“ไม่จริงน่า… อย่าบอกนะว่า เจ้าพวกพลังจิตเร่ร่อน คิดจะให้ หัวหน้าตระกูลมินาซึกิ เป็นฝ่ายเดินทางไปหาเองเนี่ยนะ!?”
“หืม? ก็ธุระมันอยู่ทางเธอไม่ใช่เหรอ? ฉันไม่มีอะไรต้องไปทำกับเธอเลยนะ”
“…ไอ้พวกเร่ร่อนต่ำต้อย! รู้ไหมว่าถ้ากล้าต่อต้านตระกูลของฉันจะเกิดอะไรขึ้น!?”
“ไม่รู้สิ แล้วก็ไม่แคร์ด้วย”
(…ก็คิดไว้อยู่แล้วล่ะว่าต้องเป็นแบบนี้)
แม้จะคาดการณ์ได้ล่วงหน้า แต่ นัตสึกิ ก็ไม่คิดจะทำตามอยู่ดี
เพิ่งถูกสารวัตรอาโอยามะเตือนให้ทำตัวสงบเสงี่ยม ถ้าเป็นไปได้ เขาก็ไม่อยากไปยุ่งกับพวกผู้ใช้พลังวิญญาณโดยเฉพาะพวกที่ดูมีเรื่องให้ปวดหัว
ยิ่งไปกว่านั้น การที่น้องสาวบุญธรรมโผล่มาแบบกะทันหันก็ทำให้เขารำคาญจะแย่ แล้วยังจะต้องไปเจอคนที่ทำท่าจะสั่งเขาอีกเหรอ? ขอบาย
ประสบการณ์ในโลกต่างมิติทำให้นัตสึกิเรียนรู้ว่า คนที่พูดจากข้างบนลงมาข้างล่างน่ะ ไม่มีใครดีสักคน
คนในโลกนั้นก็พูดจาแบบเดียวกับ มิยาโกะ นี่แหละ—หรือไม่ก็แย่กว่านั้นเสียอีก ทั้งนิสัย ทั้งจิตใจเน่าเฟะเกินเยียวยา
“…หึ หึ… ได้เลย ถ้าอย่างนั้น”
“เห~”
นัตสึกิแอบประหลาดใจเล็กน้อยที่เธอไม่ระเบิดอารมณ์ออกมา เขายอมรับเลยว่าเธอควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าที่คิด
ขณะกำลังคิดแบบนั้น มิยาโกะ ก็เริ่มเร่งพลังวิญญาณของเธอขึ้นเรื่อยๆ
“แค่พวกเร่ร่อนที่หลงตัวเองว่ามีพลัง อย่าคิดว่าจะเหนือกว่าคนอื่นล่ะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ก็ควรเชื่อฟังซะดีๆ”
“แบร่~ ไม่อ่ะ”
“อย่ามาล้อเล่นนะ!”
