“ว่าแต่โคโคอะ แม่ฝากมาบอกอะไรรึเปล่า?”
ตอนนี้เลยเที่ยงมาแล้ว ไม่ใช่แค่ผมกับโคโคอะ แต่รวมถึงมิซากิเองก็ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันเลย แม่เองก็บอกไว้แล้วว่าจะทำเผื่อมิซากิด้วย
พอโคโคอะตื่นแล้วก็น่าจะเริ่มทำอาหารแล้วล่ะมั้ง… แต่-
“อ๊ะ……!”
-สีหน้าเหมือนนึกอะไรออกของโคโคอะทำให้ผมเดาได้เลยว่านี่แหละคือสาเหตุที่เธอขึ้นมา
“แม่บอกว่าอะไรเหรอ?”
จากปฏิกิริยาเธอ ยังไงเธอก็ต้องโดนสั่งมาแน่ๆ ผมเลยลองถามด้วยรอยยิ้มใจเย็น
“บอกว่า… จะทำกับข้าว……! แล้วก็ให้โคโคอะขึ้นมา… เรียก…!”
โคโคะอะพยายามตอบคำถามผมอย่างตั้งใจ
ดูเหมือนเหตุผลที่เธอขึ้นมาที่ห้องจะไม่ใช่เพราะอยากมาเล่นด้วยจริงๆ แต่เป็นเพราะแม่สั่งให้มาชวนพวกเราลงไปกินข้าวต่างหาก
แต่อารมณ์ที่อยากเล่นกับมิซากิมันคงชนะจนลืมไปหมดเลยล่ะ…
แม่เองก็คงเดาได้แหละว่าพวกเรายังไม่ลงไปเพราะอะไร
“ถ้าแม่บอกว่าจะทำ แสดงว่าตอนนี้คงเริ่มลงมือแล้วสินะ”
“แย่แล้ว… ต้องรีบไปช่วยทำแล้วล่ะ…!”
ผมขยับลุกขึ้นจากที่นั่ง มิซากิก็รีบลุกตามทันทีพร้อมอุ้มโคโคอะขึ้นมาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“อะไรแย่เหรอ?”
ผมไม่เห็นว่ามีอะไรแย่เลย เลยหันไปถามมิซากิที่ดูร้อนรนอยู่ข้างๆ
“ก็… ถ้ายังอยู่เฉยๆ แบบนี้ คุณแม่จะคิดว่าฉันเป็นคนที่ไม่ชอบช่วยงานบ้านน่ะสิ…!”
อ๋อ… เข้าใจล่ะ เธอกำลังกังวลเรื่องภาพลักษณ์ในสายตาของแม่ผมนี่เอง
“ไม่ต้องห่วงหรอก แม่ฉันไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยแบบนั้นหรอก แถมดูเหมือนจะชอบเธอด้วยนะ พอเห็นเธออยู่บนห้องกับฉันก็คงแค่คิดว่า ‘สองคนนี้สนิทกันจังเลยน้า~’ เท่านั้นแหละ”
อย่างน้อยแม่ผมก็ไม่ใช่คนที่จะเกลียดใครเพียงเพราะไม่ได้ช่วยเข้าครัว
ตรงกันข้ามเลย… แม่น่าจะกำลังตื่นเต้นที่ได้ทำอาหารให้มิซากิชิมซะด้วยซ้ำ
“โคโคอะก็สนิทเหมือนกันนะ~!”
ดูเหมือนโคโคอะจะเข้าใจว่าผมกับมิซากิสนิทกันอยู่สองคน เลยรีบยกมือขึ้นมาป่าวประกาศจากในอ้อมแขนของมิซากิ3
“ใช่เลย โคโคอะก็สนิทกับพวกเราด้วยนี่นา”
ผมลูบหัวโคโคอะเบาๆ พลางพยักหน้าเห็นด้วย
แม่ก็คงคิดว่าโคโคอะยังอยากอ้อนพวกเราเลยยังไม่ยอมลงไปจริงๆ แล้วผมกับมิซากิก็รักโคโคอะกันทั้งคู่… ดังนั้นพวกเราเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก
“คิดดูดีๆ แล้ว… นี่มันก็เหมือนกับการจำลองการเป็นสามี-ภรรยาอยู่เลยนะ…?”
