“พ่อก็ไม่เคยเห็นลูกพาแฟนมาที่บ้านเลยนี่! นี่แหละโอกาสดี! เจ้านัตสึกิน่ะเป็นคนดีนะ ตั้งแต่ก่อนยันตอนนี้ก็ยังคอยช่วยเหลือฮารุโกะซัง ไม่ว่าจะมีปัญหาครอบครัวยังไงก็ไม่เคยเลิกยิ้มเลย”
เขารู้ดีว่าตระกูลยูระมีสมาชิกเพิ่มขึ้น และรู้เช่นกันว่าสมาชิกคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามานั้นสร้างปัญหาไว้ไม่น้อย
หลายครั้งที่ฮิซาชิพยายามพาภรรยาไปช่วยเหลือฮารุโกะ แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้มว่า “เป็นเรื่องในครอบครัว” จึงไม่อาจเข้าไปยุ่งได้มากกว่านี้
เขาเคยชวนฮารุโกะกับนัตสึกิออกไปกินข้าว หรือพาผู้ชายที่กลายมาเป็นสามีของเธอไปดื่มด้วยกันอยู่บ้าง แต่ก็ลงเอยด้วยผลลัพธ์ที่น่าเสียดาย
“ว่าไปแล้ว ถึงจะสายไปหน่อย แต่ก็แปลกดีนะคะ ที่หนูไม่รู้เลยว่าพ่อคอยดูแลนัตสึกิคุงมาตลอด”
“อ่า… นั่นน่ะสิ มันก็แบบว่า…”
แม้ปกติจะเป็นคนพูดตรงๆ แต่คราวนี้ฮิซาชิกลับลังเลชัดเจนว่าจะพูดหรือไม่พูดดี
“มีอะไรเหรอคะ?”
“คือ… ก็ลูกน่ะ ชอบคนเด็กกว่านี่นา?”
“ห—หา? อะไรของพ่อเนี่ย! พูดอะไรออกมาน่ะ! แล้วรู้ได้ยังไงกันน่ะ!?”
คำพูดกะทันหันของพ่อทำให้กิงโกะตกใจจนสติหลุดลุ่ย
ฮิซาชิที่เห็นปฏิกิริยาแบบนั้น ก็ยิ่งมั่นใจในสิ่งที่คิด
“ก็เมื่อตอนที่แม่ลูกเข้าไปทำความสะอาดห้อง แล้วเจอพวกหนุ่มหน้าหวา—”
“กี๊ย๊ย๊ย๊ย๊ย๊ย๊ย๊ย๊ย๊าาาาาาาาาาาาา!!!”
“ใจเย็นก่อนลูก พ่อเข้าใจนะ พ่อเป็นคนมีหัวอกเข้าใจลูกสาวนะ”
“เข้าใจบ้าอะไรเล่า! ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลชัดๆ!”
“แนวของงานและวงการที่ลูกชอบ แม่กะพ่อก็เช็กมาหมดแล้วเหมือนกันนะเอ้อ”
“หนูจะฆ่าพ่ออออออออออออออออออออออออออ!!!”
กิงโกะหน้าแดงก่ำ ชักดาบมารขึ้นมาชี้ใส่
เธอไม่คิดเลยว่า พ่อแม่จะรู้อะไรเกี่ยวกับรสนิยมของตัวเองมากขนาดนี้
ในหัวเธอตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้ “ของในตู้เก็บของ” ยังไม่ถูกเปิดเจอ
“แต่ของที่อยู่ในตู้เก็บของนั่นเนื้อหามันแรงเอาเรื่องเลยนะ พ่อล่ะกลัวจริงๆ ว่าลูกจะทำอะไรบ้า ขึ้นมา”
“แล้วความเป็นส่วนตัวหนูมันไปอยู่ที่ไหนคะเนี่ย!?”
