“มิซากิอึดอัดรึเปล่า…?”
“มะ…ไม่หรอก…”
ตอนนี้ผมกับมิซากินั่งเบียดกันอยู่ตรงเบาะหลัง และเพราะใส่เสื้อแขนสั้นกันทั้งคู่ ผิวเลยสัมผัสโดนกันอย่างแผ่วเบา
มันชวนทำให้ใจเต้นแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆ ที่เคยนั่งใกล้ๆ กันที่บ้านมาแล้วแท้ๆ แต่ทำไมวันนี้ถึงได้รู้สึกเขินขนาดนี้นะ…
“สวีทกันจังเลยน้า~”
ต้นเหตุของความประหม่าทั้งหมดก็คือซูซุมิเนะซังที่นั่งอยู่เบาะหน้าแล้วหันมายิ้มยียวนใส่พวกผมนี่แหละ ท่าทางจะสนุกเอามากๆ สินะ
“พี่ชายกับพี่สาว… รักกัน…! “
โคโคอะพยักหน้าหงึกหงักด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม รายนี้น่ะดีใจออกนอกหน้าจนน่าเอ็นดู แต่เดี๋ยวก่อนนะ…
“เฮียวกะจังดูสนุกจังเลยนะ…”
“ไม่ได้สนุกอะไรซักหน่อย”
ซูซุมิเนะซังยิ้มกริ่มพลางเอียงคอน้อยๆ ตอบคำพูดของมิซากิ
คำพูดกับการกระทำของเธอช่างสวนทางกันซะจริงๆ
“ฉันเองก็รู้สึกดีใจนะคะ ที่ชิราอิซังดีกับมิซากิแบบนี้”
พอผมหันไปจ้องเธออย่างเคืองๆ ก็มีเสียงอบอุ่นดังขึ้นจากเบาะคนขับ ซาซากาวะซังหันมายิ้มบางๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนโยน
ในฐานะพี่สาว เธอก็คงอดเป็นห่วงน้องไม่ได้สินะ
“มิซากิน่ะเป็นเด็กน่ารัก ใครๆ ก็เข้ากับเธอได้อยู่แล้วล่ะครับ”
“เอะเฮะๆ…”
ผมตั้งใจพูดให้เธอได้ยินเพราะนี่คือพี่สาวของแฟน แต่พอได้ยินแบบนั้น มิซากิก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างเขินๆ
ทั้งที่ปกติก็โดนชมอยู่บ่อยๆ ที่โรงเรียนแท้ๆ แต่พอเจอแบบนี้กลับเขินง่ายซะได้ อาจจะเป็นพวกที่แพ้คำชมมากกว่าที่คิดก็ได้นะ… แต่คำพูดของผมน่ะไม่ใช่คำชมหรอกนะ เพราะมันคือความจริงล้วนๆ เพราะมิซากิน่ะเป็นคนที่โดดเด่นจนมีแต่คนชอบแถมยังเข้ากับใครก็ได้อีกต่างหาก
“หายากดีนะคะที่จะได้เห็นชิราอิซังอวดแฟนแบบนี้ล่ะก็”
“นี่มันก็หน้าร้อนแล้วนะ อย่ามาเพิ่มความร้อนให้มากกว่านี้จะได้ไหม…”
จากฝั่งคนขับและคนนั่งข้างคนขับ ต่างคนก็ต่างส่งความรู้สึกมาหาผมคนละแบบ
ซาซากาวะซังยังคงยิ้มหวานไม่เปลี่ยน ส่วนซูซุมิเนะซังก็หรี่ตามองมานิ่งๆ
แปลกจริงๆ… เมื่อกี้ยังล้อผมอยู่เลยไม่ใช่เหรอ จะมาทำหน้าหงุดหงิดตอนนี้ทำไมกันนะ…?
“เปล่านะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะอวดแฟนเลยจริงๆ…”
ผมรีบปฏิเสธไว้ก่อน เพราะในความรู้สึกตัวเองมันไม่ได้หมายความแบบนั้นเลยสักนิด
“ถ้านั่นไม่เรียกว่าเป็นการอวดแฟน แล้วนายจะเรียกว่าอะไรล่ะ?”
