“แม่ฉันน่ะไหวพริบดีกว่าฉันอีก โดนจับได้ก็ช่วยไม่ได้แหละนะ แล้วว่าไงล่ะ แม่พูดอะไรบ้าง?”
“…”
ผมจงใจใช้เสียงที่อ่อนโยนลงหน่อยเพื่อให้มิซากิยอมเปิดใจพูดด้วย แต่พอถามออกไป เธอกลับเงียบไปซะเฉยๆ คงจะกำลังลังเลอยู่ว่าควรจะเล่าให้ผมฟังดีไหม
ในมุมของผมก็อยากให้เธอเล่านั่นแหละ แต่ยังไงก็เป็นสิทธิของเธอ ผมเลยไม่พูดอะไรต่อแล้วปล่อยให้เธอใช้เวลาตัดสินใจเอง
จนกระทั่งมิซากิค่อยๆ เอ่ยปากออกมาอย่างแผ่วเบา
“คุณแม่พูดประมาณว่าคู่รักปลอมๆ มันไม่ดีหรอก… ประมาณนั้นน่ะ…”
ดูเหมือนเธอจะตัดสินใจเล่าความจริงให้ฟังแล้ว
“ก็ถ้ามองจากมุมของผู้ปกครอง จะคิดแบบนั้นก็ไม่แปลกหรอก”
แค่ได้ยินคำว่า ‘คู่รักปลอมๆ’ เป็นใครก็คงไม่คิดว่าเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว
ยิ่งในมุมของพ่อแม่ คงย่อมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมต้องทำอะไรแบบนั้นด้วย ถึงแม่ผมจะเป็นคนที่น่าจะเข้าใจสถานการณ์ของมิซากิก็ตาม
“แต่พอแม่ไปพูดกับเธอแทนที่จะพูดกับฉัน ก็แปลว่าแม่คงเดาออกแล้วสินะว่าต้นเรื่องมันมาจากเธอ?”
ปกติถ้าแม่มีอะไรจะพูด เรื่องแบบนี้ก็น่าจะพูดกับลูกตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก แต่พอเลือกไปพูดกับมิซากิแทนนั่นก็หมายความว่าแม่มองออกหมดแล้วว่าเรื่องนี้ฝั่งไหนเป็นฝ่ายเริ่ม แต่แล้ว-
“มะ… ไม่ใช่นะ ฉันว่าคงไม่ใช่แบบนั้นหรอก ฉันเป็นคนเล่าทุกอย่างให้คุณแม่ฟังเอง… เรื่องทั้งหมดน่ะ…”
มิซากิรีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างร้อนรน
“งั้นเหรอ แล้วถ้าอย่างนั้นทำไมแม่ถึงเรียกเธอไปคุยล่ะ?”
ดูจากท่าทีแล้วเหมือนเธอจะรู้สาเหตุ ผมเลยถามต่อ แต่แล้ว-
“บอกไม่ได้…”
มิซากิหน้าแดงเรื่อก่อนจะหลบสายตาไปทางอื่น
ดูท่าทางน่าจะมีเบื้องหลังบางอย่างอยู่แน่นอน
“ตอนที่อยู่ด้วยกัน ฉันก็ไม่เห็นเธอจะหลุดปากพูดอะไรออกไปนี่นา หรือว่าตอนที่ฉันไม่อยู่เธอเผลอพูดอะไรให้แม่จับได้หรือเปล่า?”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก…”
ถ้าอย่างนั้นทำไมแม่ถึงกับเลือกพูดตรงๆ กับมิซากิทั้งๆ ที่ผมก็อยู่ด้วยแท้ๆ เพราะอะไรกันนะ?
