“—เฮ้ ดูนั่นสิ ผู้หญิงคนนั้นสวยมากเลยอะ”
“จริงด้วย หรือว่าเป็นไอดอลที่แอบมาเที่ยวกันนะ?”
…เธอเป็นถึงสาวสวยอันดับหนึ่งของโรงเรียน แค่เดินผ่านไปเฉยๆ ก็เรียกสายตาได้เป็นสิบคู่ และแน่นอนว่าในตอนนี้ เธอกำลังเป็นจุดสนใจของทุกคนรอบข้างอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยถนัดกับการถูกจ้องมองแบบนี้ สีหน้าของคุโรยูกิซังดูเกร็งๆ เหมือนรู้สึกไม่สบายใจนัก
—ในทางตรงข้าม โคโคอะที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของผมกลับไม่มีวี่แววว่าจะสนใจสายตาเหล่านั้นเลย
เธอกำลังโยกตัวไปมาด้วยท่าทีอารมณ์ดีสุดๆ เหมือนกำลังอยู่ในโลกของตัวเอง
“ผู้ชายข้างๆ นั่นใช่แฟนเธอรึเปล่า?”
“ไม่มีทางหรอก ดูไม่เข้าคู่กันเลยซักนิด น่าจะเป็นญาติหรือไม่ก็คนติดตามมากกว่า”
…ดูเหมือนว่าผมจะไม่ได้ถูกมองว่าเป็นแฟน แถมยังไม่ถึงขั้นเพื่อนผู้ชายด้วยซ้ำ คงเพราะภาพลักษณ์ของเรามันช่างไม่เข้าคู่กันอย่างสิ้นเชิง
เรื่องแบบนี้ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องเรียนรู้ไว้เป็นบทเรียนแหละนะ… แต่ถ้าเลือกได้ ผมก็ไม่อยากรู้เรื่องนี้เลยจริงๆ
“ขอโทษนะ…”
คุโรยูกิซังพูดพลางทำหน้าเศร้าเล็กๆ เหมือนจะรู้สึกผิดที่ผมโดนพูดถึงแบบนั้น
“ไม่ต้องขอโทษหรอก ไม่ใช่ความผิดของเธอเลยนะ คุโรยูกิซังไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“แต่ฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้ชิราอิคุงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้นี่นา…”
…เธอเป็นคนใจดีมาก บางทีอาจจะใจดีเกินไปด้วยซ้ำ
ทั้งๆ ที่ไม่มีใครโทษเธอเลย แต่เธอกลับเลือกจะโทษตัวเองก่อนเสมอ
“การที่เป็นคนใจดีน่ะ มันเป็นเรื่องที่ดีนะ… แต่ถ้าใจดีเกินไปล่ะก็ มันอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ก็ได้”
“เอ๊ะ…?”
“การที่เธอคิดว่า ‘เป็นความผิดของฉัน’ มันดูเหมือนใจกว้างก็จริง แต่ถ้าเธอทำแบบนั้นกับทุกเรื่องไปเรื่อยๆ มันอาจหมายความว่าเธอกำลังเข้าใจสถานการณ์ผิดก็ได้นะ ยิ่งกว่านั้น บางทีมันก็อาจเป็นการพรากโอกาสในการรู้ถูกรู้ผิดของอีกฝ่ายไปด้วย”
ถ้าเป็นแค่พวกคนแปลกหน้าหรือคนที่ไม่ได้แคร์ก็ปล่อยให้เขาเจอผลของการกระทำตัวเองไปเถอะ
จะเรียนรู้ด้วยตัวเองหรือจะพลาดซ้ำๆ จนเจ็บตัวก็เป็นเรื่องของเขา
แต่ถ้าเป็นคนใกล้ตัว… เป็นคนสำคัญล่ะก็ ผมคิดว่าเราควรเตือนเขาให้รู้ว่าผิดตรงไหนเพื่อที่จะได้เปลี่ยนแปลงได้
“ว่าแต่ชิราอิคุงดูจะเอ็นดูโคโคอะจังมากเลยนี่นะ เวลาทำผิดล่ะ ดุเธอบ้างไหม?”
