“เรื่องที่เธออยากคุยคืออะไรเหรอ?”
คืนนั้น หลังจากที่ไปทะเลกับไรโตะคุงมา เฮียวกะจังก็มองมาทางฉันจากหน้าต่างห้องของเธอ
ห้องของพวกเราอยู่ตรงข้ามกันพอดี เลยสามารถยืนคุยกันผ่านหน้าต่างแบบนี้ได้
“ขอโทษนะ ที่เรียกมาคุยแบบกะทันหัน”
“ไม่เห็นต้องเกริ่นเลยนี่ ยิ่งพูดแบบนั้น ยิ่งดูเหมือนว่าเป็นเรื่องที่พูดยากเลยล่ะสิ”
ก็แน่นอนล่ะ… เฮียวกะจังเป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ยังเด็ก จะให้ไม่รู้จักนิสัยกันได้ยังไง
“คือ… ฉันมีเรื่องอยากถามเกี่ยวกับไรโตะคุงน่ะ”
ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วตัดสินใจถามออกไปขณะหวนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน
ที่เฮียวกะจังคอยยุให้ฉันสนใจไรโตะคุงมาตั้งแต่ปีหนึ่ง… ฉันไม่คิดว่ามันเป็นเพียงแค่เพราะความเป็นเพื่อนสมัยเด็ก
เพราะเฮียวกะจังน่ะ เป็นคนที่ทั้งเด็ดขาดและไม่ใช่คนประเภทที่จะมอบความไว้ใจให้ใครง่ายๆ แค่เพราะสนิทกัน
แต่กับไรโตะคุง เธอกลับดูไว้ใจเขาอย่างเห็นได้ชัด
…ฉันคิดว่าเธออาจจะรู้สึกมากกว่าแค่เพื่อนก็ได้
“อืม… ก็คิดไว้อยู่แล้วว่าจะมาจบที่ประเด็นนี้”
เฮียวกะจังถอนหายใจเบาๆ พลางเสยผมทัดหูข้างหนึ่ง
ดูเหมือนว่าเธอจะเดาได้อยู่แล้วว่าฉันจะถามอะไร
“เฮียวกะจังชอบไรโตะคุงรึเปล่า?”
ฉันถามตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อม ถึงจะกลัวคำตอบ แต่ถ้าฉันพยายามหลบๆ เลี่ยงๆ เฮียวกะจังที่เฉียบคมก็คงรู้ทันอยู่ดี แถมถ้าเลี่ยงไม่ถามตรงๆ ไป เธออาจจะมองว่าฉันขี้ขลาดจนพาลไม่พอใจเอาได้
เพราะงั้น… ฉันเลยตัดสินใจยิงตรงประเด็นไปเลย
“ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ?”
แต่แทนที่จะตอบตรงๆ เฮียวกะจังกลับย้อนถามฉันแทน
เวลาที่เธอไม่อยากโกหก เธอก็มักจะเลี่ยงโดยการถามกลับหรือเปลี่ยนเรื่องแบบนี้แหละ นั่นก็เลยยิ่งทำให้ฉันคิดว่านี่อาจเป็นคำถามที่เธอไม่อยากตอบจริงๆ
“ก็… ก็เพราะเธอดูตัวติดกับเขาน่ะสิ…”
“แต่ฝั่งที่เริ่มก่อนคือเขานะ แถมฉันยังรู้สึกว่าเธอต่างหากล่ะที่เป็นคนชงให้มันเป็นแบบนั้น”
“อึก…!”
คำพูดของเธอแทงเข้าอกฉันทันทีจนฉันเผลอกลั้นหายใจไปเลย
“ก็… ก็จริงอยู่หรอกว่าฉันเป็นคนเริ่มเพราะอยากเอาคืนเธอนิดหน่อย…! แต่ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น เธอไม่มีทางยอมให้แตะเนื้อต้องตัวง่ายๆ แค่เพราะฉันยุหรอก! แล้วอีกอย่างนะ… ถ้าเป็นคนอื่น ต่อให้ฉันพูดแค่ไหน เธอก็ไม่มีวันยอมเป็นฝ่ายแตะต้องเขาก่อนแน่!”
ฉันรู้จักเธอดี เพราะงั้นฉันมั่นใจ
ถ้าเป็นผู้ชายทั่วไป เธอต้องโมโหแน่ แล้วคงลากไปฟ้องครูหรือไม่ก็แจ้งตำรวจไปแล้วด้วยซ้ำ!
“คนที่กดฉันไว้จนขยับหนีไม่ได้คือใครกันล่ะ?”
เฮียวกะจังเลือกที่จะไม่พูดถึงตอนที่เธอเอาคืนไรโตะคุง แต่กลับโยนเหตุผลที่ตัวเองไม่ขัดขืนมาให้ฉันแทน
“ถ้าเธออยากหนีก็หนีได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ…!”
