะ!?”
“เกมล่าขุมทรัพย์ยังไงล่ะ! หานิตยสารโป๊ที่เธอซ่อนไว้น่ะ!”
“ไม่อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาวววววววววว!”
“กลิ่นความสนุกโชยมานี่เลย—ขอแจมด้วยคนละจ้าาาาาาาาาาาาาา!”
“มีคนมาเพิ่มแล้ววววววววววววววววววว!”
ทันใดนั้นกิงโกะเริ่มรื้อห้องทันที และโคอุเมะก็พุ่งตัวเข้ามาแจมอย่างไร้ยางอาย
“เดี๋ยวววว! เหม็นเหล้าฟุ้งเลย! หยุดนะ! ตรงนั้นไม่ได้จริงๆ! ของต้องห้ามอยู่ตรงนั้น! ระดับทำลายต่างโลกได้เลยนะ!”
“โฮ่… นัตสึกิคุงชอบพี่สาวเหรอ? จริงสิ พี่สาวคนนี้ก็เป็นสายพี่สาวเหมือนกันนะ?”
“…เป็นเฟติชเท้าเหรอ? ฉันก็ขายาวเซ็กซี่อยู่พอตัวนะรู้มั้ย?”
“ไม่น้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!”
…เย็นวันนั้น หลังจากกลับมาจากต่างโลก นัตสึกิก็เผลอร้องไห้ออกมานิดหน่อย
MANGA DISCUSSION