“เพื่อนสมัยเด็ก… งั้นเหรอ…?”
ผมชะงักค้างกับคำพูดเหนือความคาดหมายของซูซุมิเนะซัง ส่วนมิซากิก็ถามด้วยสีหน้าเกร็งๆ
แน่นอนว่าผมไม่รู้เรื่องนี้เลย และดูเหมือนมิซากิก็เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกเหมือนกัน
“ไม่น่าใช่นะ…”
ก็ซูซุมิเนะซังเป็นเพื่อนสมัยเด็กของมิซากิ ถ้าผมกับมิซากิไม่ได้เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้เลย
“เห็นไหมล่ะ สำหรับเขาน่ะ ฉันก็เป็นแค่คนที่ไม่มีค่าพอที่จะให้จดจำ ทั้งเรื่องตอนมัธยมต้นก็เหมือนไม่มีอยู่ในหัวเขาด้วยซ้ำ”
เธอยักไหล่เบาๆ คล้ายจะบ่นน้อยใจ ผมนึกถึงตอนที่เธอเคยมาที่บ้านแล้วผมถามไปว่า ‘ถ้าเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันจริง เธอไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ’ ตอนนั้นเธอก็ทำหน้าประมาณว่า ‘ไม่ต้องพูดเลย’
บางทีผมอาจจะลืมเธอไปจริงๆ ก็ได้
แต่เรื่องตอนมัธยมต้นงั้นเหรอ? ผมไม่เห็นจะจำได้เลยว่าเคยเจอกับเด็กผู้หญิงแบบเธอ
“เพื่อนสมัยเด็ก… หมายความว่านายอยู่เนอสเซอรี่เดียวกับเฮียวกะจังเหรอ?”
มิซากิถามแบบมีแววคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
จากที่ฟังดู ดูเหมือนว่ามิซากิกับซูซุมิเนะซังจะไม่ได้ไปเนอสเซอรี่ที่เดียวกันแม้บ้านจะอยู่ติดกันก็ตาม แบบนี้ก็พอจะเข้าใจได้
“ใช่แล้วล่ะ”
ซูซุมิเนะซังพูดออกมาโดยไม่แสดงอารมณ์อะไร
ดูจากท่าทีของเธอแล้ว ดูเหมือนจะไม่ได้มีความทรงจำสำคัญอะไรกับผมเป็นพิเศษ..
“ทั้งที่ตอนนั้นเล่นด้วยกันบ่อยแท้ๆ แต่หมอนี่กลับจำอะไรไม่ได้เลยล่ะ”
ไม่ใช่นี่นา เธอแค่เป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออกต่างหาก
ว่าแต่… เหมือนเธอจะโกรธอยู่นิดๆ ด้วยนะ…
ก็ใช่แหละ ถ้าผมลืมเพื่อนสมัยเด็กไปซะสนิทแบบนั้น ผมก็คงผิดเต็มๆ นั่นแหละ
แต่เพื่อนตอนเนอสเซอรี่น่ะ พอถึงม.ปลายแล้วยังจำชื่อกันได้ก็ถือว่าแปลกแล้วไม่ใช่เหรอ?
ถึงอย่างนั้นผมก็ยังพอจำได้ลางๆ ว่าตอนนั้นเคยเล่นกับเด็กผู้หญิงคนนึงบ่อยๆ
จะว่าไปแล้วเด็กคนนั้นชอบเกาะติดอยู่กับผมตลอดเลย แล้วเธอก็ชอบลากผมไปนู่นไปนี่เหมือนลูกกระจ๊อกเลยนี่นา…
“เด็กไม่ดีคนนั้นน่ะเหรอคือซูซุมิเนะซัง…?”
ผมพึมพำออกมาเมื่อความทรงจำบางอย่างกลับมา และทันใดนั้น
“เรื่องแบบนั้นน่ะ ลืมๆ ไปซะก็ดีแล้ว!”
‘ซ่าาา’
น้ำทะเลถูกสาดใส่หน้าผมเต็มแรง
“อึก… แสบชะมัด…”
เธอคงอายจนต้องเบี่ยงประเด็นด้วยการทำให้ผมหลับตาด้วยน้ำทะเลแทน…
“ตกลงอยากให้จำหรืออยากให้ลืมกันแน่เนี่ย…”
ผมถามพลางปาดน้ำออกจากหน้าหลังจากที่ได้คำตอบกลับมาแบบไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่
“จำแค่เรื่องดีๆ ก็พอ”
แต่ผมมีแต่ความทรงจำที่โดนลากไปนู่นมานี่เหมือนลูกกระจ๊อกนะ…?