คุโรยูกิซังถามพลางมองหน้าผมอย่างสงสัย คงคิดว่าผมใจอ่อนเกินไปจนไม่เคยดุโคโคอะเลยล่ะมั้ง
แต่ก่อนที่ผมจะตอบเธอ เสียงเล็กๆ ก็ตัดหน้าขึ้นมาก่อน
“พี่จ๋า… ดุ~!”
โคโคอะที่นั่งฟังอยู่นาน จู่ๆ ก็โผล่หน้าเข้ามาตอบด้วยท่าทางมั่นใจสุดๆ ดูเหมือนแค่ได้ยินชื่อตัวเองก็พร้อมร่วมวงสนทนาเสมอ
“ก็มีบ้างนิดหน่อยน่ะ… แค่เตือนเบาๆ เท่านั้นเอง ไม่ใช่แบบตะคอกใส่หรืออะไรหรอก”
“แต่พี่จ๋าบางทีก็ดังไปหน่อยน้า~”
“…โคโคอะ? ประโยคนั้นมันแทงใจมากเลยนะรู้ไหม?”
ถึงจะรู้ว่าโคโคอะพูดเพราะน้อยใจเรื่องที่โดนเตือนบ่อย แต่พอได้ยินแบบนั้นตรงๆ จากน้องสาวตัวเอง ผมนี่ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดเลยทีเดียว
“แต่พี่จ๋าน่ะใจดีกับโคโคอะมากๆ เลยนะ!”
ดูเหมือนว่าโคโคอะจะพอรู้ว่าผมแอบเสียใจ
เธอเลยรีบหันไปพูดกับคุโรยูกิซังด้วยรอยยิ้มกว้าง พยายามแก้ตัวแทนผม
…ผมอยากจะเชื่อว่านั่นเป็นคำพูดที่ออกมาจากใจของเธอจริงๆ
“ฟุฟุ… ดูสนิทกันจังเลยนะ”
“อื้อ! โคโคอะกับพี่จ๋าสนิทกันมากๆ เลยล่ะ!”
พอเห็นคุโรยูกิซังยิ้มออกมา โคโคอะก็ยิ้มตามอย่างร่าเริง
—แค่ได้เห็นภาพนี้ ผมก็รู้สึกเหมือนสองคนนี้เป็นพี่น้องกันจริงๆ ยังไงอย่างนั้น ช่วงเวลาแบบนี้มันช่างอบอุ่นดีจริงๆ
“—อ๊ะ! พี่จ๋า! ดูนั่นสิ! สายไหม!”
ระหว่างที่เรากำลังเดินคุยกันเพลินๆ จู่ๆ โคโคอะก็ชี้นิ้วไปที่ร้านแผงลอยร้านหนึ่งตรงหน้าอย่างตื่นเต้น ดูเหมือนว่าเธอจะจับตามองร้านขนมมาตลอดด้วยนะเนี่ย
“เมื่อกี้ยังบอกว่าอยากกินแอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”
“อยากกินสายไหมด้วย~!”
โคโคอะเริ่มดึงชายเสื้อผมแรงขึ้นด้วยท่าทางอ้อนสุดตัว ดูท่าจะอยากกินมากจริงๆ
“เข้าใจแล้วๆ… โทษทีนะคุโรยูกิซัง พอจะรอแป๊บหนึ่งได้ไหม?”
“ไม่เป็นไรเลย ฉันก็อยากกินเหมือนกัน”
พอถามเธอออกไปอย่างสุภาพ เธอก็ยิ้มตอบกลับมาทันที
กับผู้หญิงที่ทั้งใจดีและเข้าใจคนอื่นแบบนี้ การเดินด้วยกันมันช่างสบายใจเหลือเกิน
ทั้งฉลาด พูดรู้เรื่อง และเอาใจใส่คนรอบข้างอย่างเธอ อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก
…แต่อย่าลืมสิ เราสองคนไม่ได้คบกันจริงๆ เพราะงั้นผมต้องไม่เผลอพึ่งพาความอ่อนโยนของเธอมากเกินไปนัก
“งั้น… ฉันขอซื้อด้วยดีกว่า~”
“ดีเลยล่ะ เทศกาลทั้งทีไม่สนุกให้เต็มที่ก็คงน่าเสียดายนะ”
“แล้วชิราอิคุงล่ะ? จะไม่ซื้อด้วยเหรอ?”