เสียงของซูซุมิเนะซังแทรกขึ้นมาก่อนซาซากาวะซังเสียอีก เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวรู้สึกอะไรบางอย่างถึงกับอดถามขึ้นมาไม่ได้ แถมมุมปากยังยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อีกต่างหาก ดูท่าทางจะตั้งใจแกล้งกันเต็มที่
ดูเหมือนว่าเมื่อกี้ที่ส่งสายตาจิกๆ ใส่กันนั่นก็ไม่ได้แปลว่าไม่พอใจอะไร แค่อยากแกล้งกันเฉยๆ เท่านั้นเอง
“ก็ไม่ได้อวดหรอก ฉันก็แค่พูดความจริงเท่านั้น ซูซุมิเนะซังก็รู้ใช่ไหมว่ามิซากิน่ะเป็นที่นิยมในโรงเรียนแค่ไหน”
“ต่อให้เป็นเรื่องจริง แต่การที่พูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยแบบนั้น ต่อหน้าคนอื่นก็เรียกว่ากำลังอวดแฟนอยู่ดีนั่นแหละ”
“อย่างนั้นเหรอ..?”
เพราะผมไม่ค่อยมีเพื่อนเลยไม่ค่อยได้พูดเรื่องแบบนี้ให้ใครฟังมาก่อน ผมเลยลองหันไปถามความเห็นจากมิซากิแทน
“อืม… อือ… ก็อาจจะใช่ก็ได้นะ?”
เธอหลบตาพลางแก้มขึ้นสีแดงจัด ดูยังไงเธอก็บอกคำตอบผ่านการกระทำสินะ
“ไม่ใช่นะ ฉันไม่ได้คิดจะอวดเลยจริงๆ…”
“คนที่ชอบอวดแฟนน่ะ ส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวหรอก”
งั้นเหรอ… แต่เราสองคนไม่ได้คบกันจริงๆ สักหน่อย… แน่นอนว่าผมไม่มีทางพูดประโยคนั้นออกไปแน่
“ไรโตะคุงเป็นคนที่ชอบชมตรงๆ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกอะไรเลยนะ นั่นอาจจะเป็นความต่างระหว่างไรโตะคุงกับคนอื่นเวลาอวดแฟนก็ได้นะ”
มิซากิยังช่วยพูดเข้าข้างให้ แม้ว่าคำพูดนั้นฟังดูคล้ายจะช่วย แต่จริงๆ แล้วก็ชวนให้รู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย
“แต่ฉันว่าความสัมพันธ์ที่ดีจนอยากที่จะอวดให้คนอื่นเห็นก็เป็นเรื่องน่ายินดีนะคะ”
ซาซากาวะซังคงเห็นว่าผมเริ่มทำหน้าไม่สู้ดี เธอจึงพูดเสริมด้วยรอยยิ้มแสนอ่อนโยน แต่ยังไงผมก็ยังถูกจัดว่าเป็นคนที่ชอบอวดแฟนอยู่ดีสินะ…
“อีกอย่างนะคะ ฉันดีใจมากจริงๆ ที่ได้เห็นมิซากิมีความสุขแบบนี้ เมื่อก่อนเด็กคนนี้เคยกลัวความรักเพราะฉันนี่แหละ… พอเห็นว่าได้คบกับคุณชิราอิแล้วเธอยิ้มได้แบบนี้ ฉันก็รู้สึกโล่งใจค่ะ”
น้ำเสียงของเธอผ่านเข้ามาทางกระจกมองหลังพร้อมกับรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความรัก
เธอกำลังดีใจกับความสุขของน้องสาวอย่างสุดหัวใจ… และนั่นเองที่ทำให้หัวใจของผมเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“…………”
มิซากิเองก็คงรู้สึกอึดอัดไม่ต่างกัน เธอเอามือแตะหน้าอกพลางเบือนหน้าหนีไปอีกทาง และเมื่อซูซุมิเนะซังเห็นสภาพของเราทั้งคู่เข้า เธอก็ส่งสายตาแบบที่ไม่ต้องพูดอะไรก็สื่อออกมาได้ชัดว่า ‘สมน้ำหน้า’
MANGA DISCUSSION