“เพราะลูกไม่เก็บห้องให้เรียบร้อยไง เลยโดนเจอของแบบนี้ พ่อก็ทำใจรับได้เพราะมันเป็นแค่รสนิยม เลยปล่อยๆ ไปนะเนี่ย”
“นี่หนูต้องขอบคุณพ่ออีกใช่มะ!? มันก็ไม่ได้ผิดกฎหมายสักหน่อย! แล้วถ้าพ่อรู้เรื่องรสนิยมของหนูขนาดนี้ ยังจะคิดให้นัตสึกิคุงแต่งงานกับหนูอีกเหรอ!? นัตสึกิคุงน่ะ เป็นสเปกหนูสุดๆ เลยนะ! แย่ล่ะ! พูดออกไปแล้ว!”
“ก็ถ้าให้คบกันแบบบริสุทธิ์ใจ พ่อว่าอดไว้แค่สักสามสี่ปีก็คงทนไหวแหละ”
“แบบนั้นมันก็ทรมานสิคะ! ถ้าจะแต่งงานกันทั้งทีก็ขอให้ฉันได้ทำอะไรดีๆ ด้วยเถอะค่า!”
“…พูดแบบนี้ ทั้งที่เป็นตำรวจเนี่ยนะ…”
แม้จะตกใจเล็กน้อย แต่ฮิซาชิก็อดยิ้มในใจไม่ได้ เมื่อลูกสาวที่ปากบอกปฏิเสธ แต่ในใจก็ไม่ได้ขัดข้องเท่าไรนัก
ทว่าในขณะนั้น โทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งก็ดังขึ้น
เป็นเบอร์ส่วนตัว ฮิซาชิก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นภรรยา เลยรับสายโดยไม่มองจอ
“โอ้ ฉันเอง อะไรนะ? โทรมาแกล้งหลอกตำรวจระดับสารวัตรเนี่ยนะ กล้าดีไม่เบาเลยนี่ ฮ่าฮ่าฮ่า ล้อเล่นๆ ว่าแต่… อย่าบอกนะว่า… ทำไปแล้วเหรอ? ใช่สินะ? ทำไปแล้วแน่ๆ สินะ? หา? อยากได้คนปากแข็ง? เฮอะ เผอิญมีอยู่ตรงหน้านี่แหละ โอเคๆ จะให้ไปเดี๋ยวนี้เลย ฉันเองก็จะไปทีหลัง เพราะงั้นอย่าทำอะไรเกินเลยล่ะ!”
จากที่ยังหัวเราะอยู่เมื่อครู่ ฮิซาชิก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง กิงโกะที่เห็นอย่างนั้นก็รู้สึกไม่ดีในใจ
และแน่นอน ความรู้สึกนั้นถูกต้อง
ฮิซาชิเก็บโทรศัพท์ แล้วบอก
“นัตสึกิเล่นอะไรเข้าแล้ว ฉันจะตามไปทีหลัง แต่ดูเหมือนจะมีเรื่องอยู่ ลูกไปช่วยที”
“เอ๋~ ป่านนี้คนเขาจะกลับบ้านแล้วนะคะ~”
“ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่ลูกได้ใช้ดาบมารจิโร่ไปละกันน่า ไปซะ”
“ชื่อมันคือดาบมารทาโร่นะคะ!”
“ช่างชื่อมันเถอะน่า! เดี๋ยวฉันก็จะตามไปเหมือนกัน เอาเป็นว่า อย่าให้นัตสึกิเหิมเกริมเกินไปล่ะ!”
“พูดก็ง่ายสิคะ! แล้วจะให้หนูทำยังไงเล่า――”
ก่อนจะพูดจบ ก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นมาจากที่ไหนสักแห่ง
ตึกสั่นไหวตามแรงสั่นสะเทือน
พ่อกับลูกหันมามองหน้ากัน หน้าซีดในพริบตา
“เอ่อ… เมื่อกี้ เสียงแบบ โครมๆ ตูมๆ ที่ได้ยินจากทางโน้นน่ะ… แบบว่า ไม่ใช่ฝีมือนัตสึกิคุงใช่ไหมคะ?”
“――ทำงานได้แล้ว ไป!”
“ไม่อาววววววววววววววววววววววววววววว!!”
เหลือเวลาอีกเพียงสิบห้านาที ก่อนที่อาโอยามะ กิงโกะ จะได้พบกับสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
MANGA DISCUSSION