ตอนที่ฉันจับแขนเธอไว้ แรงของเฮียวกะจังมีน้อยมากจนแทบจะไม่รู้สึก
ถ้าเธอไม่อยากให้ใครแตะต้องจริงๆ ล่ะก็คงต้องดิ้นสุดแรงแน่ๆ
แต่ในเมื่อไม่มีแรงขัดขืนเลย แบบนั้นก็มีแต่จะทำให้ฉันคิดว่าเธอตั้งใจแกล้งทำเท่านั้นแหละ
“เฮ้อ… เมื่อกี้ถามฉันใช่ไหมว่าฉันชอบเขารึเปล่า?”
เฮียวกะจังถอนหายใจเบาๆ แล้ววกกลับไปที่หัวข้อเดิมเองเฉยเลย
ฉันเข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้น เพราะมันเริ่มกลายเป็นประเด็นที่ตอบลำบาก เธอเลยไม่โกหกแต่เปลี่ยนเรื่องซะเลย
แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะนั่นแหละคือสิ่งที่ฉันอยากรู้ที่สุดอยู่แล้ว
“ถ้าจะให้ตอบตรงๆ – ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“ไม่แน่ใจ…?”
เฮียวกะจังเป็นคนที่ไม่ชอบพูดโกหก ถ้าไม่จำเป็น เธอจะไม่โกหกเด็ดขาด
เอาเข้าจริง ฉันไม่เคยเห็นเธอโกหกเลยสักครั้งด้วยซ้ำ เพราะงั้นคำตอบของเธอในครั้งนี้… ฉันเชื่อว่าเป็นความจริง
“ฉันยอมรับแหละว่าฉันปฏิบัติกับเขาไม่เหมือนผู้ชายคนอื่น”
เธอพูดออกมาเรียบๆ ไม่มีอารมณ์ใดแทรก แม้กระทั่งความเขินอาย
“เพราะเขาเป็นเพื่อนสมัยเด็กเหรอ?”
ฉันถามกลับไปแบบนั้นทั้งที่ในใจจริงก็ไม่ได้เชื่อหรอก แต่ถ้ามันไม่ใช่ เธอคงจะอธิบายเองโดยไม่ต้องให้ฉันถามซ้ำ
“ก็… จำได้ว่าตอนเด็กๆ เราสนิทกันดีอยู่หรอกนะ… แต่จะว่าไป ก่อนที่แม่ฉันจะเอ่ยชื่อเขาขึ้นมา ฉันก็ยังจำหน้าเขาไม่ได้เลยล่ะ ความทรงจำตอนเด็กมันก็แค่นั้นแหละ ถ้ามีใครสักคนมาทำเป็นสนิทกับฉันเพียงเพราะเราเคยรู้จักกันในสมัยอนุบาล ฉันคงจะอยากพ่นพิษใส่กลับด้วยซ้ำ”
ตามคาดเลย เฮียวกะจังไม่ใช่คนที่ให้ค่าความสัมพันธ์แบบเพื่อนสมัยเด็กมากนัก
ดูเหมือนเธอกับไรโตะคุงจะไม่ได้เจอกันอีกเลยจนกระทั่งเข้าม.ปลาย
แถมตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ฉันก็ไม่เคยเห็นเฮียวกะจังพูดถึงพวกเพื่อนจากอนุบาลเลยด้วยซ้ำ
…แต่แม้จะเป็นแบบนั้น เธอก็ยังจำชื่อของไรโตะคุงได้ตอนที่แม่พูดขึ้นมา
แสดงว่าเขาต้องเป็นคนสำคัญในระดับหนึ่งสำหรับเธอแน่ๆ
ถ้าเป็นแค่คนที่ไม่มีอะไรเลยในความทรงจำ เฮียวกะจังไม่มีทางจำชื่อเขาได้หรอก
“งั้น… ทำไมไรโตะคุงถึงเป็นคนพิเศษสำหรับเธอล่ะ?”
“ก็แค่… ฉันติดหนี้เขาอยู่เท่านั้นเอง”
“………”
ประโยคนั้นฟังดูชวนให้คิดตามแบบแปลกๆ
เธอจงใจพูดให้คลุมเครือแบบนี้ทำไมกันนะ… ทั้งๆ ที่รู้ว่าฉันจะต้องอยากรู้อยู่แล้วแท้ๆ
“หนี้ที่ว่า… มันเรื่องอะไรเหรอ?”
“ตอนเด็กๆ เขาเคยช่วยฉันไว้น่ะ แค่นั้นแหละ”
เฮียวกะจังตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะจงใจหรี่ตาลงเล็กน้อยราวกับแสดงความไม่พอใจออกมาให้เห็นชัดๆ
ในแววตานั้นกำลังบอกฉันว่า ‘อย่าถามต่อไปมากกว่านี้นะ’
คงไม่ใช่เรื่องที่ตอบไม่ได้ แต่คงเป็นเรื่องที่เธอไม่อยากนึกถึงมากกว่า
…ฉันก็อยากรู้นะ แต่ฉันก็ไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ของเราด้วย
“แต่ถ้าเขาเคยช่วยเธอล่ะก็… การที่จะรู้สึกชอบเขาบ้างก็ไม่แปลกนี่นา?”