ดูท่าทางเธอคงไม่อยากเล่าต่อแน่ แบบนี้อาจต้องไปถามแม่เองทีหลังล่ะมั้ง…
“แต่นั่นไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก… แม่บอกว่าคู่รักปลอมๆ น่ะ สุดท้ายความสัมพันธ์มันก็ต้องจบลงสักวัน… มันไม่ดีหรอก…”
ดูเหมือนมิซากิจะพยายามเลี่ยงหัวข้อเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด ผมจึงตัดบทความคิดในหัวและเปลี่ยนเรื่องตามเธอ
“ก็แน่อยู่แล้วล่ะ ความสัมพันธ์แบบนี้มันคงอยู่ได้แค่ถึงตอนจบม.ปลายเท่านั้นแหละ ฉันน่ะไม่ฉลาดพอที่จะสอบเข้ามหาลัยเดียวกันกับมิซากิได้หรอก แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียนต่อหรือเปล่า”
ถ้าไม่ได้เรียนที่เดียวกัน ผมก็คงไม่สามารถเป็นตัวกันพวกผู้ชายที่มารุมจีบเธอได้อีก แบบนั้นความสัมพันธ์ปลอมๆ นี้ก็ไม่มีเหตุผลที่จะให้มันคงอยู่ต่อแล้ว
ถ้ามิซากิยังอยากมีใครสักคนคอยอยู่ข้างๆ แบบที่ผมทำอยู่ตอนนี้ก็คงต้องไปหาที่มหาลัยเอาเอง
“งั้นฉันสอนให้ก็ได้นะ จะได้เรียนที่เดียวกันไง…?”
“อย่าเลย… ขอร้องล่ะ…”
ดูเหมือนเธอจะอยากลากผมไปด้วยให้ได้ แต่ต่อให้พยายามยังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก
คะแนนสอบเรามันแตกต่างกันเกินไป ต่อให้เริ่มอ่านตอนนี้ก็ไม่มีทางตามทันแน่
ยิ่งต้องดูแลโคโคอะอีก ผมไม่มีเวลามาอ่านหนังสือขนาดนั้นหรอก
“งั้นฉันเลือกสอบตามที่ที่ไรโตะคุงจะไปก็ได้นะ…?”
“อย่าทำแบบนั้นเลย นั่นมันไม่ดีกับเธอหรอก ไปเลือกสอกบเข้าที่ที่เหมาะกับตัวเองเถอะ ไม่งั้นฉันจะไม่กล้ามองหน้าอาจารย์ซาซางาวะเลยนะ”
“อึก… ไรโตะคุงนี่จริงจังเกินไปแล้วนะ…”
คงเพราะผมปฏิเสธทุกข้อเสนอของเธอหมดนั่นแหละเลยทำให้มิซากิหงอยลงไปเลย
แต่เรื่องเลือกมหาลัยน่ะมันสำคัญเกินกว่าจะปล่อยผ่านได้ ยังไงผมก็ยอมไม่ได้หรอก และยิ่งไปกว่านั้นคือ-
“เราไม่ได้คบกันจริงๆ สักหน่อย ถึงขนาดต้องทำขนาดนั้นมันก็เกินไปหน่อยแล้วมั้ง?”
“-!”
พอพูดสิ่งที่คิดออกไปตรงๆ มิซากิก็ถึงกับชะงัก
เธอคงถูกแม่พูดแทงใจมาด้วยแหงๆ แล้วก็คงเริ่มรู้สึกผิดกับสถานะปลอมๆ นี้ด้วย
“ไม่ต้องห่วงหรอก ก็ตอนแรกเธอบอกว่าเธอไม่มีทางชอบฉันใช่ไหมล่ะ แล้วก็ยังบอกด้วยว่าถ้าฉันเกิดเผลอชอบเธอขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ห้ามมาสารภาพรัก ฉันเองก็ทำใจไว้แล้ว เพราะงั้นจนกว่าจะจบม.ปลาย ฉันจะ-“
“เอ๋…?”
ผมแค่ตั้งใจจะช่วยให้เธอรู้สึกไม่ผิดกับความสัมพันธ์ปลอมๆ นี้ แต่แล้วอยู่ๆ สีหน้าของมิซากิก็ซีดเผือดราวกับเลือดถูกสูบออกไปจากร่างกายจนหมด ท่าทางแบบนี้ของเธอมันต่างไปจากที่ผมคิดไว้มากเลยจริงๆ
MANGA DISCUSSION