“ถ้าอยากสู้ ฉันก็ไม่ขัดนะ? แต่ถ้าเสียใจทีหลังก็ช่วยอย่ามาโวยวายก็แล้วกัน”
นั่นไม่ใช่คำขู่
ยูระ นัตสึกิ เป็นคนรักสงบโดยธรรมชาติ
เขาไม่ชอบความเจ็บปวด และก็ไม่ได้มีรสนิยมชอบทำร้ายคนอื่นด้วย
แต่กับพวกที่พูดจาอวดเบ่ง หรือเห็นคนอื่นเป็นแค่ตัวประกอบในเรื่องของตัวเอง เขาไม่อาจทนได้
ในต่างโลก พวกหยิ่งยโสพวกนั้นล้วนถูกเขาอัดจนยับ บางทีก็ถูกจัดการจนต้องยอมจำนนอย่างไม่มีทางเลือก
ในโลกนี้เขาไม่คิดจะก่อเรื่อง… แต่ถ้ามีใครมาก่อกวนความสงบที่เขาเพิ่งได้คืนมา ก็อย่าหวังว่าจะรอดไปได้ง่ายๆ
(ไม่ได้คิดจะฆ่าใครหรอกนะ… แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า พวกแฟนตาซีของโลกนี้จะเจ๋งแค่ไหนกันแน่อยู่)
พวกตำรวจที่เกี่ยวข้องกับพลังวิญญาณล้วนกลัวพลังของเขา แต่ มิยาโกะ กลับไม่กลัวแถมยังทำท่าพร้อมจะสู้ คงมั่นใจในพลังตัวเองน่าดู
ถึงจะไม่รู้สึกว่ามีพลังมากนัก แต่เขาก็รับรู้ได้ถึง “พลังวิญญาณ” ที่ต่างจาก “พลังเวทมนตร์” ที่เขาใช้
มันใสสะอาดกว่า โปร่งใสกว่า… รู้สึกได้ว่า ทั้งสองอย่างคือพลังชีวิตเหมือนกัน เพียงแต่มีคุณภาพต่างกัน
แต่จะให้บอกว่า “ต่างกันยังไง” ก็พูดไม่ออกเหมือนกัน
(จะว่าไป พลังของเด็กคนนี้ก็แค่ประมาณจอมเวทย์ประจำราชสำนักละมั้ง? แต่พวกนั้นในโลกโน้นก็อ่อนแอมากนะ…)
เขายังลังเลว่าจะหวังอะไรจากการต่อสู้นี้ดีไหม ขณะที่ มิยาโกะ เพิ่มพลังขึ้นเรื่อยๆ ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น
“ถ้าอย่างนั้น ฉันเองก็จะไม่ไว้หน้าเหมือนกัน อย่ามาร้องไห้ทีหลังแล้วกัน”
“ดูจากท่าทางเธอ ฉันชักสงสัยแล้วแหละ ว่าแต่แรกเธอตั้งใจจะมาคุยดีๆ บ้างรึเปล่า?”
“ฉันไม่ได้อยากคุยกับคุณหรอกค่ะ! ก็แค่ปฏิบัติตามคำสั่งของแม่—หัวหน้าตระกูลเท่านั้นแหละ!”
(งั้นแม่ของเด็กคนนี้ก็คือหัวหน้าตระกูลสินะ… ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเพิ่งฆ่าจะดีกว่ามั้ง? ไว้ถ้ามันถึงจุดที่ต้องตัดสินใจจริงๆ ค่อยเก็บทีเดียวให้หมดละกัน)
ขณะกำลังคิดอะไรออกทะเลไปไกล มิยาโกะ ก็ชักดาบออกมาจากความว่างเปล่า
ไม่ใช่หยิบจากกล่องไอเทมแบบเขา—แต่มันดูเหมือนเรียกดาบออกมาเสียมากกว่า
(โอ้… ดาบเล่มนี้พลังเยอะกว่าเจ้าตัวอีกแฮะ!)
“จะบอกไว้ด้วยความหวังดี… ถ้ายอมแพ้ตอนนี้ ยังพอมีทางถอยอยู่นะคะ”
“อ่า ขอบคุณนะ”
“――อย่ามาดูถูกกันนะ!!”
เสียงตะโกนลั่น พร้อมกับที่ มิยาโกะ กระทืบพื้นพุ่งเข้าหาเขา
มือหนึ่งถือดาบแน่น ฝีเท้าหนักแน่น ราวกับจะฟันลงมาจากด้านบนในทีเดียว
(อืม… จังหวะดีนะ งั้นก็ตอบกลับด้วยดาบเหมือนกันล่ะกัน!)
นัตสึกิดึงดาบเวทออกมาจากกล่องไอเทม
ไม่จำเป็นต้องตั้งท่าให้ยุ่งยาก เขาแค่เหวี่ยงดาบออกไปด้วยมือขวาอย่างลวกๆ
แล้วในเสี้ยววินาทีถัดมา ดาบเวทที่อัดแน่นด้วยพลังเวทมนตร์ ก็ฟันผ่านดาบของเธอและร่างของเธออย่างไร้ปรานี
MANGA DISCUSSION