แล้วจู่ๆ บรรยากาศก็ถูกขัดขึ้นโดยมิซากิที่เอ่ยแทรก
“แต่เฮียวกะจังตอนเด็กเคยไปเนอสเซอรี่ใกล้บริษัทของป้าไม่ใช่เหรอ?”
พอได้ยินแบบนั้น ผมก็เริ่มเข้าใจทันทีว่าทำไมซูซุมิเนะซังถึงรู้เรื่องเกี่ยวกับแม่ของผมมากมายขนาดนั้น
“ใช่แล้วล่ะ” เธอพยักหน้ารับ
“แต่ไรโตะคุง โคโคอะจังไม่ได้เรียนเนอสเซอรี่เดียวกันกับที่นายเคยเรียนเหรอ?”
พอซูซุมิเนะซังตอบคำถามของเธอ มิซากิก็หันมาถามผมต่อทันที
“อาาา เปล่านะ แม่เล่าให้ฟังว่าสมัยฉันยังเล็ก ที่เนอสเซอรี่ของโคโคอะน่ะเต็มแล้ว ก็เลยต้องส่งฉันไปเข้าเนอสเซอรี่ที่อยู่ใกล้ที่ทำงานของแม่แทน”
ซึ่งก็คือเนอสเซอรี่เดียวกับซูซุมิเนะซังนั่นเอง
แล้วจากตรงนี้เราก็พอจะเดาได้แล้วว่าแม่ของผมกับแม่ของซูซุมิเนะซังอาจจะทำงานที่เดียวกันก็เป็นได้
“งั้น… เป็นเรื่องจริงเหรอที่พวกเธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน?”
พอเข้าใจความจริง มิซากิก็ทำหน้าเหมือนโลกจะถล่ม เธอก้มหน้าลงพร้อมยกมือแนบอกคล้ายจะตั้งสติไม่อยู่
เธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ…?
ผมรู้สึกกังวลกับสภาพของมิซากิมากกว่าจะตกใจเรื่องซูซุมิเนะซังที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของผมเสียอีก
“ถึงจะบอกว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กก็เถอะ แต่ความสัมพันธ์ของฉันกับซูซุมิเนะซังไม่เหมือนกับของมิซากิหรอกนะ เรื่องพวกนั้นมันจบไปตั้งแต่ตอนเนอสเซอรี่แล้ว อย่าเข้าใจผิดล่ะ”
ก่อนที่เธอจะตีความผิดไปไกล ผมรีบพูดแก้ตัวทันที
ซูซุมิเนะซังก็แค่เอาเรื่องเพื่อนสมัยเด็กมาใช้เพื่อให้มิซากิสบายใจเท่านั้นเอง ไม่ได้มีเจตนาที่คิดจะแย่งผมไปหรืออะไรทั้งนั้น
แต่ก็อย่างว่าแหละ… มันจะได้ผลมั้ยก็อีกเรื่องหนึ่งเลย
“ขอโทษนะ ฉันขอกลับขึ้นฝั่งก่อน…!”
อยู่ๆ มิซากิก็พูดแบบนั้นก่อนจะรีบว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งทันที
“หา!? เฮ้! มิซากิ!!”
ผมรีบตะโกนเรียกเธอ แต่เธอไม่คิดจะหยุดเลยสักนิด
อาจจะไม่ได้ยินเพราะเสียงคลื่นกับระยะห่างก็ได้
แล้วเธอก็ว่ายหายไปอย่างรวดเร็วในระดับนักกีฬาว่ายน้ำ
“ให้ตายสิ… เร็วเกินไปแล้ว…”
ถึงจะรู้ว่าเธอว่ายน้ำเก่ง แต่ผมคงไม่มีทางไล่ทันด้วยความเร็วแบบนั้นแน่ๆ
“หืมมมม… ก็คิดไว้อยู่ว่าอาจจะเป็นแบบนี้ สุดท้ายแล้วคำโกหกก็ค่อยๆ กลายเป็นความจริงสินะ”
ซูซุมิเนะซังพึมพำเสียงเบาๆ ก่อนจะลอยตัวเข้ามาใกล้ผม
“เอ้า รีบตามไปสิ”
เธอผลักแผ่นหลังผมเบาๆ
“เดี๋ยวสิ จะให้ตามไปเนี่ยนะ…”
“เวลาแบบนี้น่ะ มีแต่แฟนเท่านั้นแหละที่ต้องรีบตามไป”
พูดเหมือนเป็นฉากในมังงะเลยนะ… แต่ปัญหาคือผมเป็นแฟนปลอมๆ น่ะสิ จะให้รีบว่ายตามไปแล้วพูดว่าอะไรล่ะ…?
