“—ฮึ่ก… อ๊ะ—อะ…ร่างกายของฉัน!? อะ…อยู่…อยู่ครบใช่มั้ย?”
มินาซึกิ มิยาโกะ ที่ลุกพรวดขึ้นมาบนดาดฟ้า รีบสำรวจร่างกายตัวเองอย่างร้อนรน ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าท่อนลำตัวของเธอยังอยู่ดีครบถ้วน
—ทว่า ความทรงจำที่ตัวเองถูกนัตสึกิฟันจนขาดนั้น ยังชัดเจนไม่เลือนหาย
ตอนที่ร่างกายท่อนล่างไร้ความรู้สึก, ความเจ็บปวดตอนที่ตัวเธอกลิ้งไปกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง, ภาพของเลือดที่หลั่งทะลักจากแผลฉีกขาด, ความรู้สึกเหมือนสติค่อยๆ ดับลงราวกับหลับใหล—เรื่องเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องที่จะลืมได้ง่ายๆ
ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องแบบเซเลอร์ที่เธอสวมอยู่ก็มีรอยขาดบริเวณท้องซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ว่าเธอถูกฟันจริงๆ
ผลของการประเมินฝีมือคู่ต่อสู้ผิดพลาด—เธอตายไปครั้งหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่รู้ด้วยวิธีการใด แต่ที่แน่ๆ คือเธอฟื้นกลับมาแล้ว และร่างกายก็เชื่อมต่อกลับเข้าที่เดิม จนต้องรู้สึกขอบคุณต่อปาฏิหาริย์นี้
“ตื่นแล้วเหรอ?”
“…พี่? เอ๊ะ? ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
ท่ามกลางความหวาดกลัวนัตสึกิที่ยังฝังแน่นจนตัวสั่นอยู่ไม่หยุด มิยาโกะก็กำหมัดแน่นพยายามระงับอาการเมื่อเห็นมิโอะ พี่สาวของเธออยู่ตรงหน้า
“ก็เพราะมิยาโกะไปพบกับยูระ นัตสึกิ แล้วพลังวิญญาณของเธอมันดับลงเกือบหมดน่ะสิ พี่เลยเป็นห่วงแล้วรีบมาหา แต่จริงๆ เธอควรจะพบกับเขาหลังเลิกเรียนใช่มั้ย ถ้าทำอะไรตามใจแบบนี้ เดี๋ยวคุณแม่ก็ดุเอาหรอก”
“ก็เขาอยู่คนเดียว หนูเลยคิดว่ามันเป็นจังหวะเหมาะน่ะค่ะ! แต่เขาน่ะ…เป็นปีศาจชัดๆ เลยไม่ใช่เหรอ!”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ”
“—พี่ไม่ได้ถูกมันผ่าร่างเป็นสองส่วนก็พูดแบบนั้นได้น่ะสิ! ถึงจะมีพลังแค่ไหน แต่การจะลงมือกับคนอื่นแบบไม่ลังเลขนาดนั้น มันไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์จะทำกันนะ!”
“แต่เธอก็เป็นฝ่ายชักดาบใส่เขาก่อนนะ”
“หนูก็แค่… แค่คิดจะขู่เขาเล็กน้อยเท่านั้นเอง!”
มิยาโกะพูดไปก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองทำพลาด เธอรู้ตัวดีว่าภารกิจในการเข้าใกล้นัตสึกินั้นล้มเหลว และนั่นก็ทำให้เธอกัดริมฝีปากแน่นด้วยความเจ็บใจ
“เฮ้อ… ว่าแต่ ดาบนั่นล่ะ? จะทำยังไงดี?”
“หะ? อ๊ะ—! ดาบมัน…ทำไมถึง…”
สายตาของมิโอะชี้ไปยังดาบวิญญาณที่ถูกผ่าครึ่งพอดิบพอดี
นั่นคือสมบัติประจำตระกูลที่เธอได้รับเมื่อหนึ่งปีก่อนตอนถูกรับเลือกให้เป็นทายาท
“…ไม่จริงใช่ไหม ดาบวิญญาณนี่เป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดกันมาของตระกูลมินาซึกิน่ะ… ถูกชำระด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเจ้าเลยนะ—แต่แบบนี้…ฉันจะทำยังไงดี?”
“สมบัติตระกูลหายไปแล้วสินะ”
แม้จะลองนำส่วนที่หักมาประกบกัน แต่ก็ไม่มีแม้แต่วี่แววของพลังวิญญาณที่จะเชื่อมต่อมันกลับมา
ในฐานะทายาทของตระกูลมินาซึกิ นี่คือความผิดพลาดที่ไม่อาจให้อภัยได้
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังล้มเหลวในการปฏิบัติภารกิจที่แม่มอบหมาย นั่นคือการติดต่อกับนัตสึกิอีก
ความผิดพลาดสองครั้งติดกันทำให้มิยาโกะรู้สึกหวาดกลัว ว่าตัวเองอาจถูกปลดจากตำแหน่งทายาท หากแม่มองว่าเธอไร้ความสามารถ แล้วเธอจะหลงเหลือเหตุผลใดในการดำรงอยู่?
“ก่อนอื่น กลับบ้านกันก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่จะช่วยขอโทษคุณแม่ด้วย”
“—อย่าพูดจาข่มแบบนั้นกับหนูนะคะ!”
“พี่ไม่ได้ข่มเธอสักหน่อย”
“น่ารำคาญ! พวกเครื่องสังเวยอย่างพี่น่ะหุบปากไปเลย!”
หลุดปากพูดตามอารมณ์ไปแล้ว ในที่สุดมิยาโกะก็รู้ตัวว่าตนเองได้พูดอะไรออกไป
แม้จะรีบเม้มปากเงียบ แต่ก็สายเกินไปแล้ว
“…หนูกลับก่อนล่ะ!”
เธอไม่กล่าวคำขอโทษใดๆ ต่อพี่สาว ทำเพียงหน้าบูดบึ้งแล้วกระโจนลงจากดาดฟ้าของโรงเรียนมัธยมต้น
มิโอะไม่ได้โกรธกับคำพูดเหล่านั้น เพียงแค่ถอนหายใจเบาๆ
“เฮ้อ… จะมีใครมาช่วยฉันได้บ้างมั้ยนะ…”
ไม่มีแม้แต่แรงจะต่อต้านชะตากรรม ไม่มีแม้แต่น้ำตาให้ไหล ไม่กรีดร้อง ไม่อ้อนวอน
เธอแหงนหน้าขึ้นฟ้า มองดูเหยี่ยวที่บินอย่างสง่างามในท้องฟ้าสีคราม
“ถ้าฉันก็บินได้แบบนั้นก็คงดีสิ…”
คิดแบบนั้น แล้วหัวเราะออกมาอย่างยอมแพ้ มิโอะจึงกระโดดลงจากดาดฟ้าไล่ตามน้องสาวไปอย่างเงียบๆ
MANGA DISCUSSION