ขณะที่ผมกำลังเพลิดเพลินกับการลูบหัวโคโคอะที่กำลังเคลิ้ม มิซากิก็พึมพำอะไรบางอย่างออกมาเบาๆ
แม้จะอยู่ใกล้กัน แต่ผมก็ฟังไม่ชัดนักว่าเธอพูดอะไร แต่ดูเหมือนว่า-
“สามี… ภรรยา…?”
โคโคอะกลับได้ยินชัดเต็มสองหู เธอเอียงคอพลางเงยหน้าขึ้นไปมองมิซากิด้วยแววตางงๆ
พอเจอแบบนั้นเข้าไป ใบหน้าของมิซากิก็เปลี่ยนเป็นสีแดงจัดในพริบตา
“มะ… ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ! เอ่อ กะ… ก็แค่พูดขึ้นมาเฉยๆ น่ะ! ไม่ได้มีอะไรแอบแฝงเลยนะ!”
คงเพราะไม่อยากให้ผมได้ยินแน่ๆ มิซากิเลยหันมาพยายามอธิบายให้ผมฟังยกใหญ่ แทนที่จะตอบคำถามของโคโคอะ
ท่าทางจริงจังกับการแก้ตัวขนาดนั้น… ผมเผลอหลุดขำออกมาโดยไม่ตั้งใจ
“อ่ะ… แย่ที่สุดเลย…!”
แน่นอนว่าท่าทางของผมดันไปสะกิดต่อมมิซากิเข้าเต็มๆ เธอเลยพองแก้มขึ้นทันที ส่วนโคโคอะเองก็มองผมด้วยสายตาตำหนิ
“เปล่าซะหน่อย… ไม่ได้คิดจะแกล้งหรืออะไรหรอกนะ แค่ไม่เห็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นเลยนี่นา ฉันเองก็เข้าใจอยู่แล้ว”
ผมลูบหัวโคโคอะอีกครั้งเพื่อให้เธอใจเย็นลงแล้วก็หันไปยิ้มปลอบมิซากิที่ดูเหมือนจะยังโกรธอยู่นิดๆ
“เอ๊ะ… นั่นหมายความว่า…?”
“ก็หมายถึงว่าพอมีเด็กน้อยอย่างโคโคอะ แล้วมีเราสองคนช่วยกันดูแลเธออยู่ด้วยกัน คนอื่นมองมาก็อาจจะรู้สึกเหมือนพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันไงล่ะ ฉันก็พอเข้าใจอยู่นะ”
“…………”
มิซากิเงียบไปและไม่พูดอะไร แต่แววตาเธอดูซับซ้อนอย่างประหลาด…
ขณะที่สีหน้าของมิซากิแอบดูสดใสขึ้นเพียงแวบเดียว แต่พอได้ยินประโยคถัดมาของผม เธอกลับหรี่ตาแล้วส่งสายตาเหน็บแนมใส่ทันที
แปลกแฮะ… ทั้งๆ ที่ผมตั้งใจจะช่วยประคองสถานการณ์แท้ๆ
“พี่ชาย… ห้ามนะ”
เหมือนโคโคอะจะจับสังเกตได้ว่ามิซากิเริ่มอารมณ์ไม่ดี เธอจึงพยายามเอื้อมมือเล็กๆ มาแปะที่แก้มผมเบาๆ ราวกับจะบอกว่า ‘พี่ผิดนะ’ ทั้งที่เด็กคนนี้ไม่น่าจะเข้าใจบทสนทนาเมื่อกี้ด้วยซ้ำ…
“ขอโทษนะ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นน่ะ”
ในเมื่อโคโคอะยังเข้าข้างมิซากิ ผมเลยต้องยอมยกธงขาวยอมรับผิดไปตามตรง
จะว่าไป… ผมเองก็รู้ตัวอยู่ว่าชอบพูดอะไรแบบไม่คิดอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน
“…ไรโตะคุงนี่เดาใจคนอื่นเก่งหรือแย่กันแน่นะ”
ไม่รู้ว่าเธอยกโทษให้แล้วรึยังหรือยังคงงอนอยู่ เธอแค่พูดเบาๆ พลางเอานิ้วชี้จิ้มแก้มผม
MANGA DISCUSSION