“ว่าแต่ตัวต้นเหตุมันก็คือเธอไม่ใช่รึไงซูซุมิเนะซัง…”
“ฉันก็แค่พยายามเคลียร์ข้อสงสัยเพราะโดนเข้าใจผิดอยู่นี่นา”
เป็นอย่างงั้นจริงๆ น่ะเหรอ? ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง… เธอเดินหมากพลาดครั้งใหญ่เลยนะ…
ถึงถามต่อไปก็ไม่ได้คำตอบจากเธอหรอก ผมเลยเลือกที่จะปล่อยผ่านไป
“งั้นฉันจะไปละนะ”
“ห๊า!? เดี๋ยวก่อนสิ!! แล้วจะจับมือฉันทำไมล่ะ!?”
พอผมคว้ามือเธอไว้ เธอก็หน้าแดงแล้วโวยขึ้นมาทันที
ทั้งที่ตัวเองจับผมเองได้แท้ๆ แต่กลับไม่ยอมให้ผมจับกลับเนี่ยนะ…?
“เธอว่ายน้ำไม่เป็นใช่มั้ยล่ะ? ถ้าปล่อยทิ้งไว้คนเดียวแล้วเกิดอะไรขึ้นมาจะลำบาก ฉันจะพาเธอขึ้นฝั่งไปด้วย พอถึงแล้วค่อยถอยห่างออกจากตัวฉันก็ได้”
ผมพูดแล้วค่อยปล่อยมือเธอออก
ยังไงก็ต้องพาเรือยางกลับไปด้วยอยู่แล้ว จะให้ว่ายไปพร้อมกันก็คงไม่ได้ตั้งแต่แรก
ถึงจริงๆ แล้วการพามาด้วยอาจทำให้ตามมิซากิยากขึ้นก็เถอะ
แต่มาทะเลทั้งที จะปล่อยให้คนว่ายน้ำไม่เป็นอยู่กลางทะเลคนเดียวก็ไม่ได้
แล้วถ้าโดนพวกผู้ชายที่กำลังเล่นน้ำเข้ามาจีบตอนนี้อีกก็ลำบากกันพอดี
ถึงจะบอกว่าเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็ก แต่พอเกิดอะไรขึ้นก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้ง่ายๆ
ฉะนั้นจนกว่าจะขึ้นถึงฝั่ง ผมจะไม่ทิ้งเธอไว้แน่นอน
“นายควรจะใส่ใจกับมิซากิมากกว่าฉันนะ”
“กับมิซากิน่ะ ฉันก็ทำเต็มที่แล้วนะ… เธอรู้มั้ย..?”
ทั้งที่ปกติผมแทบจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนร่วมชั้นเลยแท้ๆ แต่กับมิซากิ ผมพยายามเข้าใกล้เท่าที่จะทำได้แล้ว
แถมตอนอยู่ที่บ้าน ตอนที่เธอมาอ้อนผมก็ไม่เคยปฏิเสธหรือผลักไสเธอด้วยซ้ำ
พูดตามตรง… ถ้ามากไปกว่านี้ผมคงแบกรับไม่ไหวแล้วจริงๆ
แต่ยังไงก็เถอะ พวกเราขึ้นเรือลำเดียวกันแล้ว จะให้ผมลงกลางทางก็ไม่ได้อยู่ดี
ให้ตายสิ… เหมือนเลี้ยงน้องสาวที่เรื่องมากขึ้นทุกวันเลยแฮะ…
ไม่เหมือนโคโคอะเลยสักนิดเดียว
“ไม่ว่าจะพูดอะไรก็เถอะ… นายนี่ใส่ใจคนอื่นเก่งจริงๆ เลยนะ”
MANGA DISCUSSION