หลังจากออกจากสถานีตำรวจ นัตสึกิก็ขี่จักรยานมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนมุโคจิมะไดอิจิ ตามคำสั่งของสารวัตรตำรวจอาโอยามะที่ว่า “ไปโรงเรียนซะ”
ระหว่างที่พูดคุยกันในห้องทำงาน ชุดนักเรียนที่เปียกโชกก็ถูกซักล้างและอบแห้งให้เรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้จะไม่ได้ส่งซักแห้งอย่างจริงจัง กลิ่นเค็มเหม็นอับก็ยังติดอยู่บ้าง แต่ก็ยังดีกว่าต้องใส่ชุดเปียกกลับบ้าน ปัญหาต่อมาคือ จะอธิบายกลิ่นทะเลนี้กับแม่ยังไงดี…
“หือ? อ้อ ใช่ มือถือฝากเขาไว้นี่นา… เอ๋? อะไรกันเนี่ย ทำไมมีข้อความเข้ามาเต็มไปหมดเลย?”
นัตสึกิจอดจักรยานข้างทาง หยิบมือถือขึ้นมาเช็ก
แม้แต่ตอนนี้ ข้อความก็ยังเด้งเข้ามารัวๆ
“เฮ้ย นัตสึกิ! ยูโตะมีแฟนแล้วนี่มันอะไรกัน!?*
“ยูระคุง รู้เรื่องแฟนของยูโตะมั้ย!?”
“ยูโตะมีแฟนแล้วนะ วงแตกหมดแล้วเว้ย!”
“สาวๆ บางคนถึงกับกรี๊ดร้องโวยวายเลยนะ ฮา”
“ยูระ มาทำไมไม่มาโรงเรียนวะ? มันสนุกมากเลย รีบมาเร็ว!”
พออ่านข้อความแล้ว นัตสึกิก็รู้สึกหมดแรงอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่อยากไปโรงเรียนเลยโว้ย โคตรไม่อยากไปเลย”
เหมือนเดิม…ทุกคนก็เอาแต่พูดถึงมิฮาระ ยูโตะคนเดียว
ในต่างโลกที่มีแต่ความทรงจำเลวร้าย สิ่งเดียวที่นัตสึกิพอจะวางใจได้ ก็คือการไม่ต้องได้ยินชื่อของเพื่อนสมัยเด็กคนนี้
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า แค่วันที่สองหลังจากกลับมา เขาจะเริ่มคิดถึงต่างโลกนั่นขึ้นมานิดๆ แล้ว
“ก็รู้อยู่แล้วล่ะนะ… ถ้ายูโตะมีแฟน พวกผู้หญิงที่เคยถูกยูโตะโปรยเสน่ห์ใส่ จะไม่ยอมอยู่นิ่งๆ หรอก”
มิฮาระ ยูโตะ เป็นคนที่โคตรจะเนื้อหอม ทั้งจากเพศตรงข้าม บางครั้งกระทั่งเพศเดียวกันก็ยังมี
ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ ยูโตะไม่ใช่คนซื่อบื้อที่ไม่รู้ตัวด้วยสิ เขาไวต่อความรู้สึกดีๆ ของคนอื่นมาก
ใครชอบใครอยู่ แอบปิ๊งใคร เขามองออกได้อย่างรวดเร็ว
ที่ร้ายไปกว่านั้นอีกคือ ราวกับมีนิสัยชอบสะสมความรักจากผู้หญิงยังไงยังงั้น
เขาไม่ได้ไปไล่จีบสาวแบบมั่วซั่วเหมือนเด็กหนุ่มทั่วๆ ไปหรอก
แต่กลับมีพรสวรรค์ในการหักเหใจของสาวๆ ที่มีคนในใจอยู่แล้ว ให้หันมาชอบตัวเองแทนซะอย่างนั้น
แล้วก็จะโฟกัสกับคนนั้นเต็มที่ชั่วขณะหนึ่ง พอมั่นใจว่าชนะใจได้แล้ว ก็หมดความสนใจทันที
ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้น ก็ยังทิ้งความหวังให้สาวๆ ด้วยท่าทีคลุมเครืออีก…
เรียกได้ว่าเกินคำว่า “นิสัยแย่” ไปไกลแล้ว
ถึงอย่างนั้น บรรดาหญิงสาวที่มีอิทธิพลในกลุ่มยังเคยคอยกันท่าไว้ โดยตั้งตัวเป็นแฟนของยูโตะแบบไม่ได้รับการรับรอง แต่ตอนนี้เจ้าตัวดันมีแฟนจริงๆ ขึ้นมา สมดุลที่ว่านั้นก็ต้องพังแน่นอน
นัตสึกิเองก็พยายามหลีกเลี่ยงการเข้าไปพัวพันกับกลุ่มนั้นแล้ว แต่บางคนก็ยังชอบหาเรื่องเขาอยู่ดี
แล้วก็จะจิกกัดเอาไปเปรียบเทียบกับยูโตะ ก่อนจะสรุปว่า “ยูโตะดีกว่า”
งั้นก็อย่ามาเสวนาด้วยตั้งแต่แรกสิวะ…
“อยากเห็นสาวๆ ที่เคยโดนเล่นด้วยสับสนเหมือนกันนะ… แต่ก็นะ ถ้าเข้าไปมีเอี่ยวล่ะก็ มีแต่อนาคตที่โดนโยนขี้ใส่แน่นอน ไม่อยากเข้าไปยุ่งเลยให้ตายเถอะ… เฮ้อ”
ตอนนี้ก็ปาเข้าไปเที่ยงแล้ว โรงเรียนคงใกล้พักกลางวันพอดี
จะไปถึงตอนช่วงปั่นป่วนที่สุดก็น่าเบื่อ แต่ในเมื่อโดนสารวัตรตำรวจสั่งว่าให้ไปเรียนแล้ว จะกลับบ้านเลยก็ดูไม่ดี…
(แถมโดนจับตามองอยู่นี่นะ… ไม่รู้ใครสั่ง แต่มีคนแอบเฝ้าดูเราแน่ๆ ล่ะ…
ลุงอาโอยามะไม่ทำเรื่องจุกจิกแบบนี้หรอก น่าจะเป็นพวกที่จับได้ว่าฉันมีพลังมากกว่า)
ถ้าโดนจับตาอยู่ กลับบ้านก็คงไม่ปลอดภัย
แม่ก็ไม่อยู่ ถ้าถูกจู่โจมตอนอยู่คนเดียว ถึงจะพอสู้ได้ แต่เพราะไม่รู้ระดับฝีมือของคนที่นี่ดีนัก ถ้าเผลอเอาจริงขึ้นมา มันอาจจะเกินกว่าเหตุ
และนัตสึกิก็ไม่อยากทำอะไรแบบนั้นในบ้านตัวเองด้วย
(อย่างน้อย… ถ้าอยู่ในโรงเรียน พวกนั้นก็คงไม่กล้าทำอะไรแน่)
คิดพลางถีบจักรยานมุ่งหน้าสู่โรงเรียนต่อไป
พอขี่ผ่านประตูโรงเรียน เขาก็จอดจักรยานที่ลานจอด แล้วมุ่งหน้าไปยังตู้เก็บรองเท้า
ถอดรองเท้าเปียกๆ กับถุงเท้าออก สวมรองเท้าแตะในอาคาร แล้วเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสาม
…แต่ว่า
“—พี่ชาย!”
เสียงใครบางคนตะโกนมา
นัตสึกิเข้าใจว่าไม่น่าเรียกตัวเอง เพราะเขาไม่มีน้องที่จะมาเรียกเขาว่า “พี่ชาย” เลยไม่ใส่ใจ เดินขึ้นบันไดต่อ
“พี่ชาย!”
เสียงที่ดังกว่าเดิมทำให้นัตสึกิเริ่มลังเล ก่อนจะหันกลับไป
ที่ชั้นล่างของบันได เขาเห็นเด็กผู้หญิงผมสีอำพันรวบผมทวินเทล ยืนอยู่ตรงนั้น
“พี่….นัตสึกิ…”
“เอ่อ… ใครเหรอครับ?”
คนแปลกหน้าที่รู้ชื่อเขา แถมยังเรียกเขาว่า “พี่ชาย” อีกทำให้นัตสึกิเริ่มรู้สึกขนลุก
MANGA DISCUSSION