“พี่สาวของมิซากิคือคุณครูซาซากาวะเองงั้นเหรอครับ…”
เพราะนามสกุลไม่เหมือนกัน ผมเลยไม่เคยเอะใจมาก่อน
ทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วว่าคุณครูซาซากาวะแต่งงานแล้ว น่าจะเดาออกว่าพอแต่งงานเธอก็คงเปลี่ยนนามสกุลตามสามีไป…
“ทำชิราอิคุงตกใจเลยสินะคะ ที่จริงพี่กะว่าจะทำเป็นไม่รู้จนกว่ามิซากิจะเป็นคนแนะนำให้เองน่ะค่ะ”
คุณครูยังคงส่งยิ้มอ่อนโยนอย่างที่เคยแล้วก็อธิบายเหตุผลให้ฟัง คงเพราะเธอคิดว่าหน้าที่แนะนำควรเป็นของน้องสาวนั่นแหละถึงจะถูกต้อง
นิสัยเธอคงคล้ายๆ กับมิซากิที่เป็นคนจริงจังและเป็นคนตรงไปตรงมานั่นแหละ
แต่เดี๋ยวนะ… ถ้าเป็นพี่สาวของมิซากิล่ะก็… นั่นก็หมายความว่าเธอคือคนที่ใช้เวลานานมากกว่าจะผ่านช่วงเวลาที่ต้องสูญเสียสามีไปได้ แล้วในบ้านก็เป็นคนซุ่มซ่ามนิดๆ สินะ… แต่แบบนั้นมันขัดกับภาพของคุณครูซาซากาวะที่ผมรู้จักสุดๆ เลยไม่ใช่หรือไง…!?
ตอนนี้ในหัวผมเลยมีความรู้สึกปนเปที่อธิบายไม่ถูก เพราะเคยแอบปลื้มเธออยู่เหมือนกัน
“คุณครูก็ไปทะเลด้วยเหรอ!?”
ระหว่างที่ผมกำลังงุนงงอยู่นั้น โคโคอะที่อารมณ์ดีขึ้นแล้วก็หันไปทักทายคุณครูทันที เพราะเธอสนิทกับคุณครูมากจึงดีใจที่ได้เจอกันแบบนี้ หรือบางทีสาเหตุที่โคโคอะสนิทกับมิซากิเร็วขนาดนั้นอาจเป็นเพราะเธอรู้สึกว่าทั้งสองคนคล้ายกันก็ได้นะ
“ใช่จ้ะโคโคอะจัง วันนี้ขอฝากตัวด้วยนะ”
“อื้อ…! ฝากตัวด้วยค่ะ…!”
ถึงจะตกใจที่คุณครูมาด้วยแต่ก็เป็นผลดี เพราะโคโคอะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
สำหรับเธอแล้วต่อให้ไม่เจอคุณนากหรือคุณโลมา แต่ถ้าได้เจอคุณครูซาซากาวะก็จะดีใจยิ่งกว่า
“ชิราอิคุงคุยกันต่อในรถก็ได้นะ”
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะพาโคโคอะขึ้นไปนั่งก่อนแล้วค่อยเอาสัมภาระมาทีหลัง”
เมื่อคุณครูเอ่ยชวนขึ้นรถ ผมจึงพาโคโคอะไปนั่งที่เบาะนิรภัยสำหรับเด็ก
ตัวเบาะดูไม่ใหญ่มากแต่ก็ยังใช้พื้นที่ในรถค่อนข้างเยอะ ดูแล้วถ้ามีคนนั่งข้างกันบนเบาะหลังสองคนล่ะก็คงได้เบียดกันนิดหน่อยแน่
“นายเป็นเพื่อนกับพี่สาวฉันอยู่แล้วเหรอ?”
ดูเหมือนเธอจะได้ยินบทสนทนาระหว่างผมกับคุณครู จังหวะที่ผมกำลังจะเดินกลับไปเอาของ มิซากิก็หันมาทัก
“คุณครูประจำชั้นของโคโคอะน่ะ”
“หา!? จริงเหรอ!?”
“แล้วทำไมเธอถึงไม่รู้ล่ะ..?”
ซูซุมิเนะซังที่ยืนข้างๆ ทำหน้างงนิดๆ พลางพึมพำเหมือนจะบ่น
เอาจริงๆ ผมก็แอบคิดเหมือนกัน…
“แล้วทำไมฉันจะต้องรู้ด้วยล่ะ…?”
“ก็ชิราอิคุงเคยบอกว่าให้โคโคอะไปเรียนที่เนิร์สเซอรี่ใกล้บ้านใช่ไหมล่ะ แล้วเนิร์สเซอรี่แถวนี้มันจะเป็นที่ไหนได้อีกล่ะ?”
“ก็… ที่ทำงานของพี่สาวฉัน…”
ซูซุมิเนะซังถามแบบเรียบๆ เหมือนจะช่วยทบทวนให้ พอเข้าใจแล้ว มิซากิก็เบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกผิดนิดๆ
“”…………””
พอผมกับซูซุมิเนะซังหันไปมองมิซากิแบบเงียบๆ พร้อมกัน เธอก็เริ่มกระวนกระวายแล้วน้ำตาคลอเบ้าเบาๆ พลางร้องออกมาด้วยน้ำเสียงลนลาน
“ท-ทั้งสองคนไม่ต้องมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นก็ได้นะ…!”
ก็แค่มองปกตินั่นแหละ ไม่ได้มีเจตนาอะไรเลยจริงๆ…
“มิซากินี่เป็นคนที่ดูไร้เดียงสานิดๆ จริงๆ ด้วยแหละนะ…”
“ก็เป็นเสน่ห์ของเธอล่ะมั้ง”
“…………”
พอผมเอ่ยขึ้นมาว่าเป็นเสน่ห์ของมิซากิ ซูซุมิเนะซังก็หันมามองหน้าผมอย่างแปลกใจ ส่วนมิซากิก็ก้มหน้าพร้อมกับแก้มที่แดงจัด
เอ่อ… นี่มันอะไรกัน?
“มีอะไรจะพูดรึเปล่า?”
“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร แค่ว่าตอนแรกฉันว่าจะนั่งข้างหลังกับมิซากิ แต่ดูจากพื้นที่แล้ว ฉันนั่งเบาะหน้าดีกว่า”
“…หา?”
นั่นมัน… หมายความว่า…
“เอ้า ทะเลรออยู่นะ รีบไปเอาสัมภาระมาสิ มิซากิ เราไปนั่งรอกันก่อนเถอะ”
ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยด้วยซ้ำ ซูซุมิเนะซังก็เอื้อมมือไปดันแผ่นหลังมิซากิเบาๆ ให้เดินไปที่รถก่อนจะขึ้นนั่งเบาะหน้า ส่วนมิซากิก็นั่งเบาะหลังตามที่เธอจัดไว้
ไม่สิ… เดี๋ยว… แบบนี้มัน…!
MANGA DISCUSSION