“น่าเสียดาย ฉันไม่ได้มีตรรกะง่ายๆ แบบนั้นหรอก”
“อึ่ก…!”
ขอโทษก็แล้วกันนะที่ฉันมีตรรกะง่ายๆ แบบนั้น!
แต่ฉันจะไปทำอะไรได้ล่ะ! ก็เขาช่วยฉันไว้ตั้งสองครั้งแล้วนี่!
ตอนอยู่ที่ทะเลฉันกลัวมากจริงๆ แล้วไรโตะคุงก็เป็นคนที่รีบมาช่วยฉันทันที ตอนนั้นเขาดูเท่มากเลยจริงๆ นะ!
แถมเขาเป็นคนที่ปกติจะเย็นชา แต่พออยู่กันสองคนแล้วกลับอบอุ่นจนใจละลาย! ถึงจะขี้แกล้งบ้างก็เถอะ แต่เวลาที่เขาอ่อนโยนขึ้นมา… ฉันก็อดหวั่นไหวไม่ได้จริงๆ นี่นา!
ในใจฉันพยายามเถียงกับคำพูดของเฮียวกะจังสุดฤทธิ์
แน่นอนว่าฉันไม่มีทางพูดออกมาแน่ๆ เพราะถ้าพูดอะไรแบบนั้นไป มันก็เหมือนเป็นการบอกกลายๆ ว่าเราไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ น่ะสิ
“งั้น… ทำไมถึงตอบว่าไม่แน่ใจล่ะ?”
ถ้าไม่ได้ชอบจริงๆ ก็บอกไม่ชอบไปเลยสิ ในเมื่อฉันเป็น ‘แฟน’ ของเขาอยู่แล้ว พูดแบบนั้นมันน่าจะทำให้เรื่องง่ายขึ้นไม่ใช่เหรอ…
“สำหรับฉัน เขาเป็นคนที่พิเศษ… แต่ไม่แน่ใจว่ามันคือความรักรึเปล่า ถึงตอบว่าไม่รู้ยังไงล่ะ”
เฮียวกะจังยิ้มออกมาอย่างจนปัญญาเหมือนกำลังพูดเรื่องที่ตัวเองก็ตอบไม่ถูกนัก
เธอเป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงๆ
ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ควรพูดอะไรแบบนั้นต่อหน้าคนที่เป็น ‘แฟน’ ของเขาแท้ๆ…
ถึงขนาดทำให้ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าเธอรู้รึเปล่าว่าฉันกับไรโตะคุง… ไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ
“ถึงอย่างนั้นน่ะนะ ตอนที่เห็นมิซากิกับชิราอิคุงตัวติดกัน ฉันก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไร แล้วตอนเห็นมิซากิตอนปีหนึ่งที่กำลังลำบาก ฉันก็เคยคิดเหมือนกันว่าถ้าชิราอิคุงได้เป็นแฟนเธอก็คงดีไม่น้อย เพราะงั้นฉันก็คงไม่ได้ชอบเขาหรอก”
ดูเหมือนเธอจะลองทบทวนความรู้สึกตัวเองอย่างจริงจังแล้วสรุปแบบนั้นออกมา
แต่ความจริงที่ว่าเธอต้อง ‘คิดทบทวนก่อน’ ถึงจะรู้คำตอบนี่แหละ ที่กลับทำให้ฉันรู้สึกไม่มั่นคงขึ้นมา
แต่ถ้าถามมากกว่านี้ก็อาจทำให้เธอเริ่มใส่ใจความรู้สึกตัวเองขึ้นมา… แล้วแบบนั้นมันจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ เพราะฉะนั้นฉันจะไม่พูดอะไรเกินจำเป็น ฉันจะถามแค่สิ่งที่ควรถามก็พอ
“ไรโตะคุง… เป็นแฟนของฉัน เพราะงั้น… ฉันแค่อยากให้เธอรับรู้ไว้ก็พอ”
แค่นี้… สำหรับคนฉลาดอย่างเฮียวกะ เธอต้องเข้าใจแน่นอน
“…ไม่ต้องมาเข้มงวดกับฉันขนาดนั้นหรอกน่า ฉันไม่คิดจะยุ่งกับแฟนของเพื่อนให้มันเกิดเรื่องยุ่งยากหรอกนะ”
คราวนี้เธอยิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่น ไม่ใช่รอยยิ้มกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนก่อนหน้า
ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าเธอจะตอบแบบนี้
“อืม… ฉันเชื่อเธอนะ”
ก็เฮียวกะนี่นา
คนที่เกลียดเรื่องยุ่งยากยิ่งกว่าใคร เธอไม่มีทางเลือกเดินเข้าไปในความสัมพันธ์อันแสนวุ่นวายกับเพื่อนสมัยเด็กแน่ๆ
…ฉันก็ทำได้แค่เชื่อแบบนั้นนั่นแหละ
เจอกันอีกทีอาทิตย์หน้าครับ 👋 (อาจจะ)
MANGA DISCUSSION