คุโรยูกิซังถามขึ้นอย่างสงสัย คงเพราะเธอสังเกตว่าผมหยิบเงินแค่พอดีสำหรับคนเดียว
“ไม่เป็นไรน่า แค่โคโคอะได้กินก็พอแล้วล่ะ”
ผมพูดพลางยื่นเหรียญห้าร้อยเยนให้โคโคอะ
“คุณลุงค้า~! ขอสายไหมอันนึงค่า~!”
โคโคอะยิ้มสดใสส่งเหรียญให้คุณลุงเจ้าของร้าน ทำให้เขาก็ยิ้มกว้างกลับมาเช่นกัน
“เก่งมากเลยโคโคอะ!”
“อื้อ~!”
ผมลูบหัวเธอเบาๆ เป็นรางวัลสำหรับความกล้า
โคโคอะหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขเหมือนแมวน้อยที่กำลังถูกรัก
“แต่โคโคอะจัง ฟังนะ เวลาสั่งอะไรแบบนี้น่ะ ต้องสั่งเผื่อของคุโรยูกิซังด้วยสิ”
“อ๊ะ…!”
ดูเหมือนว่าโคโคอะจะเพิ่งรู้ตัวว่าลืมไป
สีหน้าเธอสะดุ้งขึ้นมาทันทีราวกับมีเสียง ‘ตึง!’ ดังในหัว จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมองคุโรยูกิซังด้วยสายตาสลด
“ข–ขอโทษค่า…”
“ม–ไม่เป็นไรหรอกน่า…!? เอ่อ… ว่าแต่นี่มันแอบใจร้ายไปหน่อยไหมชิราอิคุง…”
คุโรยูกิซังพูดพลางเหลือบตามองผมด้วยสีหน้ากังวล ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจเจตนาของผมได้ทันที
“ก็ตอนที่โคโคอะรับเงินจากฉันไป เธอคงคิดว่านั่นเป็นค่าขนมของตัวเองคนเดียวเลยเผลอสั่งแค่ชิ้นเดียวไปโดยไม่ได้คิดถึงใครอีก แต่จริงๆ แล้วการจ่ายเงินน่ะ แค่จ่ายตอนยื่นเงินก็พอ พอถึงตอนสั่ง เราก็ควรเผื่อคนอื่นไว้ด้วย เข้าใจไหม?”
“…อื้ม”
แม้จะดูเหมือนเธอจะเข้าใจอยู่แล้ว แต่ผมก็อธิบายให้ชัดเจนอีกที
โคโคอะพยักหน้าเบาๆ อย่างจริงจัง
เธอไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจเลยสักนิด ตรงกันข้าม ดูเหมือนจะเข้าใจและยอมรับว่าตัวเองยังทำได้ไม่ดีพอจริงๆ ด้วยซ้ำ
“เอาล่ะ ถ้าเข้าใจแล้ว รู้ไหมว่าควรทำยังไง?”
“อื้อ…! ลุงค้า~ ขอสายไหมเพิ่มอีกชิ้นนึงค่า~!”
“เก่งมากเลย”
พอเธอสั่งเพิ่มให้คุโรยูกิซังได้ ผมก็ลูบหัวเธออีกทีเป็นรางวัล แค่นั้นโคโคอะก็กลับมายิ้มแป้นอีกครั้งแล้ว
เด็กน้อยก็คือแบบนี้แหละ… อารมณ์เปลี่ยนง่ายแต่ก็สดใสและบริสุทธิ์สุดๆ ถึงจะดื้อแล้วงอนยาวในบางที แต่ตอนอารมณ์ดีก็น่ารักเกินห้ามใจ
“ปกตินายก็สอนอะไรแบบนี้ให้โคโคอะอยู่ตลอดเลยเหรอ?”
ระหว่างที่โคโคอะยื่นมือไปรับสายไหม คุโรยูกิซังหันมาถามผมด้วยแววตาประหลาดใจเล็กๆ
“ก็… ถ้ามีโอกาสนะ เพราะเราไม่รู้หรอกว่าจะมีวันไหนที่ฉันไม่สามารถสอนได้อีกแล้ว”
“เดี๋ยวสิ… พูดเหมือนจะตายยังไงยังงั้น…”
“คนเราน่ะ บางทีก็จากไปแบบไม่ทันตั้งตัวเหมือนกันนะ”
ผมพูดเบาๆ ราวกระซิบ พยายามให้โคโคอะไม่ได้ยินเพราะไม่อยากให้เธอกังวลกับเรื่องแบบนี้ แต่เสียงนั้นก็ดังพอให้คุโรยูกิซังได้ยินพอดี
“อืม… นั่นสินะ…”
แต่คำตอบของเธอกลับต่างจากที่ผมคาดไว้ ผมนึกว่าเธอจะรับฟังแบบขำๆ หรือไม่ก็ยิ้มแห้งๆ แล้วเปลี่ยนเรื่อง แต่กลับกลายเป็นว่าเธอมีแววตาครุ่นคิดบางอย่าง
…บางทีคุโรยูกิซังอาจจะเคยผ่านเรื่องคล้ายๆ กันมาก็ได้
“พี่จ๋า~ อ้ามม~!”
ขณะที่ผมกำลังคิดถึงสีหน้าเงียบๆ ของเธอ โคโคอะก็ยื่นสายไหมตรงมาทางผม
สีหน้ายิ้มแป้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ดูเหมือนเธออยากป้อนผมเป็นพิเศษ
“โคโคอะกินก่อนเลยสิ”
“กินแล้ว~!”
อ่า… เผลอหันไปแป๊บเดียวเธอก็แอบชิมไปเรียบร้อยแล้วสินะ ในเมื่อเป็นแบบนั้น ผมก็ไม่เกรงใจแล้วละกัน
“อร่อยดีนะ จากนี้โคโคอะก็กินต่อเถอะ”
“อื้อ~!”
ผมเอียงหน้าถอยออกเล็กน้อยเป็นเชิงบอกว่าพอแล้ว โคโคอะก็พยักหน้าแล้วหันไปกินต่ออย่างเอร็ดอร่อย
“สนิทกันจังเลยนะ…”
คุโรยูกิซังพูดขึ้นขณะรับสายไหมจากลุงร้านแผงลอย แววตาของเธอเป็นประกายเล็กๆ แบบอบอุ่น
“คงเพราะอายุห่างกันเยอะล่ะมั้ง”
ผมตอบพลางเหลือบมองโคโคอะที่ยังคงกินสายไหมอย่างเพลินใจ
เธอทั้งเด็กและซุกซน แต่สำหรับผม… เธอเหมือนลูกสาวมากกว่าน้องด้วยซ้ำ เพราะอายุเราห่างกันมากจนเป็นแบบนั้นโดยธรรมชาติ
“ชิราอิคุงเป็นคนอ่อนโยนจังเลยนะ”
“ก็เฉพาะกับโคโคอะเท่านั้นแหละ”
“ไม่เห็นจะจริงเลย”
คุโรยูกิซังหัวเราะเบาๆ แล้วส่งยิ้มอบอุ่นให้ผมเหมือนจะบอกว่า ‘นายใจดีกว่านั้นอีกน่า’ แม้ผมจะไม่คิดแบบนั้นก็ตาม…
เพราะเอาเข้าจริง ผมไม่ได้มีเวลามากพอจะใส่ใจกับทุกคนรอบตัว ผมแค่ทุ่มทั้งหมดที่มีให้กับโคโคอะและครอบครัวของผมเท่านั้น
“ไปหาที่นั่งกินที่ไม่เกะกะกันเถอะ”
“อืม ดีเหมือนกันนะ”
จากนั้นพวกเราก็ย้ายไปนั่งที่เก้าอี้ยาวตรงมุมเงียบๆ ข้างทาง
พวกเรานั่งกินสายไหมกันเงียบๆ ท่ามกลางแสงไฟของงานเทศกาลที่ค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ
—แต่แน่นอนว่าเรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น
“พี่จ๋า~ อ้ามม~!”
“ไม่กินแล้วเหรอ?”
“อ้ามม~!”
โคโคอะยื่นสายไหมครึ่งก้อนที่เหลือมาให้ผมอีกครั้ง ดูท่าจะอิ่มแล้วแต่ก็ไม่อยากทิ้ง
สุดท้าย ผมก็ต้องรับหน้าที่เป็นเครื่องกำจัดอาหารไปโดยปริยาย ยังไงเธอเองก็ยังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ ที่ไม่สามารถทานอาหารได้หมดชิ้นอยู่ดีนั่นแหละนะ
MANGA DISCUSSION